ตอนที่ 5 บ้านที่ไม่ใช่บ้าน

981 Words
เป็นประจำทุกวันหลังเลิกงานที่นิรดาจะเดินขึ้นไปชั้นสองของร้านเพื่อนำเงินทิปที่ได้ไปให้ซ้อกวางช่วยโอนเข้าบัญชีธนาคารที่เธอแอบเปิดเอาไว้แทนการถือเงินสดติดตัว นิรดาจะพกเงินสดติดตัวไม่เกินห้าร้อยบาทที่เหลือเธอจะเก็บไว้ในบัญชีธนาคารทั้งหมด เธอไม่ได้กลัวตัวเองจะใช้เงินมือเปิบทว่าที่ต้องทำแบบนั้นเพราะมันเป็นทางเดียวที่เธอจะเก็บรักษาเงินเอาไว้ได้โดยที่น้าสาวไม่รู้ เพราะถ้าน้าสาวของเธอรู้ เงินก้อนนั้นจะถูกปล้นไปทันที “หนึ่งพันสองร้อย?... ฝากหมดเลยเหรอ?” กุลสตรีหรือที่ทุกคนในร้านเรียกซ้อกวางเงยหน้าขึ้นมองหลังจากที่นับเงินในมือเรียบร้อย ที่ถามว่าฝากทั้งหมดเลยเหรอ... ก็เพราะว่าวันนี้ที่ร้านแบ่งทิปให้พนักงานคนละหนึ่งพันสองร้อยบาท และเงินหนึ่งพันสองร้อยบาทของนิรดาก็อยู่ในมือเธอเรียบร้อย “ค่ะ” พยักหน้ายืนยัน “ทำไมไม่ฝากพันหนึ่งล่ะ อีกสองร้อยก็เอาไว้ใช้” “เงินกับนิ่มยังมีอยู่ค่ะ” เงินสดในกระเป๋าเธอยังเหลืออยู่เกือบห้าร้อย สามารถใช้ได้อีกหลายวัน กุลสตรีพยักหน้ารับก่อนจะหยิบสมาร์ตโฟนเครื่องหรูขึ้นมากดโอนเงินหนึ่งพันสองร้อยบาทไปที่บัญชีธนาคารของเด็กสาวซึ่งตอนนี้บัญชีนั้นถูกเธอตั้งเป็นรายการโปรดเอาไว้ในโทรศัทพ์เรียบร้อยแล้ว ยอมรับว่าตอนแรกเธอไม่อยากรับนิรดาเข้าทำงานเลย หนึ่งละคือเรื่องอายุที่อีกฝ่ายยังไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์ ส่วนเหตุผลที่สองซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญคือเธอกลัวว่าเด็กสาวหน้าตาสะสวยรูปร่างผอมบางท่าทางเหมือนลูกคุณหนูแม้อยู่ในชุดเสื้อผ้าค่อนข้างเก่าทว่าก็ยังดูมีออร่าจะทำงานที่ร้านได้ไม่นาน แล้วต้องเสียเวลามารับสมัครพนักงานใหม่ สัมภาษณ์ใหม่ รวมทั้งสอนงานใหม่ ในฐานะคนทำธุรกิจแบบเธอทุกอย่างมันคือต้นทุน “อ่อ อาทิตย์หน้าซ้อไม่อยู่นะ ถ้าจะฝากเงินเข้าบัญชีก็เอาไปฝากที่บอลลูนได้เลยรายนั้นต้องเอาเงินร้านไปเข้าบัญชีทุกวันอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจเพราะซ้อบอกเอาไว้แล้วว่าให้เอาเงินของเราไปเข้าบัญชีด้วย” “ขอบคุณซ้อมากค่ะ” นิรดายกมือไหว้ขอบคุณ ถ้าไม่ได้ทำงานที่นี่ชีวิตเธอก็อาจจะแย่กว่านี้ “กลับพร้อมใบบัวใช่มั้ย?” “ใช่ค่ะซ้อ นิ่มซ้อนมอไซค์พี่ใบบัวกลับค่ะ” “งั้นก็ไปเถอะ เดี๋ยวจะดึกไปมากกว่านี้” “ถ้างั้นนิ่มกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะซ้อ” เมื่อเสร็จธุระจากชั้นสองนิรดาก็ลงไปหาใบบัวที่นั่งเม้าท์มอยอยู่กับพี่ๆคนอื่นๆในร้านที่ส่วนใหญ่ยังไม่กลับ บางคนอยู่เพื่อเม้าท์มอย บางคนอยู่เพื่อดื่มต่อ ซึ่งเฮียสิงหากับซ้อกวางไม่เคยห้ามสามารถใช้พื้นที่ร้านตั้งวงดื่มได้ ขอแค่อย่าสร้างความวุ่นวายและก็ห้ามดื่มจนเสียการเสียงานมาทำงานไม่ได้ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมามอเตอร์ไซค์ฮอนด้าเวฟสีน้ำเงินที่ถูกใช้งานมานานหลายปีก็ขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหลังเล็กที่อยู่กลางซอย นิรดาหันไปขอบคุณใบบัวทันทีที่ก้าวขาลงจากรถ เธอเคยอาสาออกค่าน้ำมันรถช่วยแต่ใบบัวไม่ยอมรับบอกให้เธอเก็บเงินเอาไว้ นิรดาก็เลยเปลี่ยนไปเลี้ยงหมูกระทะตอนสิ้นเดือนแทน เลยกลายเป็นว่าทุกสิ้นเดือนเธอกับใบบัวจะมีนัดปาร์ตี้หมูกระทะด้วยกัน “ขอบคุณพี่ใบบัวมากนะคะที่มาส่งนิ่ม” “อือ งั้นพี่ไปนะ” “ค่ะ ขับรถดีๆนะคะ เจอกันพรุงนี้ค่ะ” นิรดามองบ้านหลังเล็กตรงหน้าด้วยสายตาเศร้าก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของคุณตาคุณยายที่ยกให้แม่ของเธอ ไม่ใช่บ้านที่เธอกับแม่ย้ายมาอยู่เมื่อเกือบสิบปีก่อน แต่ทว่าบ้านหลังนี้คือบ้านเช่าหลังเล็กที่เธอกับน้าสาวย้ายเข้ามาอยู่เมื่อสามปีก่อนหลังจากที่มารดาของเธอเสียชีวิตได้ไม่นาน ส่วนบ้านของตายายที่ยกให้แม่เธอ... มันถูกขายไปหลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิตได้ไม่ถึงเดือน ก็หมายความว่าน้าสาวของเธอขายบ้านหลังนั้นหลังจากที่พี่สาวตัวเองเสียชีวิตแล้วก็พาหลานสาวคนเดียวที่พี่สาวฝากฝังให้ช่วยดูแลย้ายมาอยู่ที่นี่ยังไงล่ะ นิรดาไม่อยากอยู่ที่นี่ เธอไม่อยากอยู่ที่บ้านหลังนี้... ที่ไม่อยากอยู่ไม่ใช่เพราะบ้านหลังนี้มันเล็กหรือว่าคับแคบ ทว่าที่ไม่อยากอยู่เพราะว่าบ้านหลังนี้มันไม่น่าอยู่ มันไม่มีกลิ่นไอของความเป็นบ้าน ไม่มีกลิ่นไอของความเป็นครอบครัว แม้แต่กลิ่นไอของคำว่าบ้านก็ไม่มี เธอรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกทุกครั้งที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ อยากจะหนีไปให้ไกลๆทว่าก็ได้แต่คิดเพราะตัวเองยังเด็กเกินไป เธอยังเรียนหนังสือไม่จบแม้กระทั่งมัธยมและยังไม่มีเงินมากพอที่จะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นก็เลยต้องทนอยู่ไปก่อน ก็ได้แต่หวังว่าสักวันเธอจะเก็บเงินได้มากพอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD