เมื่อสี่ปีก่อน...
เวนิกาในชุดเดรสสั้นเปิดไหล่แขนยาวอวดหุ่นเซ็กซี่เดินสับเท้าเข้าสถานบันเทิงชื่อดังย่านทองหล่อ เพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองปิดกล้องละครฟอร์มยักษ์เรื่องใหม่ล่าสุดที่เธอแสดงนำ ทันทีที่ปรากฎโฉมนางเอกสาวก็กลายเป็นดาวเด่นของงาน มีผู้คนแวะเวียนมาทักทายชนแก้วจนเธอแทบจะจำหน้าไม่ได้ เธอไม่ได้ดื่มเพราะต้องเซฟตัวเอง แค่ถือแก้วไวน์ไว้เก๋ๆ เท่านั้น กระทั่งเริ่มจะเมื่อยขาขึ้นมาเล็กน้อยจึงหามุมสงบนั่งพัก
หญิงสาวนั่งไขว่ห้างในท่วงท่าผ่อนคลาย กะว่าพอหายเมื่อยแล้วก็จะขอตัวลากลับเลย เธอมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อยพลางยกมือดูนาฬิกา เห็นว่าได้เวลาอันควรแล้วจึงตั้งท่าจะลุก แต่ดันมีคนมาขัดจังหวะถือวิสาสะมานั่งข้างเธอเสียก่อน
“คุณเวย์อยู่นี่เอง”
เวนิกาปั้นยิ้มให้ผู้กำกับหนุ่มใหญ่ แม้จะไม่ค่อยถูกใจที่เขายื่นแก้วมาชนกับแก้วของเธอ คะยั้นคะยอให้ดื่ม เลยต้องจิบตามมารยาท
“ผมชอบคุณมาก คุณเป็นผู้หญิงที่สวย เซ็กซี่และมีความสามารถ ผมรับรองว่าถ้าละครเรื่องนี้ออนแอร์เมื่อไหร่ คุณต้องดังจนฉุดไม่อยู่แน่”
เวนิกาปรายตามองคนที่เขยิบเข้ามานั่งเบียดกันทั้งที่โซฟาออกจะกว้าง ไหนจะประกายตาวิบวับเจ้าชู้ประตูดินที่น่าคลื่นไส้นั่นอีกล่ะ หมอนี่จะรู้บ้างไหมว่าเธอรังเกียจเขามากแค่ไหน หน้าตาก็ว่าชีกอแล้วนะ ยังทำท่ากระลิ้มกระเหลี่ยบ้ากาม คลำดูไม่มีหางก็ฟาดไม่เลือกอีกต่างหาก ถ้าไม่ติดว่ายังพอจะเกรงใจอยู่นิดๆ ละก็ เธอจะถีบให้ตกโซฟาเชียว!
