ห่างเหิน

1264 Words
น่านนทีมาถึงร้านอาหารที่กษิดิศบอกตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลานัดแต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมลงจากรถจนกระทั่งเวลาผ่านไปยี่สิบนาทีเพื่อนของเขาจึงโทรศัพท์มาตาม “มึงอยู่ไหนแล้วว่ะ” “กูเพิ่งมาถึง มึงนั่งอยู่ตรงไหนเดี๋ยวกูจะเดินเข้าไป” “มึงเดินเข้ามาโต๊ะริมสุดด้านขวามือเลยนะ” เมื่อกดวางสายจากเพื่อนแล้วน่านนทีก็สูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่เพื่อให้กำลังใจตนเองในการไปเจอกับอรณิชาอีกครั้ง เขาเดินเข้ามาในร้านและเดินไปยังโต๊ะด้านในสุดที่ตามเพื่อนบอก “มาสักทีนะ กูนึกว่ามึงจะไม่มาแล้ว” เสร็จแล้วกษิดิศทักทาย “ขอโทษที่มาช้านะครับ” เขาก้มหัวขอโทษสองสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกษิดิศ “เชิญนั่งก่อนค่ะ” “ฉันจะแนะนำให้รู้จักนะ สองคนนี้เป็นเพื่อนที่เรียนโรงเรียนเดียวกับเรานะ แต่อยู่คนละห้อง คนนี้ชื่อกิ่งส่วนอีกคนชื่ออีฟเป็นเจ้าของบ้าน” “สวัสดีครับคุณกิ่งคุณอีฟ ผมชื่อน่านนทีครับเรียกน่านเฉยๆ ก็ได้” “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณน่าน ตอนที่รับงานคุณก็น่าจะบอกว่าเคยเรียนที่เดียวกัน” “ผมคิดว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องบอกครับ เพราะเรารับงานในนามบริษัทไม่ได้รับงานในนามส่วนตัว อีกอย่างถ้าคุณรู้ว่าเป็นเพื่อนคุณก็อาจจะเกรงใจจนไม่กล้าใช้งานพวกเราอย่างเต็มที่” ชายหนุ่มอธิบายทั้งที่เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าบ้านหลังนี้เป็นของอรณิชาและเป็นคนอาสาจะทำงานนี้เอง “ขอบคุณมากนะคะ คุณน่านที่ทำบ้านออกมาได้สวยมากๆ” “ไม่เป็นไรครับผมทำทุกอย่างตามหน้าที่” น่านนทีตอบกลับแต่ไม่ยอมสบตากับอรณิชาเลย “ไหนๆ ก็มากันพร้อมหน้าแล้วผมว่าเราทานอาหารกันดีกว่านะ พอดีว่าผมต้องไปธุระไปต่อ” ทั้งสี่คนทานอาหารแต่ไม่ได้คุยอะไรกันมากนักน่านนทีแอบมองอรณิชาอยู่บ่อยๆ หญิงสาวเองก็แอบมองเขาอยู่เหมือนกันเธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนที่ออกแบบบ้านหลังนี้ให้เธอคืออดีตคนรักที่เคยคบหากันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เธอและน่านนทีไม่เคยเจอกันมาแปดปีแล้วนับตั้งแต่เรียนจบก็ย้ายไปอยู่กับบิดามารดาที่สหรัฐอเมริกา จากนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้ติดต่อเขากลับมาอีกเลย เธอไม่เคยไม่ทราบข่าวคราวของเขา ไม่เคยรู้ว่าเขาทำงานอะไรอยู่ที่ไหนในเมื่อได้มาเจออีกครั้งก็ดีใจมากแต่ก็พยายามเก็บอาการเพราะกลัวเขาจะจับความรู้สึกของเธอได้ แม้จะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วแต่อรณิชาก็ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าตนเองไม่เคยลืมรักแรกของตนเองเมื่อสมัยเรียนชั้นมัธยมได้เลย แต่ที่จากไปโดยไม่บอกและไม่อธิบายเหตุผลเพราะคิดว่าเวลาผ่านไปจะลืมได้ หญิงสาวไม่เคยคิดที่จะกลับมาใช้ชีวิตที่นี่อีกและไม่มีเหตุจำเป็นอะไรเลยที่จะต้องติดต่อเขากลับมา แต่เมื่อวันนี้ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งความรู้สึกเดิมๆ มันก็หวนคืนกลับมา อรณิชาค่อนข้างประหม่าและพูดน้อยกว่าเดิมมากๆ เธอรู้สึกอึดอัดและอยากให้มื้ออาหารนี้จบลงเร็วๆ “ทำไมกินน้อยจังละอีฟ อาหารไม่อร่อยเหรอ” กิ่งกาญจน์หันมาถามเพื่อนที่ทานข้าวไปเพียงนิดก็รวบช้อนกับส้อมเข้าที่ “อร่อยสิแต่เมื่อตอนกลางวันอีฟกินขนมไปเยอะน่ะก็เลยกินข้าวได้นิดเดียว” “อยากสั่งอะไรมาเพิ่มไหมไอศกรีมหรือของหวานล่ะร้านนี้เขาอร่อยทุกอย่างเลยนะ” กิ่งกาญจน์รีบเสนอเพื่อน “ไม่เป็นไรหรอกอีฟอิ่มแล้วจริงๆ” เมื่อทานอาหารเสร็จกษิดิศก็รีบแยกออกไปหาคนรักส่วนอรณิชาและกิ่งกาญจน์ก็เดินตามกันมาที่รถ “ขอบคุณอีกครั้งนะคะคุณน่านเรื่องบ้าน” “ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ต้องขอบคุณคุณด้วยที่มาจ้างบริษัทผมถ้ามีอะไรรับใช้ก็บอกนะครับ นี่นามบัตรของผม” น่านนทีส่งนามบัตรให้กับอรณิชาหนึ่งใบและกิ่งกาญจน์อีกหนึ่งใบ “คุณน่านคะกิ่งมีอะไรจะรบกวนนิดหนึ่งได้ไหมคะ” “ว่ามาเลยครับ” “พรุ่งนี้คุณน่านว่างหรือเปล่า” “พรุ่งนี้วันเสาร์ผมว่างทั้งวันมีอะไรหรือเปล่า” “กิ่งอยากรบกวนคุณช่วยพาอีฟไปซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านหน่อยได้ไหมคะ กิ่งไม่ว่างพาเพื่อนไปค่ะ” “เฟอร์นิเจอร์มีปัญหาเหรอ” เขาหันไปถามเจ้าของบ้าน “เปล่าหรอกค่ะ แต่อีฟอยากเปลี่ยนแต่ไม่รู้ว่าจะไปซื้อร้านไหน ดูในอินเตอร์เน็ตแล้วก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่และไม่รู้จะจัดการกับของเก่ายังไง” “ถ้าคิดว่าไม่ใช้งานจริงๆ แล้วจะขายทิ้งเป็นของเก่าก็ได้มีรถรับซื้อของเก่าอยู่หรือถ้าอยากให้มันได้ใช้ประโยชน์ ผมจะลองถามคนงานให้ว่ามีใครอยากได้ไหม” “อีฟคิดว่าอีฟไม่อยากขายค่ะ แต่อยากยกให้คนที่จะเอาไปใช้ประโยชน์มากกว่า แต่พวกเขาต้องมายกเองนะคะเพราะอีฟคงไม่มีปัญญายกออกจากห้อง” “ถ้ายังงั้นพรุ่งนี้คุณจัดการเก็บของใช้จำเป็นไว้ให้เรียบร้อยตอนสายผมจะให้คนงานมายกออก ส่วนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ก็ค่อยไปซื้อด้วยกันตกลงไหม” “ตกลงค่ะ” “พรุ่งนี้ผมจะไปหาที่บ้านสักเก้าโมงนะ” “ได้ค่ะ” “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เมื่อชายหนุ่มเดินกลับไปแล้วอรณิชาก็เดินตามกิ่งกาญจน์เข้ามานั่งในรถ “จริงๆ เราไม่เห็นจะต้องรบกวนเขาเลยนะกิ่ง” “แต่อีฟจะไปซื้อของพวกนั้นคนเดียวได้ยังไงล่ะ ให้คุณน่านเขาไปด้วยน่ะดีแล้วเกิดซื้อของไม่ได้มาตรฐานขึ้นมาจะมาเสียใจทีหลัง กิ่งคิดว่าคุณน่านเป็นคนรีโนเวทบ้านทั้งหลังให้กับอีฟ เขาก็น่าจะช่วยอีฟเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านได้ดีกว่าใคร” “แต่เราไม่รบกวนเขาเกินไปใช่ไหม” “ไม่หรอกเขาก็บอกแล้วนี่ว่าวันเสาร์เขาว่าง” “กิ่งคิดว่าอีฟต้องจ่ายค่าจ้างเขาเท่าไหร่” “เขาคงไม่หน้าเลือดถึงขั้นคิดเงินหรอกอย่างมากอีฟก็แค่เลี้ยงข้าวเขาสักมื้อแค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว” “จะไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหม” “ไม่หรอกที่นี่เมืองไทยนะ มีอะไรก็ช่วยเหลือกันได้ ไม่ใช่อเมริกาที่ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองไปหมด อีกอย่างเขาก็เป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกับเรา” “กิ่งจำเขาได้ไหม” “จำได้ว่าเคยเห็นหน้าแต่ไม่เคยคุยกันหรอก เขาน่าจะเป็นเด็กห้องเก่งแล้วอีฟล่ะเคยเจอเขาไหม” “เคยเห็นที่ห้องสมุดแต่ไม่เคยคุยเหมือนกัน” อรณิชาโกหกคำโตเพราะเรื่องที่เธอกับน่านนทีคบกันตอนเรียนไม่เคยมีใครรู้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD