“เออ เลิกแล้ว” รินลณีตอบพร้อมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“เฮ้ย!” เพื่อนทั้งสามคนร้องออกมา เพราะเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนมันยังเวิ่นเว้อว่าจะไปเที่ยวเสม็ดกับอดีตแฟนหนุ่มอยู่เลย ถึงขั้นเตรียมชุดว่ายน้ำไว้ตั้งหลายชุดเพื่อไปถ่ายที่ทะเลสวย ๆ ทำไมมาเลิกกันได้
“ถามได้ไหมทำไมถึงเลิกกัน” ใบบัวที่เกรงใจเพื่อน แต่ต่อมอยากรู้มีมากกว่าต่อมเกรงใจ
“พวกแกรู้แล้วอย่าไปพูดที่ไหนนะ ฉันอาย” รินลณีพูดขึ้น แล้วก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้เพื่อน ๆ เหมือนไม่อยากให้ใครคนอื่นได้ยินเรื่องที่เธอจะเล่า ทั้งที่มันไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่เธอกลับอายที่ดูคนไม่ออก อายที่เชื่อเขาหมดทุกการกระทำ พอเวลานี้มานึกย้อนกลับไปแล้ว ถึงได้รู้ว่าเธอโง่แค่ไหน
“รินณี ถ้าแกไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร” ใบเฟิร์นบีบมือเพื่อนรัก พวกเธอเข้าใจ ถ้าเพื่อนไม่อยากเล่าก็ไม่บังคับ...แต่ถามว่าอยากรู้ไหม บอกได้คำเดียวว่า...มากถึงมากที่สุด
รินลณีชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้น เพราะถ้าเก็บไว้คนเดียวคงอกแตกตาย การระบายให้เพื่อนฟังน่าจะดีกว่า
“นาวินเป็นเกย์” รินลณีกระซิบให้พอได้ยินกันในโต๊ะเท่านั้น
“ฉันบอกแล้ว เห็นมะ! บอกแกไม่รู้กี่ครั้ง แกก็ไม่ยอมเชื่อ” พอลลี่ตบเข่าฉาด เอ่ยย้ำในตอนที่เตือนเพื่อน
ด้วยนาวินนั้นไม่ได้มีสายตาของความรักแบบชายหญิงไว้มองรินลณีเลย เธอบอกรินลณีตั้งแต่ครั้งแรกที่นาวินมาจีบจนถึงปัจจุบัน เธอก็บอกตลอด แต่ยัยเพื่อนตัวดีก็หาว่าเธอคิดมาก แล้วเป็นไงล่ะ ต้องมาเสียใจเพราะไอ้คนเฮงซวยนั่น
“พอลลี่ แกอย่าซ้ำเติมเพื่อนได้ไหม แค่นี้มันก็เสียใจมากอยู่แล้ว” ใบเฟิร์นหันไปดุพอลลี่ที่ตอนนี้ทำหน้าเบ้ใส่เพื่อน ส่วนรินลณีก็ก้มหน้าเสียใจที่ไม่ยอมเชื่อเพื่อนตั้งแต่แรก
“พอลลี่อย่าว่าเพื่อนเลย แค่นี้รินณีก็รู้สึกว่าตัวเองโง่มากแล้ว” ใบบัวพูดขึ้นหน้าตาใสซื่อ
“ใบบัว นี่ฉันเอง รินณีเพื่อนบัวไง” รินลณีหันไปมองหน้าเพื่อน ถ้าพูดกันขนาดนี้อย่าเรียกว่าปลอบเลย เรียกว่าซ้ำเติมกันซึ่ง ๆ หน้าดีกว่า
ก็อย่างว่าแหละ ไอ้นาวินมันก็เนียนเกิน เอาใจเธอทุกอย่าง ทั้งขนมนมเนยส่งส่วยไม่เคยขาด คนของเราไม่เคยมีแฟน ไม่รู้หรอกว่านั่นเป็นเพียงการคบเธอไว้บังหน้าไม่ให้ใคร ๆ รู้ว่าเขาเป็นเกย์...พอลลี่ได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง
“แกอย่าเสียใจไปเลย วันนี้มาดื่มกันให้เมา ผู้ชายมีมากกว่าฝูงลิง เดี๋ยวฉันหาผู้หล่อ ๆ ให้แกเอง” พอลลี่บอกเพื่อนรัก ระหว่างนั้นก็ชายตามองหาหนุ่มหล่อในร้านเหล้าไปด้วย แต่ไม่มีที่น่าสนใจสักราย
