ลดาวดีตื่นขึ้นมายามบ่ายแก่ๆ เหมือนทุกวัน ชีวิตของเธอต่างจากชีวิตคนวัยทำงานทั่วไปเธอตื่นกลางคืนนอนกลางวันยามเพื่อนบ้านทยอยกลับจากทำงานเป็นเวลาที่เธอต้องเตรียมตัวออกไปทำงาน แต่เธอก็ชอบงานที่ทำมากที่สุดเพราะเงินดี เจ้านายดีเพื่อนดีจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเปลี่ยนวงจรชีวิตให้เป็นเหมือนคนอื่น
“ยายจ๋า ยาย” เมื่อลงมาจากห้องนอนลดาวดีก็เรียกหายายผู้เป็นที่รัก
“อ้าวลดา...ตื่นแล้วเหรอลูก มาทานข้าวซะสิ”
“โถ่...ยายจ๋า ลดาบอกแล้วว่าไม่ต้องทำกับข้าว เดี๋ยวลดาทำเอง ลดาไม่อยากให้ยายเหนื่อย”
“แค่ทำกับข้าวมันจะไปเหนื่อยอะไรกันลูก ยายอยากทำให้ลดากินทุกวัน” ยายชื่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
“แต่ลดาไม่อยากให้ยายเหนื่อยนี่จ๊ะ อยากให้ยายอยู่เฉยๆ สบายๆ เดี๋ยวลดาทำให้ยายกินเอง”
“เอาน่า วันนี้ยายยังทำไหวก็อยากทำให้ลดากิน เดี๋ยววันไหนยายทำไม่ไหวจะมาอ้อนให้ยายทำไม่ได้แล้วน้า” ยายชื่นกระเซ้าหลานรัก
“ไม่มีทางหรอก ยายชื่นของลดาแข็งแรงจะตายไป”
“ลดา ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอกนะลูก สักวันสังขารของยายก็ต้องร่วงโรยไปตามกาลเวลา ยายน่ะอยากให้ลดามีคนดูแลยายจะได้หมดห่วง”
“ไม่เอาๆ ห้ามยายพูดแบบนี้ลดาไม่อยากฟัง ยายต้องอยู่กับลดาตลอดไป แล้วลดาก็ไม่ต้องการใครมาดูแลทั้งนั้น ลดาดูแลตัวเองได้ แค่มียายคนเดียวก็พอแล้ว”
“ฮื้อ...ดื้อจริงเชียวหลานคนนี้ ลดาจะอยู่คนเดียวได้ยังไงกันลูกเป็นลูกผู้หญิงก็ต้องแต่งงานมีครอบครัว ทำหน้าที่ภรรยา หน้าที่แม่แล้วหลานยายออกจะสวยน่ารักขนาดนี้ สักวันก็ต้องมีคนมาหลงรักแน่ๆ ” คำพูดของยายทำให้ใบหน้าของใครคนหนึ่งแวบเข้ามาในความคิดของเธอทันที
‘ฮึ.... คนแบบนั้นเหรอจะมารักเราจริงจัง จะมาทำให้น้ำตาเช็ดหัวเข่าสิไม่ว่า’ลดาวดีนึกค่อนขอดในใจ
“เอ๊ะ แล้วเราจะไปนึกถึงเขาทำไมกันเนี่ย” ลดาวดีดุตัวเองเบาๆ
“ลดาว่าไงนะลูก ยายได้ยินไม่ถนัด”
“เอ่อ...เปล่าจ้ะยาย ลดาหิวแล้ว ไหนจ๊ะยายสุดที่รักของลดาทำอะไรให้ลดากินบ้างเอ่ย” ลดาวดีเปลี่ยนเรื่องทันที
“วันนี้มีแต่ของโปรดของลดาทั้งนั้นเลยลูก”
“ว้าว...น่ากินจัง คอยดูนะลดาจะกินให้หมดไม่มีเหลือเลย”
“ให้มันจริงเถอะ ยายเห็นกินแต่ละทีเหมือนแมวดมกินเยอะๆ ลูกจะได้มีแรงทำงาน ลดายิ่งไม่เหมือนใครเขาต้องอดหลับอดนอน บอกให้เปลี่ยนไปทำงานตอนกลางวันเหมือนคนอื่นเขาก็ไม่ยอม เราไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้วนี่ลูก” ยายชื่นหมายถึงยามที่หลานสาวต้องทำงานส่งตัวเองเรียนแล้วก็ต้องผ่อนบ้านหลังนี้ไปด้วยซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก แม้จะมีเงินประกันชีวิตก้อนหนึ่งที่บิดามารดาทำไว้ให้แต่ลดาวดีต้องการเก็บเงินก้อนนั้นไว้ใช้ยามจำเป็นหลังจากแบ่งมาดาวน์บ้านหลังนี้ไปจำนวนหนึ่งแล้ว ทำให้หลานสาวของนางต้องมาทำงานกลางคืน แต่ตอนนี้ลดาวดีเรียนจบแล้วส่วนบ้านก็ผ่อนจนใกล้จะหมดเต็มทีนางจึงอยากให้หลานย้ายมาทำงานออฟฟิศเหมือนคนอื่นๆ ถึงจะได้เงินน้อยกว่าแต่ก็ไม่ต้องอดหลับอดนอน
“โถ่ยายจ๋า เปลี่ยนทำไมล่ะจ๊ะ ทำงานที่นี่เจ๊หงส์ก็ใจดี เพื่อนร่วมงานก็น่ารักแถมเงินดีอีกต่างหาก อีกอย่างลดาก็ไม่ได้อดนอนอะไรตอนกลางวันก็นอนได้เต็มที่ ยายอย่ากังวลไปเลยจ้ะลดาไม่เหนื่อยหรอก แค่กลับมาเห็นหน้ายายลดาก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแล้ว” ลดาวดีกล่าวพลางเข้าไปกอดคลอเคลียยายผู้เป็นที่รัก
“จ้า...ช่างอ้อนจริงหลานคนนี้ ไม่ยอมโตแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะมีหลานเขยให้ยายกันล่ะ”
“ ยายอะ พูดเรื่องนี้อีกแล้ว บอกแล้วไงคะลดาจะอยู่กับยายตลอดไปเลย” ลดาวดีกล่าวโดยไม่รู้เลยว่าไม่นานนับจากนี้คำพูดของยายจะเป็นจริงนั่นคือไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า การพลัดพรากเกิดขึ้นได้กับทุกคนเป็นสัจธรรมของโลกมนุษย์
“โอ๊ย...อิ่มจัง เดี๋ยวลดาขอตัวไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงานก่อนนะจ๊ะยาย ” เมื่อทานอาหารเสร็จลดาวดีก็เอ่ยขอตัวกับยายสุดที่รักเพื่อไปเตรียมตัวทันที
“ทำไมวันนี้ไปเร็วจังล่ะลูก ลดาเข้างานหกโมงเย็นไม่ใช่เหรอ”
“ลดานัดกับเจนว่าจะไปซื้อของที่ห้างกันสักหน่อยก่อนเข้างานน่ะจ้ะ”
“อ้อ ถ้างั้นก็ไปเถอะจ้ะ”
ลดาวดีเดินเรื่อยๆ ไปตามฟุตบาทเพื่อขึ้นรถเมล์ไปลงยังห้างดังกลางเมืองตามที่นัดกับเพื่อนสาวเอาไว้ พลันเครื่องมือสื่อสารทันสมัยแพงหูฉี่ที่เธอตัดใจซื้อเป็นของขวัญให้ตัวเองก็ดังขึ้น เมื่อหยิบขึ้นมาจึงเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอนั่นเองที่โทรมา
“ว่าไงเจน” ลดาวดีเอ่ยทักทายไปตามสาย
“ลดา เจนคงไปกับลดาไม่ได้แล้วล่ะ”
“อ้าวทำไมล่ะ”
“ก็ไอ้เจ๋งของเจนน่ะสิดันไปเฉี่ยวตูดชาวบ้านเขาซะได้ เจนเลยต้องอยู่เคลียร์กับประกันน่ะ” ลดาวดีได้ยินเสียงเพื่อนเอ่ยมาตามสายอย่างหงุดหงิด
“ตายจริง แล้วเจนเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ลดาวดีถามอย่างห่วงใย
“ไม่เป็นไรหรอกลดา แค่ไอ้เจ๋งเป็นรอยนิดหน่อยไม่ต้องเป็นห่วง”เจนิตาบอกให้เพื่อนคลายกังวล
“ว่าแต่ลดาไปคนเดียวได้ไหม”
“ได้ไม่มีปัญหา เจนไปจัดการเรื่องรถเถอะ เดี๋ยวเจอกันที่ทำงานนะ”
“โอเค เจอกันที่ทำงานบายจ้ะ” ลดาวดีวางสายจากเพื่อนและเก็บเครื่องมือสื่อสารเข้ากระเป๋าสะพาย
“เฮ้อ...ผิดแผนซะแล้ววันนี้ ไม่เป็นไรฉายเดี่ยวก็ได้เนอะ ลดา” หญิงสาวบอกตัวเองก่อนจะเดินต่อไป แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงแตรรถยนต์ดังจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองเธอก็ต้องกระพริบตาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง รถยนต์สีขาวคันหรูป้ายแดงสัญลักษณ์ดาวสามแฉกคงไม่ทำให้เธออึ้งได้เท่ากับเห็นว่าใครเป็นคนขับ
“คุณธีรภัทร” ลดาวดีอุทานออกไปอย่างคาดไม่ถึง
“คุณมาทำอะไรแถวนี้คะ” เมื่อตั้งสติได้จึงเอ่ยถามออกไปอย่างสงสัย มหาเศรษฐีอย่างเขามาทำอะไรแถวนี้ซึ่งเป็นที่อยู่ของบุคคลธรรมดาทั่วๆ ไปไม่ใช่แหล่งที่ตั้งบริษัทใหญ่โต จะว่ามาหาคนรู้จักก็ไม่น่าใช่เพราะแถวนี้ไม่มีบ้านของเศรษฐีมีแต่บ้านของคนเหาเช้ากินค่ำหรือพนักงานออฟฟิศทั่วไปซึ่งคนระดับเขาไม่น่าจะรู้จัก
“ผมบังเอิญผ่านมาน่ะ กำลังจะไปทำงานใช่ไหม ขึ้นมาสิเดี๋ยวผมไปส่ง” ธีรภัทรกวาดตามองร่างบางที่อยู่ในชุดกางเกงยีนส์รัดรูปโชว์เรียวขาสวยและเสื้อแขนตุ๊กตาสีขาวเปลือยไหล่โชว์ผิวขาวเนียนซึ่งดูน่ารักน่าปรารถนาเหลือเกินสำหรับเขา
“เอ่อ..ไม่เป็นไรค่ะ ลดาไปเองดีกว่า ขอบคุณค่ะ” ลดาวดีปฏิเสธออกไปทันทีด้วยไม่อยากขึ้นรถไปกับเขาสองต่อสอง แค่นี้ก็ประหม่าจะแย่อยู่แล้ว เธอเป็นอะไรนะลดาเข้าใกล้เขาทีไรรู้สึกว่าร่างกายเสียการควบคุมทุกที
