การะเกด หรือ เกด วัยยี่สิบเอ็ดปีลูกสาวคนสวยของหัวหน้าแม่บ้านคนเก่าคนแก่และยังเป็นเพื่อนเล่นกับคีตกาลมาตั้งแต่เด็กบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แม้จะทำงานเป็นสาวใช้ที่นี่แต่เธอก็เรียนจบปริญญาตรีด้านการโรงแรมและกำลังจะไปเริ่มงานที่โรงแรมในเครือเลิศวรนันท์หรือก็คือธุรกิจหนึ่งของครอบครัวเขานั่นเอง
“ขอบใจ แล้วพ่อกับพี่นัทอยู่บ้านรึเปล่า”
“คุณผู้ชายกับคุณนัทไปงานเลี้ยงน่าจะกลับดึกค่ะ”
“โอเค ให้คนล้างรถให้ด้วยนะ แล้วก็สมุนไพรนี่เอาไปเก็บไว้ให้คุณแม่ด้วยล่ะ” เขายื่นกุญแจรถและของฝากที่ไปรับมาจากโรงพยาบาลให้อีกฝ่าย
“ได้ค่ะคุณโน้ต”
การะเกดรับของทั้งสองอย่างมาแล้วจึงนำไปมอบให้กับแผนกล้างรถประจำคฤหาสน์นำไปจัดการต่อไป
ร่างสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ก้าวเข้าไปกอดสตรีวัยกลางคนจากด้านหลัง ก่อนจะหอมแก้มท่านฟอดใหญ่เล่นเอาท่านถึงกับสะดุ้งก่อนจะหันมายิ้มให้ลูกชายคนเล็กอย่างเอ็นดู
“กุ้งบนเตายังไม่หอมเท่าแก้มของแม่ผมเลยนะครับเนี่ย”
“ปากหวานจริงนะลูกชายแม่ หิวหรือยังจ๊ะ กุ้งสุกพอดีเลย”
ภารดี หรือ ภา มารดาคนสวยวัยห้าสิบสองปีของคีตกาลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หิวสุดๆ เลยครับแม่”
“งั้นเดี๋ยวแม่แกะกุ้งให้นะจ๊ะ โน้ตไปล้างมือตรงโน้นก่อนไป” ท่านชี้ไปยังอ่างล้างมือรูปต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
“โอเคครับ” แล้วเขาก็เดินไปล้างมือจนสะอาดเรียบร้อย ก่อนจะกลับมานั่งกินกุ้งที่มารดาแกะไว้ให้เรียบร้อย
“แล้วไหนจ๊ะสมุนไพรของพ่อน่ะ”
“ผมให้เกดเอาไปเก็บแล้วครับ แล้วพ่อกับพี่นัทไปงานเลี้ยงอะไรกันเหรอครับ”
“งานเลี้ยงของทางสมาคมหอการค้าจังหวัดน่ะจ้ะ ตอนแรกพ่อเค้าก็ชวนแม่ไปด้วยเหมือนกัน แต่แม่ไม่ค่อยสบายน่ะ ก็เลยให้พี่นัทเค้าไปกับพ่อแทน”
“แม่เป็นอะไรครับ”
“ก็เวียนหัวนิดหน่อยน่ะลูก คนแก่ก็งี้แหละจ้ะ ไม่เป็นอะไรมากหรอก”
“แก่อะไรกันครับ แม่ของผมทั้งสาวทั้งสวย ไม่งั้นพ่อเค้าคงไม่เก็บแม่เอาไว้แต่ที่บ้านแบบนี้หรอก”
“ช่างพูดจริงนะจ๊ะลูกชายแม่ แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะช่วงนี้ อยู่ปีสุดท้ายแล้วเรียนหนักมั้ยจ๊ะ”
“ก็ไม่หนักหรอกครับ ส่วนใหญ่จะทำโปรเจกต์กันน่ะ มีหลายโปรเจกต์ก็เลยยุ่งบ้าง”
“มิน่าล่ะลูกชายแม่ถึงดูซูบไปเยอะเลย แล้วนี่...แผลอะไรจ๊ะ ไปมีเรื่องกับใครมารึเปล่า” แม้จะเป็นแผลเก่าที่ใกล้หายสนิทแล้วแต่มารดาของเขาก็ยังสังเกตเห็น....เหมือนทุกครั้ง
“แผลจากสังเวียนน่ะครับ ไม่เป็นอะไรมากหรอก”
“นี่ยังไม่เลิกชกมวยอีกเหรอลูก แม่บอกแล้วใช่มั้ยว่ามันอันตราย”
“โธ่แม่ครับ...ก็ผมชอบนี่นา”
“ถ้าชอบก็แค่เล่นเป็นกีฬาไว้ออกกำลังกายเฉยๆ ไม่ได้เหรอลูก ทำไมจะต้องขึ้นเวทีเป็นเรื่องเป็นราวด้วยล่ะ”
“ก็ผมอยากหาค่าขนมนี่ครับ”
“แล้วค่าขนมที่พ่อเค้าให้เดือนละตั้งหลายหมื่นยังไม่พอหรือไงจ๊ะ หรือว่า...” ท่านหรี่ตามองลูกชายอย่างสงสัย
“อะไรครับ?”
