[ Ingfha part ]
“ฟ้า...คุณองศาเขาลุกออกจากโซฟาไปแล้ววะ”
น้ำขิงที่เป็นคนเฝ้าดูองศาที่ชั้นสองรายงานฉัน ฉันก็เลยหันไปดูที่ชั้นสองที่เขานั่งอยู่อีกครั้งก่อนจะพบว่าเขาไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว
แต่ไม่นานฉันก็เห็นร่างสูงของเขาเดินลงบันไดมา แล้วก็เดินผ่านไปโดยที่ไม่หันมามองฉันเลยสักนิด สีหน้าแววตาของเขาที่ฉันเห็นเมื่อกี้ก็คือราบเรียบเฉยชาไม่แสดงอะไรออกมาทั้งนั้น
หึ รู้สึกตลกและเจ็บไปพร้อม ๆ กันเลยอะ อุตส่าห์อยากเห็นท่าทีของเขาเวลาที่เห็นฉันอยู่กับคนที่เขาไม่ชอบและคนที่เขาสั่งห้ามไม่ให้อยู่ใกล้แต่ดูสิ่งที่ได้สิ เฉยชาไม่มีอะไรเลย ทำไมเขาไม่รู้สึกหึงฉันเหมือนที่ฉันหึงเขาตอนที่รู้เรื่องเขากับเนเน่บ้างนะ
“เศร้าเลยนางฟ้าของกู...ฉันขอโทษนะฟ้าฉันไม่คิดว่าเขาจะเย็นชาขนาดนั้นอะ ฉันนึกว่าเขาจะรู้สึกโมโหแล้วลงมาต่อยไอ้เสือมันบ้างอะ” น้ำขิงพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดและขอโทษฉันที่ผลออกมาไม่เป็นไปตามแผนที่มันคิดไว้ “แต่เมื่อกี้ตอนมึงกับเสือจ้องตากันอะกูเห็นเหมือนเขาจ้องมึงอยู่นะ เขาต้องรู้สึกอะไรบ้างแหละ ใช่ไหมเสือ”
“ไม่รู้”
“ไอ้เสือมึงนี่นะ ช่วยพูดอะไรที่มันทำให้เพื่อนสบายใจหน่อยสิ มัวแต่กินเมล็ดทานตะวันอยู่นั่นแหละ”
“ก็ฉันไม่รู้จะให้ตอบว่ารู้ได้ไง” เสือตอบกลับอย่างไม่แยแสแล้วนั่งกินเมล็ดทานตะวันต่อไปตามสไตล์ของมัน
“ช่างมันเถอะเรารีบดื่มแล้วรีบกลับกันดีกว่า ฟ้าปวดหัวแล้วอะ” ฉันเอ่ยแทรกขึ้นขัดสงครามประสาทที่กำลังจะเกิดขึ้นก่อนเพราะกลัวว่าเดี๋ยวยัยน้ำขิงจะระเบิดขึ้นมา ซึ่งฉันเอามันไม่อยู่แน่ถ้ามันระเบิดนะ ไทน์ก็ไม่อยู่ด้วย
2ชั่วโมงต่อมา...
“กูบอกมึงแล้วใช่ไหมไอ้เสือว่าให้รอรับศพน้ำขิงอะ แล้วโทรมาหากูอีกทำไมวะ”
ไทน์บ่นเสือด้วยสีหน้าหงุดหงิดที่โดนเสือโทรตามให้มาแบกร่างที่ไร้สติของน้ำขิง ใช่น้ำขิงเมา เมาแบบหมดสติทิ้งตัวใส่ไทน์เลยแหละ ส่วนฉันนะเหรอ... ฉันแค่กรึ่ม ๆ กอดคอเสือเป็นที่ยึดแค่นั้นเองไม่ได้เมาอะไรมาก เพราะฉันเป็นพวกไม่ชอบแอลกอฮอลล์เท่าไหร่ ดื่มพอเป็นพิธีนะได้ แต่ถ้าดื่มให้หมดสติเหมือนยัยน้ำขิงอะฉันขอบาย
“หน้าที่มึง มึงก็รับไปสิวะไอ้ไทน์” เสือตอบไทน์เสียงขุ่นก่อนจะประคองฉันไปขึ้นรถ โดยที่ไม่สนใจสีหน้าของเพื่อนที่กำลังหงิกงออยู่ข้างหลังเลย
ตุบ!
