“สวัสดีครับอาหมอ” เขายกมือไหว้คนในรถ
“จะไปไหนน่ะเรา แล้วรถล่ะ”
“ผมนั่งแท็กซี่มาน่ะครับ กำลังจะกลับคอนโดแล้วล่ะ”
“งั้นก็ขึ้นรถ เดี๋ยวอาไปส่ง”
“ขอบคุณครับ”
แล้วเขาก็ก้าวขึ้นรถไป ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกจากหน้าโรงพยาบาลหลังจากนั้น
“โน้ตไปทำอะไรมา ทำไมหน้าตาเป็นแบบนี้ล่ะ เมื่อวานยังดีๆ อยู่ไม่ใช่เหรอเรา” อาหมอหันมาถามหลานชายอย่างสงสัย
“ผมขึ้นเวทีชกมวยมาน่ะครับ ชนะด้วยนะ ได้เงินรางวัลตั้งห้าหมื่นแน่ะ” เขาบอกอย่างภาคภูมิใจ
“อีกแล้วนะเรา แม่เรายิ่งไม่ชอบอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ครับ แต่ผมก็สัญญากับแม่เค้าแล้วล่ะว่าจะชกจริงจังอีกแค่ปีเดียว เรียนจบแล้วผมก็จะไม่ชกอีก”
“คิดได้อย่างนั้นก็ดี แล้วเมื่อกี้ทำไมไปอยู่หน้าโรงพยาบาลล่ะ หรือว่าไปทำแผล?”
“ครับผมไปทำแผลมา”
“แถวคอนโดเราก็มีโรงพยาบาลนี่ หรืออยากใช้บริการโรงพยาบาลของตัวเอง”
“เปล่าครับ ผมอยากมาจีบพยาบาลในโรงพยาบาลน่ะ”
“ถามจริง?” ท่านหันมามองเขาอย่างไม่ค่อยจะเชื่อถือนักเพราะคีตกาลชอบพูดเล่นอยู่เสมอ
“จริงครับ แต่ว่า...นี่เป็นความลับระหว่างเรานะ อาอย่าบอกให้แม่เค้ารู้เด็ดขาดเลย จนกว่าผมจะจีบเธอติดน่ะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่บอกอามาก่อนว่าเราจีบพยาบาลคนไหนอยู่”
“เธอชื่อแตงกวาครับ เป็นพยาบาลอยู่ชั้นสี่”
“ชั้นสี่เหรอ? งั้นก็วอร์ดวีไอพีน่ะสิ”
“น่าจะใช่ครับ”
“แล้วเราจะจีบยังไง พยาบาลวอร์ดวีไอพีไม่ใช่จะมาเดินเล่นแถวแผนกผู้ป่วยนอกได้ง่ายๆ นะ ถ้าไม่ใช่เวลาเลิกงานหรือเวลาเข้างานน่ะ”
“แปลว่าผมต้องแอดมิทก่อนถึงจะเจอเค้าบ่อยๆ ใช่มั้ยครับ”
“นี่กำลังคิดอะไรแผลงๆ อยู่นะเรา”
“โธ่ ผมแค่ถามเฉยๆ เองครับอาหมอ”
“โน้ต อารักเราเหมือนลูกชายคนหนึ่งนะ โน้ตคิดจะรักใครชอบใครอาคงห้ามไม่ได้ แค่อยากเตือนให้เรามองคนให้เป็น อ่านคนให้ขาด อาไม่ได้คิดจะดูถูกหรือดูหมิ่นพนักงานของตัวเอง แต่พยาบาลหลายคนเค้าก็มีคนรัก มีสามี หรือแม้แต่มีลูกแล้ว แล้วหลายคนที่อาต้องเรียกมาคุยเพราะมีปัญหาเชิงชู้สาวในที่ทำงาน อาแค่อยากบอกว่าถ้าโน้ตคิดจะจีบเค้า ก็ควรจะสืบเรื่องของเค้าให้ดีก่อน ดูให้แน่ใจว่าเค้าไม่มีเจ้าของ และที่สำคัญเค้าต้องเป็นคนที่น่าจะเข้ากับครอบครัวของเราได้ด้วย ยังไงโน้ตก็คือทายาทของเลิศวรนันท์ กิจการพันล้านของครอบครัวไม่ใช่แค่นัทคนเดียวที่ต้องแบกรับ แต่โน้ตเองก็ต้องช่วยพี่เค้าดูแลด้วยเหมือนกัน โน้ตเข้าใจที่อาพูดรึเปล่า”
“ผมเข้าใจครับอา แต่ผมสืบมาแล้วครับ เธอเป็นพี่สาวของเพื่อนผมนี่เอง และเธอก็ยังโสดสนิท เรื่องปัญหาชู้สาวไม่มีแน่นอนครับ อาสบายใจได้เลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ยังไงก็ค่อยๆ ศึกษาและเรียนรู้กันไปนะ เรายังอายุน้อย ในอนาคตยังต้องเจอคนอีกมาก ไม่จำเป็นต้องรีบด่วนตัดสินใจอะไร แล้วถ้ามีอะไรให้อาช่วยก็บอกละกัน อย่างน้อยถ้าโน้ตทำอะไรในสายตาของอาก็ยังดีกว่า อาไม่อยากโดนพี่หนุ่ยเค้าตำหนิทีหลังว่าไม่ช่วยดูแลหลานให้ดี”
“ขอบคุณครับอาหมอ งั้นผมขอรบกวนอาหมอเลยได้มั้ยครับ”
“หืม?”
คีตกาลยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะบอกเรื่องที่เขาอยากจะรบกวนให้อีกฝ่ายได้รู้ซึ่งนั่นก็สร้างความลำบากใจให้อีกฝ่ายไม่น้อย แต่พอเจอลูกอ้อนหลานชายคนโปรดเข้าไป สุดท้ายท่านก็ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี
หลังจากนั้นสองอาหลานก็พูดคุยกันถึงเรื่องการชกมวยของชายหนุ่ม กระทั่งมาถึงคอนโดที่พักคีตกาลจึงได้ก้าวลงจากรถแล้วขึ้นไปนอนพักยาวๆ กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว
วันต่อมา
คุณัญญาเลิกงานในเวลาสี่โมงกว่า และเมื่อเธอก้าวออกมาจากโรงพยาบาลก็เจอกับคีตกาลที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ พร้อมกับถุงอุปกรณ์ทำแผลในมือ
“สวัสดีครับแตงกวา”
“นี่เธอมาได้ไงเนี่ยโน้ต”
“ดีใจจังที่เธอจำชื่อเราได้ด้วย”
“พี่ไม่ได้ความจำเสื่อมนะถึงจะลืมชื่อคนที่เพิ่งเจอกันเมื่อวานไม่ได้น่ะ แล้วสรุปว่ามาได้ไง”
“นั่งแท็กซี่มา”
“เฮ้อ...เคยมีคนบอกมั้ยว่าเรากวนประสาทมาก” เธอมองหน้าเขาอย่างอ่อนใจ
“เยอะแยะไป”
“แล้วมาทำไม มาหาหมอ?”
“เปล่า มาจีบพยาบาล” คนหน้าตายบอกพร้อมรอยยิ้มร่าเริง
“งั้นก็ไปจีบสิ พี่กลับก่อนนะ”
“จะรีบไปไหน อยู่ให้จีบก่อนสิ นี่เลิกเรียนปุ๊บก็รีบมาจีบเลยนะเนี่ย”
“นี่...อย่าบอกนะว่าจะจีบพี่?” เธอชี้มาที่หน้าตัวเองอย่างงงๆ
“ถูกต้องนะคร้าบ”
“งั้นก็เลิกคิดเลยจ้ะ พี่ไม่อยากมีแฟนตอนนี้หรอก ขอตัวก่อนนะ” แล้วเธอก็เดินเลี่ยงไปแต่เขาก็ยังเดินตามมาขวางเอาไว้
“อย่าเพิ่งงอนสิแตงกวา”
“พี่แตงกวา” เธอหยุดเดินแล้วหันมามองเขาตาขวาง แต่เขากลับรู้สึกว่าเธอช่างน่ารักน่าใคร่เวลาทำหน้าดุแบบนี้
“อย่าเพิ่งไปได้มั้ย อยากให้ช่วยทำแผลให้หน่อยน่ะ”
“ก็ทำเองได้ไม่ใช่เหรอ ยืนส่องกระจกแล้วทำเองเลย”
“ไม่ใช่แผลที่หน้านี่ แต่เป็นแผลที่หลังน่ะ”
“หา? นี่ไปได้แผลมาอีกแล้วเหรอ ตกลงว่าเป็นนักศึกษาหรือว่านักเลงกันแน่น่ะเรา”