“ลูกคง...ไม่ได้ติดยาใช่มั้ยโน้ต”
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็แทบจะสำลักกุ้งที่กำลังกลืนลงคอ
“ติดยาอะไรกันครับ ลูกแม่ออกจะสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ขนาดนี้น่ะ ผมก็แค่อยากหาเงินเองบ้างเท่านั้นเอง เงินที่พ่อเค้าให้ก็มีเหลือๆ ครับ ผมไม่ได้เอาไปใช้อะไรสิ้นเปลืองหรอก ทุกวันนี้ก็ใช้เงินตัวเองแทบทั้งนั้นแหละ”
“เฮ้อ...โล่งอกไปที แต่ยังไงแม่ก็ไม่เห็นด้วยนะจ๊ะที่ลูกจะหาเงินด้วยการเอาร่างกายของตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้นน่ะ ดูสิ มีทั้งรอยเก่ารอยใหม่แบบนี้น่ะ คนเป็นแม่มันใจคอไม่ดีรู้มั้ยลูก แม่เลี้ยงลูกมากับมือ มดก็ไม่เคยให้ไต่ ไรก็ไม่เคยให้ตอม แล้วดูสิ...”
“ผมรู้ครับว่าแม่รักและห่วงผมมาก แต่ผมเป็นลูกผู้ชายนะครับ เรื่องเตะต่อยมันก็ต้องมีบ้าง ไม่อย่างนั้นในอนาคตผมจะปกป้องคนที่ผมรักได้ยังไงกันล่ะ”
“หืม? คนที่รักเหรอจ๊ะ หรือว่าลูกมีแฟนแล้ว”
“ตอนนี้ยังไม่มีหรอกครับ แต่ก็...” แล้วใบหน้าสวยๆ ของพยาบาลสาวคนนั้นก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำก่อนที่เขาจะเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“แน่ะ ยิ้มแบบนี้หมายความว่ายังไงคะคุณลูกชาย”
“ไม่มีอะไรครับ”
“จะไม่มีได้ยังไงจ๊ะ”
“ไม่มีจริงๆ ครับ แม่รีบแกะกุ้งให้ผมต่อสิครับ จะหมดแล้วเนี่ย” เขารีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“แม่จะแกล้งเชื่อละกันนะ แต่บอกไว้เลยว่าถ้าโน้ตมีแฟนต้องพามาให้แม่รู้จักนะจ๊ะ แม่จะได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจริงใจกับลูกชายแม่แค่ไหนไงล่ะ”
“แล้วแม่จะรู้ได้ยังไงครับว่าเธอจะจริงใจกับผมรึเปล่า”
“แม่ก็มีวิธีของแม่สิจ๊ะ ถามแบบนี้แปลว่ามีแล้วใช่มั้ยเนี่ย”
“ไม่มีครับ ตอนนี้ยังไม่มี”
“ตอนนี้ยัง?”
“คือ...ผมเพิ่งจะเจอคนที่ถูกใจน่ะครับ แต่ยังไม่ได้ไปจีบเค้าเลย แต่ผมสัญญานะครับว่าถ้าผมคบกับเธอเป็นแฟนเมื่อไหร่ ผมจะรีบพามาให้แม่รู้จักเลย”
“ดีมากจ้ะ”
แล้วท่านก็นั่งแกะกุ้งให้ลูกชายต่อไปอย่างอารมณ์ดี จากนั้นสองแม่ลูกก็พากันไปเดินเล่นที่ริมชายหาดหลังบ้านอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปอาบน้ำและเมื่อเขาลงมาที่ห้องนั่งเล่นก็เจอกับบิดาและพี่ชายที่กลับมาจากงานเลี้ยงพอดี