“ไม่ใช่หน้าที่กูเลยสักนิด เมียก็ไม่ใช่” หลังจากที่แบกร่างของน้ำขิงมาถึงรถ ไทน์ก็โยนร่างไร้สติของน้ำขิงเข้ามาในรถโดยปราศจากความอ่อนโยน ฉันที่นั่งอยู่ก่อนแล้วได้แต่กะพริบตามองปริบๆคิดในใจว่าพรุ่งนี้น้ำขิงตื่นมาคงมีปวดตัวบ้างแหละเพราะไทน์มันโยนเหมือนโยนของเข้าห้องเก็บของอะ นี่ถ้าฉันเมาแบบนี้ฉันก็คงจะโดนเหมือนกันใช่ไหม มีเพื่อนผู้ชายฮาร์ดคอแบบพวกมันนี่น่าสงสารตัวเองเหมือนกันนะ เพราะไม่เคยได้รับความอ่อนโยนเลย ปากร้ายแถมการกระทำก็ป่าเถื่อนอีก
ปึก/ปึก!
“แล้วจะไปส่งใครก่อน ระหว่างคนเมาไม่มีสติกับคนเมากรึ่มๆ ที่กะพริบตาปริบ ๆ เหมือนลูกหมาข้างถนนไม่ได้แดกข้าวเนี่ย” ไทน์ถามเสือพร้อมกับพยักหน้ามาเบาะหลังที่ฉันกับน้ำขิงนั่งอยู่แต่ประโยคหลังฉันแอบเคืองมันอยู่เหมือนกันนะที่มาว่าฉันเป็นลูกหมาอะ ปากไม่ดี
“ไปส่งอิงฟ้าก่อนละกันจะไม่ได้ไม่เสียเวลา ส่วนน้ำขิงส่งทีหลัง” เสือตอบไทน์เสร็จเขาก็แอบมองฉันผ่านกระจกหน้ารถแวบหนึ่งก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไป ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเสือถึงได้มองฉันแบบนั้น อีกอย่างทำไมต้องไปส่งฉันก่อนด้วย คือฉันไม่ได้เมามากไง ส่งฉันทีหลังก็ได้
"ส่งน้ำขิงก่อนก็ได้นะ"
"ส่งเธอก่อนนะแหละดีแล้ว กลับช้าเดี๋ยวจะซวยเอา"
??? คิ้วฉันขมวดชนเข้าหากันทันทีที่เสือพูดแบบนั้น ฉันได้แต่มองไปข้างหน้ารถอย่างใช้ความคิด ฉันค่อนข้างจะแปลกใจนะที่เสือพูดแบบนั้น แต่ก็ไม่อยากถามเหมือนกัน ไม่รู้สิฉันว่ามันไม่ได้มีอะไรหรอกเสือก็แค่พูดไปงั้นแหละ อีกอย่างตอนนี้ฉันก็ฝืนความง่วงนอนของตัวเองไม่ไหวแล้วด้วย
ZZZ
หลายนาทีต่อมา...
@คอนโดอิงฟ้า
“ฟ้า...อิงฟ้า” ฉันลืมตาตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของเสือ ก่อนจะเห็นว่าเสือยืนอยู่ข้างนอกรถกำลังมองลงมาที่ฉัน ฉันเลยเบือนสายตาจากหน้าเขามองข้างนอกรถแทนก่อนจะเห็นว่ารถจอดอยู่หน้าคอนโดฉันแล้ว “ถึงแล้วเหรอ” ฉันขยับตัวเอามือลูบหน้าตัวเองเอาไว้เพื่อคลายความง่วงออก
“อืม ถึงแล้ว เดี๋ยวฉันขึ้นไปส่ง”
“ไม่เป็นไรฟ้ายังไหวฟ้าเดินขึ้นไปเองได้ เสือกับไทน์ไปส่งน้ำขิงเถอะ” ฉันก้าวขาลงจากรถแล้วจับแขนของเสือที่ยืนรออยู่หน้าประตูรถไว้เพื่อประคองร่างของตัวเองขึ้นจากเบาะด้วยท่าทางมึนหัวหน่อยๆ “เธอไหวแน่นะ?”
