เช้าวันต่อมา
“ผิง เมื่อวันก่อนพี่ขอบคุณมากเลยนะที่ช่วยเอาสูทของคุณฟาบิโอขึ้นไปแขวนให้ ไม่งั้นพี่ต้องถูกดุแน่เลยที่สะเพร่าแบบนั้น”
ปาริมาชะงักมือที่กำลังหั่นผัก คำถามของสาวใช้ที่สนิทสนมกันเป็นอย่างดีอย่างวริษาทำให้คนมีชนักติดหลังอย่างปาริมาอดนึกย้อนไปถึงเรื่องคืนนั้นขึ้นมาอีกไม่ได้ ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น หญิงสาวหันมาหาคู่สนทนา ก่อนจะตอบไม่เต็มเสียงนัก
“ไม่เป็นไรค่ะพี่วุ้น ผิง...ไม่ได้ลำบากอะไร”
ปาริมาตอบแล้วหันกลับไปตั้งอกตั้งใจหั่นผักตามเดิม ส่วนวริษาเองก็คลี่ยิ้มบางๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะชะงักมือที่กำลังช่วยปาริมาเตรียมของเพื่อทำอาหารมื้อเย็น
“เอ่อนี่...ผิงรู้รึยัง อีกสองวันคุณฟาบิโอจะกลับมาแล้วนะ”
หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบทันทีที่ประโยคดังกล่าวจบลง เป็นอีกครั้งที่มือบางต้องชะงัก เธอยังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ เขาควรอยู่ที่อิตาลีสามเดือนไม่ใช่อย่างนั้นหรือ นี่เพิ่งจะไปได้แค่สองวันเพียงเท่านั้น
“แล้ว...ทำไมคุณฟาบิโอถึงได้รีบกลับล่ะคะ”
“เห็นคุณป้าบัวบอกว่าโรงแรมคาสซาโน่ แกรนด์ที่ไทยมีปัญหาหนักเอาการอยู่เหมือนกัน คุณฟาบิโอเลยต้องกลับมาจัดการด้วยตัวเองน่ะ”
“งั้นเหรอคะ”
ปาริมาแอบผ่อนลมหายใจเบาๆ หญิงสาวพยายามไม่คิดถึงเรื่องของฟาบิโออีก ปกติเธอก็ไม่ค่อยได้พบหน้าเขาอยู่แล้ว เพราะส่วนใหญ่เธอจะขลุกอยู่แต่ในครัว เว้นแค่ตอนจัดอาหารขึ้นโต๊ะเท่านั้นที่เธอจะได้มีโอกาสได้เจอเขา
ถ้าเป็นแบบนี้ไปตลอดคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง
ปาริมาสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึกสุดอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เพื่อเป็นการเรียกกำลังใจให้ตัวเอง แล้วจัดการลงมือทำอาหารพยายามไม่นึกถึงเจ้าของคฤหาสน์อีก
สองวันต่อมา
ฟาบิโอพร้อมผู้ติดตามเดินทางกลับมาถึงคฤหาสน์ลิลลี่ในช่วงเย็น ร่างสูงก้าวลงจากรถยุโรปคันหรูทันทีที่รถจอดสนิทโดยมีติอาโก้เป็นคนที่ช่วยเปิดประตูให้ บรรดาสาวใช้ในบ้านรวมถึงบัวมาคอยยืนต้อนรับที่หน้าเทอร์เรซของคฤหาสน์ วริษาคือสาวใช้ที่ทำหน้าที่ดูแลฟาบิโอ เจ้าตัวขยับเท้าเข้าไปรับเสื้อสูทสีดำราคาแพงจากชายหนุ่มก่อนจะถอยเท้ากลับมายืนที่เดิม รอให้คนเป็นเจ้านายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปในคฤหาสน์หลังงามพร้อมบอดี้การ์ดคนสนิท จากนั้นบัวและบรรดาเหล่าสาวใช้จึงขยับเท้าตามเข้าไปด้านใน
ฟาบิโอลงมาที่ห้องอาหารหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ บนโต๊ะไม้สีขาวมีอาหารพร้อมอยู่แล้ว ติอาโก้ทำหน้าที่ขยับเก้าอี้ออกเล็กน้อย จากนั้นฟาบิโอจึงนั่งลงที่บนเก้าอี้ตัวดังกล่าว ก่อนลงมือรับประทานอาหาร ดวงตาคู่คมกวาดสายตามองบัวและบรรดาสาวใช้ที่ยืนคอยรอรับคำสั่งหากชายหนุ่มต้องการอะไรเพิ่มเติม ฟาบิโอค่อนข้างใส่ใจรายละเอียดคนในบ้าน ชายหนุ่มจำชื่อคนงานในบ้านได้ทุกคน แม้กระทั่งคนสวนเขาก็จำชื่อได้ จึงไม่แปลกหากมีใครคนใดคนหนึ่งหายไป เจ้าตัวก็จะรับรู้ได้ทันที
“ปาริมายังไม่หายป่วยอีกเหรอครับ” ฟาบิโอหันไปถามบัวที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากตัวเองนัก
“หายดีแล้วค่ะ”
คิ้วหนาที่พาดเหนือดวงตาสีเทาอ่อนขยับเข้าหากันจนเกือบชิด ใบหน้าหล่อเหลาดูตึงขึ้นอย่างที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัว เมื่อฟาบิโอคิดถึงใบหน้าหวานซึ้งของปาริมา โดยปกติหญิงสาวก็ไม่ค่อยอยากจะมองหน้าเขาอยู่แล้ว เอาแต่หลบสายตา เขาเลยไม่แน่ใจว่าเธอเกรงเขา กลัวเขาหรือเกลียดเขากันแน่ ยิ่งคิดแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด และในเมื่อเจ้าตัวหายป่วยแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมออกมาทำหน้าที่ตัวเอง ต้องมาคอยยืนรับใช้เขาสิถึงจะถูกต้อง
“หายดีแล้วแต่ทำไมถึงไม่มาทำหน้าที่ของตัวเอง”
แหมฟาบิโอไม่ได้ถามโดยตรง แต่พูดออกมาแบบนั้นก็เหมือนต้องการคำตอบอยู่ในที บัวที่มีหน้าที่รับผิดชอบคนงานในบ้านไม่รีรอที่จะหันไปมองหน้าวริษาเพราะรู้ว่าหญิงสาวสนิทกับปาริมา ใช้สายตาเป็นเชิงถาม หากแต่วริษาแสดงสีหน้าลำบากใจ ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่รู้ปาริมาหายไปไหน เพราะก่อนหน้านี้ก็เป็นคนจัดอาหารขึ้นโต๊ะ แต่หลังจากนั้นเธอเองก็ไม่เห็นอีก และที่สำคัญวริษาเองก็ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ ฟาบิโอจะถามหาปาริมาขึ้นมา
“ไม่ทราบค่ะ”
บัวให้คำตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก พลางคิดในใจว่าคงต้องตักเตือนปาริมาเสียแล้วกระมังที่ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง ก่อนหน้านี้หญิงสาวไม่เคยทำหน้าที่บกพร่องเลย แล้วจู่ๆ ทำไมละเลยหน้าที่แบบนี้ไปได้ คงต้องคุยกันเสียแล้ว
เมื่อไม่ได้รับคำตอบ ฟาบิโอเองก็หยุดคาดคั้น ชายหนุ่มเริ่มลงมือจัดการอาหารที่อยู่ตรงหน้า ไม่ถึงสิบห้านาทีมือหนาก็รวบช้อนเข้าหากัน ก่อนที่ริมฝีปากหยักลึกจะขยับออกคำสั่งอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ฝากให้คนบอกปาริมาไปพบผมที่ห้องทำงานตอนสองทุ่มตรงด้วยนะครับ”
ปาริมาไม่ได้หายไปไหน แต่หญิงสาวเก็บตัวอยู่ในห้อง คราวแรกเธอคิดว่าการเผชิญหน้ากับฟาบิโอจะไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่สุดท้ายเธอก็ก้าวผ่านความกลัวนั้นไปไม่ได้ เพียงแค่เห็นขบวนรถของเขาเลี้ยวเข้ามาในคฤหาสน์ กล้ามเนื้อในอกข้างซ้ายของเธอก็เต้นระรัวราวกับว่ามันจะหลุดออกมานอกอก ที่สำคัญหญิงสาวเกรงว่าเขาจะเกิดระแคะระคายเรื่องคืนนั้นขึ้นมา โดยตัวเธอเองนี่แหละที่อาจจะแสดงท่าทีชวนน่าสงสัยออกไป
เธอควรทำเช่นไรดี
ร่างเล็กนั่งอยู่บนเตียงนอน มือบางทั้งสองข้างประสานกันเอาไว้แน่น คิ้วเรียวสวยขยับเข้าหากันจนเกือบชิด ริมฝีปากอิ่มเม้มสลับคลายอย่างคนที่หาทางออกให้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้ โดยไม่รู้เลยว่าการหลบหน้าเช่นนี้ ยิ่งเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มให้ตัวเองเข้าไปกันใหญ่
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก…
ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเพราะกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ดวงตาคู่สวยเหลือบมองไปยังประตูห้องที่ปิดสนิท ก่อนที่เท้าเล็กจะวางลงบนพื้นแล้วขยับไปที่ประตู
“พี่วุ้นมีอะไรหรือเปล่าคะ”
ปาริมาถามเมื่อเห็นว่าคนเคาะประตูของเธอคือวริษา ยิ่งสีหน้าคล้ายลำบากใจของอีกฝ่าย เป็นเหตุให้คิ้วของหญิงสาวขยับเข้าหากัน แต่เจ้าตัวยังไม่ทันได้อ้าปากถาม
“มานี่เลยผิง”
วริษาคว้าข้อมือข้างหนึ่งของปาริมาแล้วออกแรงดึงพอประมาณรั้งร่างของอีกฝ่ายให้ออกมานอกห้อง
“อะไรกันคะ”
คิ้วสวยยกขึ้นสูงเป็นเชิงถาม ดวงตากลมโตจ้องมองวริษาอย่างรอคอยคำตอบ
“ทำไมผิงไม่ไปที่ห้องอาหารล่ะ”
“คือว่า...คือ…”
ปาริมาอ้ำอึ้ง หญิงสาวไม่อยากโกหก แต่ก็ไม่อาจพูดความจริงออกไปได้เช่นกัน ส่วนวริษาเองเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นก็คร้านจะคาดคั้น
“ช่างเถอะ ตอนนี้รีบตามพี่มานี่เลย”
“ดะ เดี๋ยวค่ะ พี่วุ้นจะพาผิงไปไหนคะ”
“พี่จะพาผิงไปหาคุณป้าบัวก่อน” วริษาว่าพร้อมๆ กับที่บังคับปาริมาให้ขยับเท้าตาม “หลังจากนั้นผิงต้องขึ้นไปพบคุณฟาบิโอที่ห้องทำงาน”