“แล้วแกรู้ได้ยังไงว่าอีนาวินมันเป็นเกย์” ใบเฟิร์นถามเพื่อนขึ้นมา อดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะอะไรถึงรู้ เธอจะได้เอาไว้ดูเวลามีคนมาจีบน้องสาวตัวเอง รินลณีถอนหายใจก่อนจะเอ่ย
“อย่างแรกเลย...มันไม่เคยนอนกับฉัน” พวกเธออายุยี่สิบแล้ว เรื่องเซ็กซ์มันเป็นเรื่องปกติ แต่กับอดีตแฟนหนุ่มเธอไม่เคยเข้าใกล้คำว่าเสียตัวเลยสักครั้ง มากสุดคือโอบไหล่ จูบก็แค่เอาปากแตะ ๆ กัน
จูบแบบเฟรนช์คิสเร่าร้อนฝันไปเถอะว่าจะมี
“สอง ฉันเจอมันจูบกับผู้ชาย” รินลณีพูดเสียงเบา รู้สึกอายและเสียใจด้วย
“ไอ้เลว” ใบเฟิร์นด่าออกมาอย่างเหลืออด ต้องใจร้ายถึงขั้นไหนถึงมาหลอกผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อเอาไว้ปิดบังตัวตน
“แล้วคู่ขามันเป็นใครวะ” พอลลี่เอ่ยถามบ้าง
รินลณีชะงักไปนิดหนึ่ง เธอควรจะเล่าหรือไม่เล่าดี ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากบันไดที่เชื่อมระหว่างชั้นหนึ่งกับชั้นสอง
“รินณี เมียจ๋า”
“หา!...พี่หมอพัฒน์ แก๊งพี่หมอหล่อ” สามสาวพูดขึ้นพร้อมกันเพราะไม่ค่อยได้เจอพี่หมอ โดยเฉพาะแก๊งหมอหล่อสุดฮอตทั้งสี่คนมานานแล้ว เพราะพวกเขาต้องทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วพวกเธอก็ไม่มีธุระอะไรที่จะต้องไปโรงพยาบาล
แต่เดี๋ยวก่อนนะ ระหว่างที่ทั้งสามกำลังชื่นชมความหล่อของเหล่าพี่หมอ เมื่อตะกี้พี่หมอพัฒน์เดือนมหาวิทยาลัยเรียกเพื่อนของเธอว่ายังไงนะ...
“พี่หมอพัฒน์ เรียกรินณีว่าไงนะคะ” ใบบัวถามขึ้น แต่เธอไม่ได้คำตอบจากคุณหมอหนุ่มหรอก เพราะสิ่งที่ทำให้เธอและเพื่อนช็อกกันทั้งโต๊ะ ไม่เว้นแม้แต่หมอหนุ่มทั้งสาม คือพี่หมอพัฒน์เดินเข้าไปเบียดรินลณีไม่พอ เขายังอุ้มเธอนั่งบนตัก พลางซุกใบหน้าตรงซอกคอหญิงสาวที่ตัวเองเรียกว่าเมีย ส่วนคนที่โดนเรียกว่าเมียแม้ตกใจไม่ต่างกัน แต่ก็ไม่ได้ผลักไสเขาออก
“เฮีย น้องว่าเฮียเมาแล้วนะคะ กลับกันเถอะค่ะ” คนที่เพิ่งเรียกสติตัวเองได้รีบพูดขึ้น เพราะถ้าอยู่นานกว่านี้ ไม่รู้ว่าคนตัวโตที่เธอนั่งตักจะเอาหน้าซุกกับคออย่างเดียวไหม กลัวว่าจะซุกต่ำลงไปมากกว่านี้น่ะสิ
“เดี๋ยวพี่เรียกแท็กซี่ให้ครับ” คุณหมอภีมอาสาเรียกแท็กซี่ให้ รู้กันว่าทั้งเพื่อนเขาและภรรยาสาวคงไม่ได้เอารถมา เพราะทั้งสองตั้งใจมาดื่มอยู่แล้ว ถึงพวกเขาจะชอบดื่ม แต่ถ้าดื่มแล้วทุกคนก็ตั้งใจว่าจะไม่ขับ
“ขอบคุณค่ะ” รินลณีหันไปไหว้ภีม ซึ่งถือว่าเป็นเพื่อนของสามี
“เฮียกลับบ้านเถอะค่ะ เอ่อ พวกแก เรากลับก่อนนะ เฮียเมาแล้ว”
รินลณีหันไปบอกเพื่อนที่ตอนนี้นั่งอึ้งงันตาโตเท่าไข่ห่านเพราะตกใจกับภาพตรงหน้า