“สบาย ฟ้าไม่ได้เมามากสักหน่อย หน้าเสือฟ้าก็ยังเห็นเป็นหน้าเสืออยู่เลย ฟ้าไปแล้วนะขับรถดี ๆ ละ” ฉันยิ้มบาง ๆ ส่งกลับไปให้เสือ เอ็นดูในสีหน้าของเขาที่มองฉันเหมือนจะไม่เชื่อสักเท่าไหร่ว่าฉันยังไหวตามที่พูดไปจริง ๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฟ้าไหว...ไปแล้วนะ” ฉันปล่อยแขนของเสือลงแล้วยิ้มอีกครั้งก่อนจะเดินผ่านหน้าเสือเข้าคอนโดแบบที่พยายามประคองตัวเองไม่ให้เซสุด ๆ
ตึก ตึก ตึก...
ติ๊ดๆ ปึก!
“เฮ้อ~ ถึงห้องสักทีนึกว่าจะล้มกองกับพื้นสะแล้ว”
ฉันบ่นพึมพำคนเดียวขณะที่เท้าก็ก้าวเข้าไปในห้องถอดรองเท้าออกอย่างสะเปะสะปะแล้วเดินเซไปมาด้วยความมึนหัวผ่านความมืดมิดในห้องที่มองอะไรแทบไม่ออก ทำให้ฉันต้องคลำทางเดินไปเหมือนคนตาบอด ถ้าถามว่าทำไมฉันไม่เปิดไฟละ นั้นสิทำไมฉันไม่เปิดไฟ แต่ช่างมันเถอะเดินผ่านตรงนี้ไปอีกนิดก็ถึงห้องนอนของฉันแล้ว ค่อยเปิดไฟในห้องนอนทีเดียวไปเลยจะได้ไม่เปลืองไฟ
ฟึบ!
!!!
แต่จู่ ๆ ไฟก็สว่างวาบขึ้นมาดื้อ ๆ โดยที่ฉันไม่ได้เป็นคนเปิด แล้วไม่รู้ว่ามันติดขึ้นมาเองได้ยังไงด้วย
“ไฟสว่างได้ไง” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองบนเพดานอย่างงงๆ
“ไง กลับมาสะดึกเลยนะ”
ขวับ!
ฉันหันขวับไปด้านหลังตัวเองทันทีที่ได้ยินเสียงปริศนาจากด้านหลัง ก่อนจะเห็นร่างสูงเจ้าของน้ำเสียงเมื่อกี้ยืนจับเนกไทสีดำในมือด้วยสีหน้าราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความเคร่งขรึมบนหน้าหล่อ ๆ นั้น ซึ่งมันไม่ค่อยจะดีสำหรับฉันเท่าไหร่นัก เพราะสีหน้าแบบนั้นมันเหมือนเขากำลังโมโหฉันเลย และใช่...เจ้าของน้ำเสียงเมื่อกี้ก็คือคนที่ทำให้ฉันดื่มเหล้าหนักในรอบหลายเดือนนั้นเอง
“องศา...”
“เมากลับมาสะด้วย คงจะดื่มไปด้วยจ้องตาไปด้วยจนเพลินสินะ” น้ำเสียงราบเรียบแต่แอบแขวะอย่างขุ่นมัวแถมยังจ้องฉันด้วยสายตาแสยะยิ้มจนน่าอึดอัด
“ที่ฉันบอกที่ฉันเตือนไม่ได้เขาหูเธอเลยใช่ไหมอิงฟ้า” เขาค่อยๆขยับมาทีละก้าวมาทางฉัน
"เอาไงดี ฉันไม่ชอบการถูกท้าทายด้วยสิ" พูดจบเขาก็ยิ้มน่ากลัวมาให้ฉันหนึ่งครั้งก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าฉันแล้วจับข้อมือของฉันผูกด้วยเนกไทที่ถือมาอย่างดุดัน จนฉันรู้สึกเจ็บ!
“ฟ้าเจ็บนะ!” ฉันเงยหน้าขึ้นไปบอกเขาด้วยสีหน้าเหยเก แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มมุมปากที่ไม่ยี่หระกับความเจ็บของฉันเลยสักนิด!
“หึ เจ็บสิดี จะได้จำว่าฉันไม่ชอบพูดซ้ำ!”
พรึบ!
“อ๊ะ องศาจะอุ้มฟ้าไปไหน อย่าทำแบบนี้นะ” ฉันดิ้นทันทีที่เขาอุ้มฉันเดินไปทางห้องนอน
“บนรถเมื่อตอนเย็นมันคงไม่ได้ช่วยทำให้เธอคิดได้ว่าอย่ามากระตุ้นอารมณ์โมโหหรือหงุดหงิดของฉันให้ขุ่นอีกครั้ง แต่ที่ผับ...เธอกล้าลองดีกับฉันอิงฟ้า”
ตุบ!
อั๊ก! พูดได้คำเดียวว่าจุก โยนมาแบบนี้คิดว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆแบบฉันไม่จุกเหรอ “ฟ้าเจ็บนะ!” ฉันหันไปแหว่ตาเขียวใส่เขาหลังจากที่โยนฉันลงบนเตียงอย่างป่าเถื่อน คุยกันดี ๆ ไม่ต้องมัดมือไม่ต้องโยนไม่ได้เหรอ ทำแบบนี้มันไม่ต่างจากฉันเป็นนักโทษของเขาเลย
“เธอกล้ามากนะที่ทำแบบนั้นให้ฉันเห็นต่อหน้าต่อตาอีกครั้ง”
“แล้วทำไมฟ้าจะทำไม่ได้ ในเมื่อองศาก็นั่งอยู่กับผู้หญิงคนอื่น” ฉันเถียงกลับไปเสียงแข็ง จ้องตาเขาอย่างไม่เกรงกลัว คิดว่าฉันไม่โมโหเขาเหรอที่นั่งอยู่กับผู้หญิงคนอื่นนะ
"ฉันมีสิทธิ์ที่จะทำ แต่เธอไม่มีสิทธิ์!" เขาตวาดกลับมาเสียงดังลั่นด้วยความแข็งกร้าวจนหัวใจฉันเต้นตุบตับอย่างเจ็บปวด มันจุกมันหน่วงหัวใจอะ ทำไมเขาถึงได้เห็นแก่ตัวแบบนี้
"ทำไมฟ้าจะไม่มีสิทธิ์ ก็ในเมื่อเราไม่ได้เป็นเจ้าของของกันและกันนี่ เพราะฉะนั้นฟ้าก็มีสิทธิ์ที่จะทำแบบองศา" ฉันไม่ได้ตะคอกหรือตวาดนะ ฉันพูดดี ๆ แต่น้ำเสียงของฉันก็จะไปทางสั่น ๆ หน่อยเพราะมันกำลังจุกที่โดนเขาตวาดเมื่อกี้
"แต่ฉันไม่ชอบ!" เขาตะคอกเสียงกร้าวออกมาอย่างดุดันอีกครั้ง จนฉันรู้สึกหน้าชาไปเลย ไม่ชอบงั้นเหรอ ที่ไม่ชอบเพราะเขาเองก็หึงหวงฉันเหมือนกันใช่ไหม เพราะหึงใช่ไหมเขาถึงได้เห็นฉันเป็นสนามอารมณ์ของเขาแบบนี้ ถ้าใช่ฉันจะได้ทุบกำแพงที่สร้างไว้ระหว่างฉันกับเขาลงแล้ววิ่งเข้าใส่อย่างไม่คิดชีวิตไปเลย
“องศาโมโหฟ้าแบบนี้ เพราะองศาหึงฟ้าใช่ไหม” ฉันก็ไม่ได้อยากจะถามแบบนั้นหรอกนะ แต่ท่าทางของเขาตอนนี้มันไม่ต่างจากการหึงหวงเลยสักนิด
“ฉันโมโหเพราะเธอเป็นของๆฉัน ฉันไม่ชอบเห็นของๆฉันไปอยู่ใกล้กับคนอื่น”
“องศาเห็นฟ้าเป็นแค่สิ่งของแค่นั้นเหรอ องศาหวงฟ้าเหมือนเด็กหวงของเล่นแค่นั้นเหรอ องศาไม่เคยรู้สึกอะไรกับฟ้าจริง ๆ เหรอ องศารู้ไหมว่าทำไมฟ้าถึงทำแบบนั้น ทำไมฟ้าถึงกล้าขัดคำสั่งทั้ง ๆ ที่รู้ว่าถ้าทำแล้วจะโดนอะไรเพราะฟ้าอยากเห็นองศาโกรธไม่พอใจที่ฟ้าอยู่ใกล้คนอื่นเพราะฟ้าเป็นคนพิเศษขององศาไง ถ้าพูดง่าย ๆ ให้เข้าใจ ฟ้าอยากเป็นมากกว่าเด็กขององศา ฟ้าอยากเป็นผู้หญิงคนสำคัญขององศาไม่ใช่นางบำเรอไม่ใช่ผู้หญิงที่องศาเห็นว่าจะเขี่ยเมื่อไหร่ก็ได้!”
ฉันพรั่งพรูเป็นประโยคยาวเหยียดออกไปอย่างไม่คิดชีวิต ถึงจะหอบเพราะพูดโดยไม่หายใจแต่ฉันก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก และถึงมันจะแอบรู้สึกจี๊ดน้ำตาคลอเบ้าก็ตามแต่ถ้าเทียบกับที่ได้ระบายออกไปแล้วฉันว่ามันสุดแล้ว และความเมากรึ่ม ๆ ก่อนหน้านี้ก็หายเป็นปลิดทิ้งแล้วด้วย ที่สำคัญคนตรงหน้าฉันเขาก็ดูอึ้งด้วยที่ฉันสารภาพความในใจออกไป จนเขาต้องขยับปากถามฉันอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“นี่เธอชอบฉันงั้นเหรออิงฟ้า?” เขาดูอึ้งจริงนั่นแหละ อึ้งจนคิ้วบนใบหน้าหล่อเหลาของเขาขมวดเข้าหากันจนผูกติดกันเป็นโบอะคิดดู
“ใช่ ฟ้าชอบองศา ชอบมากด้วย ฟ้าพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดเกินเลยแล้ว แต่มันห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้"
“เธอก็รู้ว่าฉันยังไม่พร้อมที่จะหยุดที่ใคร ที่ฉันสัญญาก็เพราะเธอไม่เหมือนคนอื่น เธอไม่เจ้ากี้เจ้าการ เธอไม่วุ่นวายกับฉันจนน่ารำคาญ แต่ถ้าเธอชอบฉันและอยากให้ฉันหยุดที่เธอคนเดียว ฉันคงให้เธอไม่ได้”
พูดจบเขาก็หันหลังเตรียมเดินออกจากห้องนอนฉันทันที แต่ฉันไวกว่ารีบพยุงตัวเองลงจากเตียงแล้ววิ่งไปขวางหน้าเขาไว้จนเกือบจะโดนเขาชนหงายหลัง แต่ดีที่เขาเบรกไว้ทัน
“องศา...”