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มน้อยๆ ค่อยๆ ขยับตัวออกห่างอย่างแนบเนียน รู้สึกสะอิดสะเอียนกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่เหม็นคลุ้งบนตัวผู้กำกับหนุ่มใหญ่เหลือเกิน เธอไม่อยากให้มือปลาหมึกของเขามาแตะเนื้อต้องตัวเธอให้ยิ่งขนลุกขนพอง
“เดือนหน้าผมจะเปิดกล้องละครเรื่องใหม่ โพรดักชันส์ระดับเอ คุณเวย์สนใจมั้ยครับ”
“เวย์คงต้องขอดูคิวก่อนนะคะ” เธอตอบแบ่งรับแบ่งสู้ ใจนึกอยากจะปฏิเสธไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่วงการนี้มันแคบ การเป็นศัตรูกับคนมีพาวเวอร์อย่างเขาจะทำให้เธออยู่ยากโดยไม่จำเป็น
“บอกตรงๆ ว่าผมอยากร่วมงานกับคนมีความสามารถอย่างคุณอีกครับ แถมเรื่องนี้ก็ยังมีบอสรอนเป็นนายทุนใหญ่ด้วย คนนี้เป็นเพื่อนสนิทผมเอง ถ้าคุณเวย์อยากรู้จักเขาให้ใกล้ชิดกว่านี้ เพื่อความก้าวหน้าของตัวคุณเอง ผมสามารถนัดเขาให้คุณได้นะครับ ขอแค่...คุณยอมตามใจผมเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็พอ”
ทีแรกเวนิกาไม่ได้สนใจเลยว่าผู้กำกับจะพล่ามอะไร ดวงตาสวยซึ้งคอยมองและระแวดระวังตัวไปยังผู้คนรอบข้างที่จับตาเธอกับเขาด้วยสายตายิ้มเยาะดูแคลนมากกว่า ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนพวกนั้นรอดูหายนะของเธออย่างสนุกสนานแค่ไหน จนได้ยินเขาเรียกชื่อ ‘บอสรอน’ ดังออกมาจากปากที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า ตามติดด้วยมือโสโครกที่ลูบไล้หลังเธออย่างกลัดมัน เวนิกาเลิ่กคิ้วกรีดยิ้มมองผู้กำกับอย่างเย้ายวน หยิบสมาร์ตโฟนที่ขึ้นชื่อสายโทร.เข้าโชว์หราบนหน้าจอให้อีกฝ่ายเห็นเต็มตา ก่อนจะรับสาย
“ค่ะบอส...”
เธอกระตุกยิ้มที่เห็นผู้กำกับตกใจจนหน้าซีดแทบตกโซฟา คงคิดไม่ถึงว่านักแสดงหน้าใหม่อย่างเธอจะรู้จักคนใหญ่คนโตระดับนี้ละมั้ง ถึงได้กล้าคุยโตโดยไม่รู้ว่ากำลังจุดไต้ตำตอเธอเข้าเต็มๆ ผลที่ตามมาไม่ใช่แค่เสียหน้าเท่านั้น แต่ถึงขั้นหัวขาดโดยไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์เลยด้วยซ้ำ
“ขอบคุณที่ชวนนะคะ เอาไว้ฉันจะถามบอสรอนดูอีกทีว่าจะให้รับละครเรื่องนี้รึเปล่า ขอตัวลากลับเลยนะคะ พอดีมีธุระต่อ”
เธอลุกขึ้นเดินจากไปโดยไม่เหลียวมองที่นั่งตาเหลือกคอตกให้ยิ่งสมเพช ก่อนจะเร่งสาวเท้าตรงไปยังรถตู้ที่คนนัดหมายสั่งให้คนขับมาจอดรออยู่หน้าร้าน ตั้งใจว่าพอขึ้นรถแล้วจะโทร.บอกผู้จัดการส่วนตัวให้กลับได้เลยไม่ต้องรอกัน แต่ลลิตากลับพรวดพราดโผล่มาจากหัวมุมเดินชนเธอเข้าอย่างจัง แรงกระแทกทำให้เวนิกาเสียหลักหน้าท้องฟาดเข้ากับแง่งเสาแข็งๆ เต็มแรง ปวดจี๊ดไปทั้งท้องน้อยจนต้องยกมือมากุมเอาไว้
“ว้ายยย...เวย์! พี่ขอโทษนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ” ลลิตากระวีกระวาดเข้ามาช่วยประคองร่างเพรียวบางที่ยืนตัวงอเป็นกุ้ง
“ไม่เป็นไรค่ะ” เวนิกาส่ายหน้า ไม่อยากคิดมากกว่าอีกฝ่ายจงใจทำหรือไม่ เพราะจิตใจจดจ่อกับใครอีกคนที่รอเธออยู่ในห้องอาหารภายในโรงแรมชื่อดัง ปรินธรเป็นพวกความอดทนต่ำไม่ชอบรอใครนานๆ เขาเพิ่งบินกลับมาจากการดูงานที่ต่างประเทศ พอถึงปุ๊บก็โทร.มาตามตัวเธอทันที