“ลิต้า... ก่อนจะกล่าวหาว่าฉันทำให้ผู้หญิงของบอสเธอตกน้ำ เรามาเคลียร์กันเรื่องที่เธอสับเปลี่ยนน้ำร้อนให้มิ่งกมลมาสาดหน้าฉันก่อนดีมั้ย ถ้าเธอต้องการให้ฉันชดใช้ แล้วบาดแผลบนหน้า รวมถึงสภาพจิตใจของฉันล่ะ เธอกับบอสของเธอจะชดใช้ให้ฉันยังไง”
ลลิตาหัวเราะเยาะ แววตาที่มองเธอมีแต่ความสะใจ ยักไหล่อย่างไม่รู้สึกรู้สม
“โชคร้ายเองก็อย่ามาเที่ยวโทษคนอื่นไปทั่วสิจ๊ะเวย์ ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ถ้าจะผิดก็ผิดที่ทีมงานนั่นแหละทำงานสะเพร่ากันเอง”
“ต่อให้โทษทีมงาน แต่คนที่ถือแก้วน้ำก็น่าจะรู้รึเปล่า มิ่งกมลควรจะบอกฉันหรือไม่ก็สั่งให้หยุดการถ่ายทำก่อน นอกเสียจากว่าตั้งใจจะทำร้ายฉัน”
“มิ้งค์อาจจะอินอยู่กับบท จนไม่ทันสังเกตก็ได้”
“เหมือนที่อินจนผลักฉันตกน้ำน่ะเหรอ แบบนั้นก็ควรนับเป็นว่าความประมาทจากคนของเธอเอง ไม่ใช่ความผิดของฉันรึเปล่า ยิ่งพูดให้ถูกคือฉันเป็นฝ่ายถูกกระทำที่ควรได้รับการเยียวยามากกว่าด้วยซ้ำ แล้วยังจะมีหน้ามาเรียกร้องค่าเสียหายอีก ต้องหน้าด้านเบอร์ไหน ถึงทำเรื่องไร้ยางอายไร้จิตสำนึกได้ขนาดนี้”
“เธอพูดป่าวๆ อยู่ฝ่ายเดียว ไหนล่ะจ๊ะพยาน มีใครยืนยันได้บ้างว่าฝ่ายฉันตั้งใจทำร้ายเธอ” ลลิตาเลิกคิ้วท้าทาย ก่อนจะกรีดยิ้มเดินนวยนาดเข้ามาใกล้ กระซิบถ้อยคำเยาะเย้ยทิ่มแทงใจคนฟังว่า “ใครใช้ให้เธออวดดีจนน่าหมั่นไส้ล่ะ คิดเหรอว่ารอนเขาจะเห็นเธอวิเศษกว่าคนอื่น แค่อีตัวบนเตียงเขาไม่สนใจหรอก พอเบื่อเมื่อไหร่ก็มีสภาพเหมือนเธอตอนนี้ไงละ”
หล่อนมั่นใจเกินร้อยว่าอำนาจที่ปรินธรมอบให้ ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าต่อกรกับหล่อนทั้งนั้น แม้แต่ตัวผู้กำกับหนุ่มเองยังต้องคิดให้หนักๆ ว่าจะคุ้มกันไหม หากริจะต่อต้าน Look Group เพื่อผู้หญิงไร้ค่าไม่มีประโยชน์เพียงคนเดียว
เวนิกาเม้มปาก ไม่แปลกที่ลลิตาจะกล้าผยองขนาดนี้ หล่อนพูดไม่ผิด ไม่ใช่ว่ามีหรือไม่มีพยานยืนยัน แต่มีใครกล้าพอที่จะยืนอยู่ข้างเธอรึเปล่าต่างหาก
อาจเป็นเศกย์...
เธอเหลือบมองเขาที่ตั้งท่าจะแก้ต่างแทนเธอ สีหน้าแววตาแน่วแน่ไม่หวั่นเกรง หญิงสาวขมวดคิ้ว ไม่ต้องการให้เศกย์เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ เขาไม่ควรต้องมารับเคราะห์เพราะเธอ หากปรินธรจะเล่นงาน ก็ขอให้ลงแค่ที่เธอคนเดียวพอ
เวนิกาส่ายหน้าช้าๆ ปรามไม่ให้เขาพูดสิ่งใด เศกย์มองตาเธอเหมือนอยากจะช่วย เธอยิ้มน้อยๆ ให้เขาแทนคำขอบคุณ ก่อนเปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชายามที่หันมาจ้องมองอดีตผู้จัดการสาวของตน ไม่รอให้ลลิตากวนประสาทกัน เธอก็หมุนตัวกระทบหัวไหล่ของหล่อนอย่างจังจนเซถอยหลังโดยไม่คิดจะขอโทษ แต่กลับก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยดวงตาเรืองรอง
เรื่องนี้เธอจะจัดการเอง!
อาศัยความเป็นดาราดังที่ถึงจะหายหน้าไปนาน แต่ก็ยังมีผู้คนชื่นชอบไม่น้อย บวกกับรอยยิ้มสวยๆ เซ็กซี่ละลายใจ ทำให้เวนิกาผ่านด่านแผนกต้อนรับขึ้นไปบนชั้นสูงสุดของตึกสูงอย่างไม่ยากเย็น เธอก้าวฉับออกจากลิฟต์ด้วยรองเท้าส้นแหลมที่ส่งเสียงเรียกความสนใจจากผู้คน มาหยุดยืนหน้าห้องประธานหนุ่ม ก่อนจะยกมือท้าวสะเอว แผดเสียงเรียกเจ้าของห้องอย่างไม่ยำเกรง
“ปรินธร...คุณออกมาเดี๋ยวนี้เลย!”
เลขาสาวที่นั่งประจำอยู่หน้าห้องสองสามคนรีบลุกพรวดกรูเข้ามาจะจับตัวเธอ แต่ถูกเวนิกาปัดมือออกพลางขึงตามองพวกหล่อนอย่างเอาเรื่อง ทำเอาสามสาวตกใจจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ประจวบกับธนัตเดินออกจากห้องทำงานผู้เป็นนายพอดี เขาจึงเอ่ยปากบอกเธอด้วยความลำบากใจว่า
“คุณไม่สามารถเข้าไปได้ กลับไปเถอะครับ”
เวนิกาฟังแล้วยิ่งหัวร้อน ตะโกนด่าอย่างไม่ไว้หน้าว่า
“เจ้านายคุณขี้ขลาดถึงกับไม่กล้าสู้หน้าฉันเลยเหรอคะ ในเมื่อกล้าที่ทำเรื่องชั่วๆ ก็ควรจะยืดอกยอมรับอย่างลูกผู้ชายสิ”
ธนัตมองอดีตผู้หญิงของเจ้านายอย่างชั่งใจ ไม่แน่ใจว่าควรให้เวนิกาเข้าไปดีรึเปล่า ไม่ได้กลัวปรินธรจะด่าที่เขาแส่ไม่เข้าเรื่อง แต่เธอกำลังร้อนเป็นไฟ แถมเจ้านายเขาเองก็อารมณ์แปรปรวนน้อยเสียที่ไหนล่ะ เขากลัวจะเกิดสงครามนองเลือดขึ้นกลางห้องทำงานน่ะสิ
ไม่ทันได้ตัดสินใจ น้ำเสียงเคร่งขรึมติดเย็นชาก็เอ่ยดังลอดออกมาจากข้างในว่า
“ให้เธอเข้ามา”