อุบัติเหตุ
โอริค วากเนอร์ นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งไทยเยอรมัน วัย 28 ปี สูง 189 ผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงมาเฟีย
เขาคือหนุ่มหล่อผู้ทรงเสน่ห์ที่สาวๆทั่วฟ้าเมืองไทยอยากเข้าหา แต่โอริคไม่เคยให้ความสนใจใครเป็นพิเศษ นอกจากซื้อกินไปวันๆเวลาอยากจริงๆ
ธุรกิจหลายอย่างทั้งผับทั้งโรงแรมแม้กระทั่งอสังหาริมทรัพย์ ในจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นของตะกูลวากเนอร์ เขาทำทุกอย่างเพื่อขยายอาณาเขตความยิ่งใหญ่ในวงการมาเฟียให้ทุกคนได้เกรงกลัว
5 ทุ่ม
บรืนนนนนนน !!
รถยุโรปสีดำที่แล่นมาด้วยความเร็วสูงกำลังแล่นอยู่บนถนนในกรุงเทพ หลังจากการประชุมพบปะลูกค้าเสร็จ และกำลังจะกลับ แก๊กบอดี้การ์ดหนุ่มของโอริค ซึ่งเป็นคนขับ เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ
" แย่แล้วครับนายรถเบรกไม่อยู่ "
" เปิดกระจกให้หมด หาที่ปลอดภัยลง "
" ครับ นายจับดีดีนะครับ "
ในช่วงเวลาระทึกแก๊กเปิดกระจกทุกบาน ปลดล็อกประตู ตัดสินใจพุ่งหลาวลงแม่น้ำ เพราะถ้าขับต่อไปก็จะเป็นถนนใหญ่ที่มีรถวิ่งค่อนข้างเยอะ เขาต้องรีบตัดสินใจทันทีเพื่อรักษาชีวิตเจ้านายของเขาไว้
' โครมมมมมมมมม '
' ตูมมมมมมมมมม '
เสียงชนที่กั้นถนน ทำให้ศีรษะและไหล่ของโอริคไปกระแทกกับขอบประตูอย่างแรง จากนั้นรถหรูก็พุ่งลงน้ำทันที ร่างของโอริคกระเด็นออกจากตัวรถ ดิ่งลงน้ำตามรถไปติดๆ
แก๊กพยายามพาตัวเองออกจากรถและช่วยเจ้านายหนุ่มของเขา เจ้านายหนุ่มที่เขาคิดว่าน่าจะนั่งอยู่ที่เบาะหลัง แต่ ....
' ไม่มี .. เจ้านายหายไปไหน '
ด้วยช่วงเวลาที่มืดสนิท และบริเวณนี้ก็แทบไม่มีไฟส่องสว่าง แก๊กใจเสีย เขาพยายามงมหาร่างเจ้านายของเขา พลางตะโกนเรียกไปด้วย
" เจ้านาย เจ้านายอยู่ไหนครับ เจ้านาย "
แก๊กดำผุดดำว่ายอยู่อย่างนั้น นานนับชั่วโมง ด้วยหวังว่าจะเจอร่างผู้เป็นเจ้านาย แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เขาทรุดตัวลงนั่งร้องไห้อยู่ข้างแม่น้ำ
แก๊กเป็นเด็กกำพร้าที่คุณท่าน หรือคุณบรูโนพ่อของโอนิค รับเลี้ยงตั้งแต่พ่อเขาตาย พ่อของแก๊กเป็นลูกน้องของคุณท่านอีกที ส่วนแม่เสียไปตั้งแต่แก๊กอายุได้ 5 วัน แก๊กมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโอนิคเขาจึงรักโอนิคเหมือนพี่น้องที่โตมาด้วยกัน
แก๊กที่พยายามมองหาเจ้านายหนุ่มอย่างมีความหวัง สุดท้ายเมื่อไม่สามารถหาเจ้านายจนเจอได้ เขาจึงตัดสินใจว่าต้องติดต่อคุณท่าน แต่โทรศัพท์ก็ไม่มี
แก๊กนั่งหมดหวังอยู่ตรงนั้น เขารู้ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เขาผิดเองที่ไม่ตรวจสอบทุกอย่างให้ดีดี เขาเสียใจที่ไม่สามารถปกป้องดูแลเจ้านายของเขาได้ แต่ ....
' ตราบใดที่ยังไม่เจอศพ เขายังเชื่อว่าเจ้านายเขายังไม่ตาย อาจจะลอยไปติดอยู่ริมฝั่งที่ไหนซักแห่ง ' แก๊กคิดอย่างมีความหวัง
...............
รุ่งเช้า
แก้มนิ่ม สาวน้อยวัย 22 ปี สูง 165 นักศึกษามหาลัย L
ปี 4 สาขาการจัดการโรงแรม เธออาศัยอยู่กับลุงอำนาจ
บ้านของแก้มนิ่มเป็นบ้านไม้สักทั้งหลัง ด้านหน้าติดถนน ด้านหลังติดแม่น้ำ ฐานะไม่ได้ร่ำรวย พออยู่พอกิน
พ่อแม่ของแก้มนิ่มประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่แก้มนิ่มอยู่ ม.3 เธอจึงต้องมาอยู่ในความดูแลของลุงอำนาจ พี่ชายของแม่
ลุงอำนาจเป็นหมอเปิดคลินิคของตัวเองอยู่ที่ตลาด ต้องออกไปเปิดคลินิคตอนบ่าย กลับมาบ้านก็ 4-5 ทุ่ม ลุงอำนาจมีลูกชายคนนึง ชื่อน้ำนนท์ เรียนอยู่ ม. 4
วันนี้เป็นวันหยุด แก้มนิ่มไม่ได้ไปมหา'ลัย จึงนำอาหารมาใส่บาตรพระที่บิณฑบาตทางน้ำ วันนี้ แก้มนิ่มออกมารอพระบิณฑบาตรเหมือนทุกวัน จนกระทั่งพระมา
" นิมนต์ค่ะหลวงตา "
แก้มนิ่มจัดการใส่บาตรเรียบร้อย จากนั้นพระก็ให้พร
" อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง "
" สาธุ " หญิงสาวยกมือจบท่วมหัว
แก้มนิ่มเก็บสำรับใส่บาตรไปล้าง แต่ในขณะที่กำลังจะเดินขึ้นบันได หางตาเหลือบไปเห็น อะไรดำๆใหญ่ๆ ลอยตามน้ำมา มันคลับคล้ายคลับคลา
แก้มนิ่มมองอยู่นาน จนแน่ใจว่า ไอ้ที่ลอยมานั่น ใช่คนแน่นะ ลักษณะเหมือนจะกอดลำกล้วยมา
แก้มนิ่มมองอย่างตกใจ ตะโกนเรียกน้ำนนท์ ลูกพี่ลูกน้องของเธอให้ลงมาช่วย
" นนท์ นนท์ นนท์ มานี่หน่อยเร็ว "
น้ำนนท์รีบวิ่งลงมาทันที
" อะไรพี่แก้ม "
" นนท์ดูนั่นสิ เห็นอย่างที่พี่เห็นมั้ย "
แก้มนิ่มชี้ให้น้ำนนท์ดูในขณะที่น้ำนนท์ก็หันไปมองตามนิ้วพี่สาว น้ำนนท์ก็พยายามมองจนแน่ใจ
" เฮ้ย !!! นั่นมันคนนี้พี่แก้ม "
" นนท์ว่าตายมั้ย "
ทั้งสองมองอย่างไม่แน่ใจ
" ไม่รู้ นนท์ไปตามพ่อดีกว่า "
ว่าจบก็รีบวิ่งไปเรียกอำนาจมาทันที
" พ่อ พ่อ พ่อมาดูนี่เร็ว "
ลุงอำนาจพ่อของน้ำนนท์ คิดว่ามีเรื่องอะไรจึงรีบวิ่งหน้าตื่นลงมาจากบนบ้าน
" อะไรกันวะ "
" พ่อมานี่เร็ว มีคนลอยมากับน้ำ ไม่รู้ตายรึเปล่า "
" ฮะ ไหน ไหน พาพ่อไปดูซิ "
น้ำนนท์รีบวิ่งนำไป ลุงอำนาจก็วิ่งตามไปทันที
จนมาถึงท่าน้ำหลังบ้านที่มีหลานสาวยืนรออยู่แล้ว
" ลุง ลุง มาเร็ว " แก้มนิ่มเร่ง
" นั่นไงพ่อ " น้ำนนท์มาถึงรีบชี้ให้พ่อดู
ลุงอำนาจมองตาม ที่ลูกและหลานชี้ ก็ตกใจไปอีกคน ตอนนี้ร่างนั้นลอยมาติดฝั่งห่างจากบ้านของลุงอำนาจไปไม่มากนัก ทั้งสามจึงได้กุลีกุจอช่วยกันยกร่างหนาขึ้นมาจากน้ำ ลุงอำนาจจับชีพจรจึงได้รู้ว่าเขายังไม่ตาย
" ยังไม่ตาย รีบยกขึ้นไปบนบ้านก่อน เดี๋ยวจะหนาวตายซะก่อน "
ทั้งสามจึงช่วยกันแบกร่างใหญ่โตนั้นขึ้นไปนอนบนบ้าน
" ไอ้นนท์ถอดเสื้อผ้าออกซิ "
น้ำนนท์จึงจัดการถอดเสื้อ กำลังจะถอดกางเกง ลุงอำนาจหันมาอีกที ถึงกับถอนหายใจ
" ไอ้นนท์ กูให้มึงถอดเสื้อผ้าพ่อหนุ่มคนนี้ ไม่ใช่ให้ถอดเสื้อผ้าตัวเอง ไอ้ลูกเวรมันใช่เวลาเล่นมั้ยเนี่ย "
" อ้าว แหะ แหะ " น้ำนนท์ยิ้มแหยๆ
ด้านแก้มนิ่มที่กำลังพิจารณารูปหน้าของชายหนุ่มคนนี้
" คนอะไร หล่อขนาดนี้เลย "
" นี่ก็อีกคน มัวแต่ชื่นชมความหล่อ รีบไปหาเสื้อผ้าพ่อเรามาให้เค้าใส่ไหม่เร็วๆเลย "
แก้มนิ่มยิ้มแห้งๆอีกคน
" แหะ แหะ "
พลางวิ่งเข้าห้องตัวเอง ไปหาเสื้อผ้าเก่าๆของพ่อมาให้เขาใส่
ลุงอำนาจมองหน้าชายหนุ่มอย่างพิจารณา รู้สึกคุ้นตา แต่นึกไม่ออก
ลุงอำนาจจึงตรวจเช็คร่างกายของชายหนุ่ม พบว่าคิ้วซ้ายมีบาดแผล แต่ไม่ถึงกับต้องเย็บ ตามร่างกายมีรอยฟกช้ำเล็กน้อย อุณภูมิร่างกายเริ่มสูง น่าจะเกิดจากการแช่น้ำนาน โดยรวมไม่มีอะไรน่าห่วง แค่คอยเช็ดตัวจนกว่าจะฟื้น
จนเที่ยง ได้เวลาที่ลุงอำนาจต้องออกไปเตรียมเปิดคลินิคที่ตลาด จึงฝากฝังกับลูกและหลานให้คอยดูแล
" แก้มคอยเช็ดตัวทุกชั่วโมงนะ ระวังไข้จะสูง ถ้าเค้าฟื้นก็หาข้าวหายาให้เค้ากิน "
" จ๊ะลุง "
" ลุงไปละ อยู่บ้านกันดีดีล่ะ ไอ้นนท์ก็ช่วยพี่เค้าด้วย อย่าเอาแต่เล่นเกมส์ " หันไปสั่งลูกชายที่ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์อยู่
" รู้แล้วน่าพ่อ " ปากพูด แต่ตาและมือยังอยู่ที่โทรศัพท์ ลุงอำนาจส่ายหน้า แล้วเดินลงบ้าน ขับรถออกไป