อดทน

1803 Words
ภูผาประชุม 3 แผนกยาวๆจนถึงค่ำ เมื่อประชุมเสร็จรีบลุกอกจากเก้าอี้เดินเข้าไปในห้องนอนทันที คิ้วหนาต้องขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นคนตัวเล็กนอนห่อตัวราวกับเด็กแรกเกิด สองขาแกร่งสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ๆจับคนตัวเล็กผ่านผ้าห่มผืนหนา ความร้อนจากร่างเล็กทะลุผ้าห่มออกมา มือหนาแตะไปที่หน้าผากมนเบาๆ พบว่าคนตัวเล็กตัวร้อนราวกับไฟ “ ไม่สบายเลยเหรอว่ะ เพราะตากแดดตอนเที่ยงแน่ๆ ” ร่างหนาเดินเข้าไปในห้องน้ำออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กกับกาละมังน้ำ มือหนาบรรจงเช็ดตัวให้คนตัวเล็กเบาๆ ผิวกายขาวเนียนแดงไปทั้งตัวใจแกร่งที่เห็นอีกคนตัวแดงเถือกก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ครั้นจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ด้วยก็ไม่กล้าไม่ได้กลัวอีกคนโกรธแต่กลัวตัวเองเนี่ยแหละจะทนไม่ไหวเอา มือหนาวางทุกอย่างลงและเดินไปหยิบยาลดไข้กับน้ำเปล่ามา “ รุ้ง รุ้ง น้อง !! ” เขาเรียกคนตัวเล็กอยู่หลายครั้งกว่าอีกคนจะรู้สึกตัว “ อือ ” เสียงเล็กขานรับเบาๆในลำคอ “ ตื่นมากินยาก่อน ” สองแขนแกร่งยกคนตัวเล็กขึ้นนั่งพิงหัวเตียงและจัดการป้อนยาให้อีกคนทันที ภูผาเคยดูแลน้องสาวเวลาป่วยแบบนี้อยู่บ่อยครั้งเขาเลยทำทุกอย่างได้ชำนาญ เมื่อกินยาแล้วภูผาก็จัดการให้คนตัวเล็กนอนต่อทันที มือหนาลูบไปที่เรือนผมสวยเบาๆ ตาคมจ้องมองไปยังใบหน้าขาวเนียนนิ่ง ภูผาหันไปมองนาฬิกาบนผนังห้องก็พบว่าตอนนี้จะ 2 ทุ่มแล้ว อีกคนก็นอนป่วยอยู่จะกลับก็คงไม่ได้แล้ว มือหนาจัดการถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวราคาแพงที่ตัวเองสวมใส่อยู่ออกและโยนลงในตะกร้าโชว์แผงอกแน่นๆมัดกล้ามเรียงตัวสวยงาม พร้อมหยิบผ้าขนหนูและเดินเข้าห้องน้ำไปทันที เมื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกายเสร็จ ร่างหนาเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อยืดกางเกงนอนขายาว เดินตรงมายังเตียงนอนและขึ้นไปนอนข้างๆคนตัวเล็กที่นอนป่วยอยู่ มือหนาแตะที่หน้าผากมนเบาๆความร้อนในร่างกายของคนตัวเล็กยังคงไม่ลดลงเลยแม้จะกินยาเข้าไปแล้ว ร่างบางที่กำลังโดนพิษไข้เล่นงานเกิดอาการหนาวสั่นขึ้นมาขยับกายเข้าหาความอบอุ่นจากคนพี่ที่นอนอยู่ข้างๆ ภูผาที่เห็นอีกคนนอนตัวสั่นอยู่แขนแกร่งดึงคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอดทันที อกอวบอิ่มเบียดเสียดอยู่กับแผงอกแน่นๆของตัวเองทำให้คนพี่กระสับกระส่ายไปหมด อาวุธร้ายที่มันหลับไหลอยู่ค่อยๆฟูขึ้นตามสัญชาตญาณกรามหนาบดเข้าหากันแน่น ภูผาต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมากกับสถานการณ์ที่เจออยู่ตอนนี้ “ ไอ้เหี้ย !! กูตายแน่ ๆ ” ปากหนาพึมพำเบาๆคนเดียว หากใครได้ขึ้นเตียงกับภูผาไม่เคยมีใครรอดไปได้สักรายแต่กับคนในอ้อมกอดนี้เขาทำได้เพียงแค่ อดทน เท่านั้น “ กูทำอะไรไปว่ะเนี่ย ” มือหนาเกาหัวตัวเองแกรกๆ กับสิ่งที่ทำอยู่ นอนคิดไปคิดมาสักพักภูผาก็หลับไปเพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน โดยมีคนตัวเล็กนอนป่วยอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของตัวเอง 06:30 น. ของเช้าวันใหม่ กระบอกตาสวยลืมตาตื่นขึ้นมากระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับหาแสงสักพัก พร้อมกวาดสายตามองไปรอบๆห้องนอนสีขาวสะอาดตาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดคนพี่ มือบางเปิดผ้าห่มดูก็พบว่าตัวเองยังอยู่ในชุดนักศึกษา ร่างบางค่อยๆขยับกายช้าๆเพื่อลุกออกจากที่นอน สองขาเรียวเมื่อลงจากที่นอนได้หยิบกระเป๋าแบรนด์ดังสะพายบ่าแล้วสาวเท้าวิ่งออกจากห้องนอนทันที หญิงสาวไปหยุดอยู่ที่ห้องทำงานกวาดสายตามองไปรอบๆเลยได้รู้ว่า ในห้องทำงานมีห้องนอนของเขาอยู่ด้วย ไม่คิดนานขาเรียวสาวเท้าเดินออกจากห้องทำงานไปอย่างรวดเร็ว “ เห้อ !! ยัยรุ้งเอ้ยนอนกับเขาได้ยังไงกันเนี่ย” ทอรุ้งเรียกแท็กซี่หน้าบริษัทยักษ์ใหญ่แล้วนั่งรถกลับมายังคอนโดของตัวเองทันที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันพลางคิดทบทวนไปถึงเรื่องเมื่อวาน ไม่นานรถแท็กซี่ก็มาถึงหน้าคอนโดหรูของทอรุ้ง ทอรุ้งมีคอนโดอยู่ใกล้มหาลัยน้อยมากที่จะมานอนนอกจากคืนไหนเลิกคำ เลิกดึกก็จะแวะมานอนส่วนใหญ่จะไปนอนบ้านพี่ชายซะมากกว่าเพราะติดหลานแฝดทั้งสาม ภูผาที่รู้สึกตัวตื่นมือหนาควานหาคนตัวเล็กที่เขานอนกอดอยู่ทั้งคืนกลับพบเพียงความว่างเปล่า ที่นอนข้างๆเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศบอกให้รู้ว่าอีกคนลุกออกไปนานแล้ว สองขาแกร่งตวัดลงจากเตียงนอนขนาดใหญ่เดินหาทั่วทั้งห้องก็ไม่เจอ ” แม่ง ! ไปไม่บอกสักคำเลยเหรอว่ะ รู้งี้กูปล้ำซะตั้งแต่เมื่อคืนละ “ ภูผาหงุดหงิดหัวเสียขึ้นมาทันทีที่อีกคนไปไม่บอกไม่กล่าว มือหนาหยิบมือถือราคาแพงที่วางอยู่หัวเตียงขึ้นมากดโทรออกแต่แล้วปลายสายก็ไม่ยอมรับสายอีกอย่างเคย ภูผาได้แต่ทดบัญชีโทษของคนตัวเล็กไว้ในใจ สองขาแกร่งสาวเท้าเดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวทำงานอย่างเช่นทุกวันในใจยังหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย พลางคิดหาวิธีจัดการเด็กดื้อ ด้านทอรุ้งอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวไปเรียน มือเรียวหยิบมือถือราคาแพงขึ้นมาดูพบว่าเจ้าของอ้อมกอดเมื่อคืนโทรหาเธอหลายสาย ทั้งโทร ทั้งส่งข้อความ “ จะเอายังไงดีรุ้ง แต่เมื่อคืนถ้าไม่ได้เขาคงเป็นไข้ตายไปแล้ว เอาไงดี เอาไงดี ” ทอรุ้งได้แต่นั่งพึมพำอยู่คนเดียวจะโทรกลับดีไหม จะตอบข้อความเขาดีไหมและจู่ๆ… Rrrrrrrr. Rrrrrrrr เสียงมือถือราคาแพงของทอรุ้งก็ดังขึ้นอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงแจ้งเตือนข้อความ… ติ้ง ! เฮียภูผา : รับสายเดียวนี้รุ้ง ไม่รับเฮียบุกถึงมหาลัยแน่ เฮียภูผา : รับสาย ! มือบางตัดสินใจกดรับสายทันที “ คะ ” “ ทำไมไปไม่บอก ? หายป่วยละเหรอ ? “ ภูผายิงคำถามใส่ทันทีที่ปลายสายรับสาย ” หายแล้วค่ะ รุ้งขอบคุณเฮียมากนะคะเรื่อง…” ทอรุ้งพูดแค่นั้นและหยุดคำพูดไปทันที “ เรื่องที่เฮียกอดนะเหรอ ” ปลายสายเอ่ยแหย่อีกคนขึ้นมาเขารู้ว่าเธอไม่กล้าพูดเพราะกลัวจะเข้าเรื่องนี้ “ ไม่ใช่นะคะ เรื่องที่เฮียอุสาห์สละเวลาดูแลที่รุ้งป่วยต่างหากละคะ ” คนตัวเล็กรีบแก้ตัวขึ้นทันที “ หึ ! นี่หายดีแล้วใช่มั้ย ไปเรียนรึป่าวแล้วจะไปเรียนยังไง ” ภูผาเอ่ยถามออกไปอย่างเป็นห่วง “ เรียกแท็กซี่ค่ะ ” “ ไม่ต้อง ! เดี๋ยวเฮียไปรับแล้วอย่าคิดหนี ” ภูผาพูดแค่นั้นแล้วกดวางสายไปทันที สองขาแกร่งสาวเท้ายาวๆเดินออกจากห้องทำงานไป “ ท่านรองจะไปไหนครับ 9 โมงมีประชุมนะครับ ” อิฐเลขาเพื่อนรักที่กำลังเตรียมเอกสารประชุมอยู่เรียกเจ้านายเสียงหลง “ เลื่อนไปก่อน ” ภูผาตอบแค่นั้นแล้วเดินเข้าลิฟต์ไปทันที 25 นาที รถสปอร์ตคันหรูของภูผาก็ขับมาถึงคอนโดของทอรุ้ง ร่างสูงในชุดสูทดูดีก้าวขาลงจากรถ ตาคมจ้องมองไปยังคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ เสื้อนักศึกษาพอดีตัว กระโปรงทรงเอสั้นผ่าหน้าอวดเรียวขาสวย กับรองเท้าผ้าใบ … สองขาแกร่งสาวเท้าเดินเข้าไปหาคนตัวเล็ก มือหนาทาบไปที่หน้าผากมนเบาๆเพื่อเช็คอุณหภูมิร่างกายของอีกคนว่ากลับมาปกติดีรึยัง “ เอายามั้ย ? ” ปากหนาเอ่ยถามออกไป “ เอามาค่ะ ” “ ไป งั้นไปกินข้าวก่อนจะได้กินยา ” มือหนาดึงมือเล็กให้เดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล “ รุ้งไปกินที่มหาลัยก็ได้ค่ะ เฮียรีบไปทำงานเถอะ ” ภูผาไม่เอ่ย ไม่พูดอะไรออกมาตั้งหน้าตั้งตาขับรถแล้วไปจอดหน้าร้านโจ๊กชื่อดังร้านนึง สองขาแกร่งลงจากรถและเดินไปเปิดประตูรถอีกฝั่งและดึงอีกคนลงจากรถไปทันที ทอรุ้งได้แต่เดินตามแรงดึงของคนพี่มาเงียบๆ ทั้งสองรู้จักกันมานานต่างคนก็ต่างพอรู้นิสัยของกันและกัน ภูผารู้ดีว่าทอรุ้งเป็นคนดื้อเงียบ ทั้งสองนั่งกินโจ๊กกันเงียบๆ ตาคมคอยลอบมองคนตัวเล็กตรงหน้าอยู่บ่อยครั้ง “ ไหนยา ” ภูผาเอ่ยถามขึ้น มือเรียวหยิบยาออกมาจากกระเป๋าราคาแพง มือหนารับมาแกะยารินน้ำใส่แก้วให้เรียบ ทอรุ้งรับมันมากินอย่างว่าง่าย แล้วภูผาก็ขับรถพามาส่งที่มหาลัย รถหรูขับเข้ามาจอดยังหน้าตึกคณะแพทย์ระหว่างที่ภูผากำลังเดินจะเปิดประตูรถให้คนตัวเล็ก… ” เฮีย มาทำไมว่ะ อย่าบอกนะว่ามาส่งเด็ก “ เมฆที่เห็นรถสปอร์ตหรูสีแดงขับเข้ามาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นภูผา ภูผายังไม่ทันได้ตอบอะไรทอรุ้งก็เปิดประตูรถลงมา “ อ้าว น้องรุ้งทำไม…. ” เมฆได้แต่มองทอรุ้งที ภูผาทีบนใบหน้าหล่อของอธิการมีแต่เครื่องหมายคำถาม “ ออ รถรุ้งเสียค่ะ เฮียภูผาเลยมาส่ง ขอบคุณนะคะ ” ทอรุ้งเอ่ยบอกเมฆออกไปและหันไปขอบคุณภูผาแล้วสาวเท้าเดินออกไปทันที เมฆยังคงจ้องมองมายังภูผาไม่เลิก “ มองอะไรของมึง ” ภูผาที่เห็นอีกคนมองไม่เลิกก็ถามขึ้น “ เฮีย ชอบน้องเหรอ ” ภูผาเงียบไม่ตอบอะไรตั้งท่าจะเดินไปขึ้นรถ “ เฮีย ลีลาไปเถอะ 27 ละเดี๋ยวแก่กว่านี้เด็กก็ไม่เอาแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า “ เมฆตะโกนตามหลังออกไป ภูผาทำเพียงชี้หน้าใส่อีกคนแล้วขึ้นรถขับออกไปทันที ในใจกลับนึกถึงแต่คำพูดของเมฆ ^^
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD