เวนิกาไม่รอให้ธนัตเปิดทางก็แทรกตัวเดินเบียดเขาเข้าไปเลย สองตาลุกวาวมองชายหนุ่มที่นั่งองอาจอยู่หลังโต๊ะทำงานไม้มะฮอกกานีด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง กระดิกนิ้วร้องท้าเขาเหยงๆ ว่า
“คุณมีอะไรก็มาลงที่ฉันนี่ อยากเล่นงานฉันนักก็เอาเลย อย่าไปยุ่งวุ่นวายกับคนอื่น”
ปรินธรกระตุกยิ้ม เลิกคิ้วถาม
“คุณชอบสร้างปัญหานักไม่ใช่เหรอ ผมก็เลยช่วยสงเคราะห์ให้อีกสักเรื่อง ถูกใจมั้ย?”
“ต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอ ฉันไปทำอะไรให้คุณนักหนา” เวนิกาเค้นเสียงถามด้วยความคับข้องใจ
ทว่าคนฟังกลับไหว่ไหล่ ไม่มีทีท่าละอายใจหรือรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย
“นี่เป็นการเตือนว่าผมไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามกับของๆ ผม ถึงผมจะไม่ต้องการหรือทิ้งไปแล้ว คนอื่นก็ห้ามแตะต้อง!”
“ฉันไม่ใช่สิ่งของๆ คุณ ถึงเมื่อก่อนจะเคยเป็น แต่ตอนนี้และในอนาคตจะไม่มีวันเป็น” เธอสวนกลับทันควัน
“ก็ต้องดูว่าผมจะอนุญาตรึเปล่า” เขาหรี่ตามองเธอราวกับเสือที่ตะครุบเหยื่อไม่ให้หลุดจากกรงเล็บแหลมคม มือเรียวยาวผลักปึ๊งเอกสารฉบับหนึ่งมาวางด้านหน้าเธอ “เซ็นสัญญาฉบับนี้ซะ คุณควรจะก้าวเดินไปบนอาชีพนักแสดงที่ถูกต้องและเหมาะสม”
เวนิกาแค่นหัวเราะ ไม่ได้ซึ้งใจในความอารีหวังดีของเขาเลย
“คุณละเมออะไร สมองเสื่อมจนจำไม่ได้แล้วเหรอว่าฉันยกเลิกสัญญากับบริษัทของคุณไปนานนมแล้ว แถมยังชดใช้ค่าฉีกสัญญาครบทุกบาททุกสตางค์ไม่มีขาด”
“แล้วไง ก็เซ็นใหม่ได้”
“คิดอะไรตื้นๆ” เธอกลอกตาเหยียดปากด้วยความรังเกียจ “คุณอาจจะลืมไปแล้วว่าเคยทำอะไรกับฉันไว้บ้าง ถึงได้พูดอะไรออกมาง่ายๆ ไม่เคยคำนึงถึงใจคนฟัง แต่โทษทีนะที่ฉันไม่เคยลืม และยังจำฝังหัวฝังใจมาจนถึงตอนนี้”
“เพราะแบบนั้นผมเลยยิ่งต้องขอโทษคุณหนักๆ เพื่อแสดงความจริงใจ”
“ขอโทษ? จริงใจ?” เวนิกาหัวเราะอย่างอดไม่ไหว เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินเรื่องตลกที่สุดก็วันนี้เอง แววตาที่มองเขายิ่งชิงชังอย่างรุนแรง
หัวใจคนถูกมองกระตุกแปลบจนเขาเผลอขมวดคิ้ว ก่อนจะคลายออกทันทีโดยที่เวนิกามองไม่เห็นยังคงเอ่ยต่อไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไร้ความรู้สึกว่า
“มาลองคิดๆ ดูแล้ว เหมือนผมจะเอาเปรียบคุณมากเกินไปหน่อย คุณอยู่กับผมมานาน ผมควรจะตอบแทนคุณมากกว่านี้ เวย์...คุณเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์และความสามารถ ควรได้รับการผลักดันและสนับสนุนที่ดีพอ เพื่อให้ไปได้ไกลมากกว่านี้ เซ็นชื่อในสัญญานี้ซะ แล้วคุณจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ”
มองไปที่หัวสัญญาระบุชื่อ Look Group อย่างทรงพลัง เวนิกาก็ก้าวเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ต่อหน้าบอสใหญ่ สองแขนเรียวท้าวลงบนโต๊ะทำงาน โน้มใบหน้าเย้ายวนดึงดูดใจลงมาสานสบดวงตากันและกัน แล้วเค้นเสียงกระซิบถามเขาด้วยความเจ็บปวดและขมขื่นว่า
“ถ้าฉันต้องการให้คุณชดใช้สองชีวิตคืนมาล่ะ หนึ่งคือลูกของฉันที่ตายบนเตียงผ่าตัด อีกคนคือพี่ชายของฉัน คุณจะชดใช้ให้ฉันได้มั้ย”
หัวใจของปรินธรพลันสะท้าน ในดวงตาวูบไหวสับสน สมองผุดภาพเวนิกาที่นอนแน่นิ่งเนื้อตัวซีดเซียวอยู่บนเตียง มีเลือดไหลทะลักอาบเรียวขาสีแดงฉานจนแสบตาเขาไปหมด ความตระหนกตื่นกลัวสุดขีดก็พุ่งจู่โจมเข้าเกาะกุมหัวใจเขาทุกพื้นที่ ยิ่งได้สบดวงตาของเธอถนัดถนี่เช่นนี้ ยิ่งสะท้อนภาพโหดร้ายในวันวานอย่างแจ่มชัดคล้ายกำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า
ราวกับวิญญาณของเขาถูกสายตาที่มีแต่ความกลียดชังปะปนกับความขื่นขมคู่นี้ ดึงดูดลงไปยังก้นบึ้งของความเจ็บปวดรวดร้าว ดำดิ่งสู่ใจกลางห้วงทุกข์ทรมานที่เขาเป็นคนบีบคั้น ผลักไสเวนิกาให้จมอยู่กับความมืดมนโศกศัลย์...