“อย่าดื้อน่าลดา ขึ้นมาเร็วๆ ไม่เห็นเหรอยิ่งคุณช้าก็ทำให้รถติดนะ”ลดาวดีมองไปด้านหลังก็เห็นจริงดังเขาว่า เพราะขณะนี้มีรถยนต์หลายคันจอดต่อท้ายรถเขาอยู่
ปริ๊น ปริ๊น พูดไม่ทันขาดคำก็โดนรถคันหลังบีบแตรไล่ทันที เธอจำต้องเปิดประตูขึ้นไปอย่างไม่มีทางเลือก เมื่อเปิดประตูขึ้นมาลดาวดีก็เจอเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมปรับอากาศหรือกลิ่นน้ำหอมจากเจ้าของรถกันแน่ แต่จะกลิ่นไหนมันก็ทำเธอใจสั่นแปลกๆ ทั้งนั้น
“คุณธีรภัทรส่งลดาแค่หน้าปากซอยก็พอค่ะ” ลดาวดีรีบบอกออกไปอย่างไม่อยากอยู่ใกล้ชิดเขามากไปกว่านี้
“ผมบอกแล้วว่าจะไปส่งที่ทำงานก็ต้องไปส่งสิ”
“อย่าดีกว่าค่ะ ลดาเกรงใจอีกอย่างลดายังไม่ได้ไปทำงานหรอกค่ะ”
“หืม” ธีรภัทรหันมาเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ
“เอ่อ..คือ.. ลดาจะไปซื้อของนิดหน่อยก่อนน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบออกไปอย่างตะกุกตะกัก
“ลดาจะไปซื้อที่ไหนล่ะ เดี๋ยวผมไปส่ง” ธีรภัทรยังไม่ยอมแพ้
“คุณธีรภัทรอย่าลำบากเลยค่ะ ลดาไปเองสะดวกกว่า”
“เรียกผมว่าธีเฉยๆ ก็พอ แล้วก็บอกมาได้แล้วว่าจะไปที่ไหน เพราะยังไงผมก็ไม่ปล่อยลดาลงไปง่ายๆ แน่”
“คุณธีทำแบบนี้ทำไมคะ” ลดาวดีถามออกไปอย่างอึดอัดใจ
“ผมทำอะไร”
“ก็....ก็...เอ่อ...” แล้วก็เป็นเธอเองที่พูดไม่ออกจะให้ถามออกไปว่ามาตามตื๊อเธอทำไมก็ดูจะสำคัญตัวเองมากไปหน่อยหากเขาตอบมาว่าไม่ได้ทำแค่บังเอิญผ่านมาจริงๆ เธอไม่หน้าแตกยับเยินเหรอ
“ลดาคงหมายถึงผมมาตามตื๊อลดาทำไมน่ะหรอ” ธีรภัทรถามพลางหันมามองหน้าเธอ ลดารู้สึกได้ถึงความร้อนที่เห่อขึ้นมาบนหน้า นี่หน้าเธอคงจะแดงก่ำฟ้องอาการเจ้าของแล้วแน่ๆ ลดาเอ๋ย
“การที่ผู้ชายคนหนึ่งจะตามตอแยพิชิตใจผู้หญิงที่เขาพึงพอใจมันผิดด้วยเหรอ” หากเมื่อสักครู่คิดว่าเธอเขินอายอย่างถึงที่สุดแล้วยังเทียบกันไม่ได้เลยกับตอนนี้ที่เขาจ้องตาเธอด้วยสายตาเว้าวอน เธอรู้สึกเหมือนตัวเองโดนสาปให้แข็งเป็นหินไปในบัดดลพูดไม่ออก ไม่สามารถกล่าวโต้แย้งใดๆ กับเขาได้จนต้องเลยตามเลยแล้วบอกทางให้เขามาส่งยังห้างสรรพสินค้ากลางกรุงแห่งนี้ และเมื่อเขานำรถยนต์คันหรูเข้ามาจอดยังลานจอดรถเรียบร้อยเธอก็รีบกล่าวขอบคุณและเปิดประตูลงไปทันที