“เธอไม่ควรมารู้สึกดีกับฉันอิงฟ้า”
“ทำไมละ ทำไมหัวใจฟ้าถึงจะรู้สึกกับองศาไม่ได้ องศาก็รู้ว่าเวลาเรารู้สึกกับใครสักคนมันเป็นยังไง”
“ฉันไม่รู้ เพราะฉันไม่รู้ไงฉันถึงบอกเธอว่าไม่ควรมารู้สึกดีกับฉัน เพราะฉันไม่เคยมีความรู้สึกพวกนั้นกับผู้หญิงที่ฉันใช้เงินซื้อมา”
“…”
เจ็บ! เจ็บดี เหมือนถูกมีดหลาย ๆ เล่มปักลงตรงกลางใจเลยอะ เขาบอกว่าเขาไม่เคยมีความรู้สึกพวกนั้นกับผู้หญิงที่ใช้เงินซื้อมา นี่เขาไม่เคยรู้สึกอะไรกับฉันเลยใช่ไหม ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองมีสีหน้ายังไง แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันบอกได้ก็คือมันหน่วง มันเจ็บ มันจุกเหมือนมีก้อนตีตื่นขึ้นมาจุกที่อยู่คอจนน่าอึดอัดไปหมด
“ฉันพูดขนาดนี้แล้ว หวังว่าเธอจะเข้าใจ จะยุติความสัมพันธ์ของเรา…/ไม่! ฟ้าไม่ยุติอะไรทั้งนั้น" ฉันประกาศเสียงกร้าวออกไป ฉันไม่ยุติอะไรทั้งนั้นแหละ
"องศาไม่รู้สึกอะไรกับฟ้าก็เรื่องขององศา แต่ฟ้ารู้สึกและฟ้าจะทำให้องศารู้ด้วยว่าความรู้สึกที่ฟ้าเป็นอยู่ตอนนี้มันเป็นยังไง” ใช่ เขาควรจะได้รู้ว่าความรู้สึกของฉันที่เขาได้ไปมันเป็นยังไง ฉันจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆเด็ดขาด
“ถ้าคิดว่าตัวเองทนได้ก็แล้วแต่ แต่ไอ้ความรู้สึกบ้าๆนั้นฉันไม่มีวันรู้สึกกับมันเด็ดขาด”
ฉันเงยหน้าขึ้นไปสบตากับดวงตาสีดำสนิทของเขาทันทีหลังจากที่เขาพูดจบ ดวงตาที่มีแต่ความว่างเปล่า ดวงตาที่แตกต่างจากดวงตาของฉันที่ใช้มองเขาตอนนี้
“ฟ้าขอเวลาสามเดือน สามเดือนเท่านั้น ฟ้าจะทำทุกวิถีทางให้องศารู้สึกเหมือนฟ้าให้ได้” พอฉันพูดจบเขาก็ยิ้มมุมปากให้ฉันทันที ก่อนจะขยับเดินเข้ามาหาฉันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชาแต่แอบเจ็บแปล๊บอย่างบอกไม่ถูก
“อย่าพยายามเลย นอกจากจะไร้ประโยชน์แล้วเดี๋ยวเธอจะเจ็บเปล่าๆ” ว่าจบเขาก็เตรียมจะขยับเดินออกไปแต่ด้วยความโมโหและไม่พอใจของฉันที่เห็นเขาทำท่าแสยะยิ้มแบบนั้น ก็เลยขวางทางเขาอีกครั้งแล้วยกแขนที่ถูกเนกไทมัดมืออยู่ไปคล้องคอเขาจากนั้นก็เขย่งเท้าขึ้นไปจูบปากเขาทันที ใช่ จูบปากเขานี่แหละเพราะฉันเกลียดไอ้ถ้อยคำเสียดสีพวกนั้นที่เขาสาดออกมา มันทำให้ฉันเจ็บและมันทำให้โมโหด้วย
จ๊วบ!
“อื้ม...”
ตุบ!
อั๊ก! เจ็บหลังจัง
เขาผลักร่างกายของฉันชนเข้ากับผนังห้องด้านหลังแล้วจ้องฉันด้วยสายตาราบเรียบอยู่สักพักโดยที่ไม่รู้ว่าเขาโมโหหรือโกรธฉันหรือเปล่าที่จูบเขาแบบนั้น แต่สุดท้ายสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเขาโน้มใบหน้าลงมาหาฉันแล้วเป็นฝ่ายรุกฉันแทน เราสองคนจูบกันเนิ่นนานโดยที่ไม่มีใครยอมใคร จูบกันจนฉันต้องเป็นฝ่ายผลักเขาออกก่อนเพราะหายใจไม่ทัน
พลัก!
"แฮ่กๆ"
"..."
“หึ”
...เขาจ้องตาฉันที่กำลังหายใจหอบด้วยรอยยิ้มเยาะ ก่อนจะช้อนใบหน้าของฉันขึ้นมาแล้วใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำลายตรงริมฝีปากล่างให้ฉัน จากนั้นก็ใช้คำพูดบางอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกหน้าชาไปทั้งหน้าในเวลาต่อมา
“คิดว่าจะล่ามตัวฉันไว้กับจูบเด็กปอสามอย่างเธอเหรออิงฟ้า”