ภายในห้องพักระดับ VIP ที่จัดงานหมั้นของสองตระกูลใหญ่ ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกอดจูบลูบคลำกันอย่างร่านร้อน เรือนร่างอวบอัดในชุดราตรีเซ็กซี่หลุดลุ่ยกองอยู่ที่บั้นเอว เพราะฝ่ามือหนาที่ตะโบมบีบฟอนเฟ้นสองเต้าอย่างเมามัน ริมฝีปากรวบดูดตวัดเลียยอดอกอย่างหื่นกระหาย โดยมีฝ่ายหญิงช่วยประคองศีรษะแอ่นอกปรนเปรอให้เขาดูดอย่างถนัดถนี่
กระโปรงรัดรูปถูกถลกขึ้นเหนือเนินนาง ก่อนที่ฝ่ายชายจะปลดผนึกให้แก่นกายเหยียดขึงดีดเด้งออกมา แล้วฝ่ายหญิงก็จับมันจดจ่อตรงกับร่องรักของหล่อน มองเขาตาหวานเยิ้มแกมเชิญชวน เพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็อัดสะโพกกระแทกแก่นกายเข้าใส่อย่างรุนแรงถึงใจ
“อ๊าส์... ทำไมวันนี้รุนแรงจังเลยล่ะคะ” ปากหล่อนแสร้งว่า แต่ดวงตาฟ้องชัดว่าถูกอกถูกใจ
“คุณไม่ชอบเหรอ”
หญิงสาวเอียงอายอย่างมีจริต มือทุบอกเขาเบาๆ แต่กลับเด้งสะโพกรับอย่างร้อนแรง
“ช่วงนี้คุณใช้งานสินีหนักไปแล้วนะคะ ยัยตาลทำให้คุณไม่มีความสุขเหรอคะ”
“น้องสาวคุณน่าเบื่อจะตาย แข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ ไม่รู้จะหวงตัวทำไมนักหนา แค่แตะนิดแตะหน่อย ทำเหมือนจะเป็นจะตาย น่ารำคาญ”
“คุณพูดแบบนี้ เกิดยัยตาลมาได้ยินเข้าละก็คงเสียใจแย่” ปากพูดเหมือนห่วง แต่ในใจยินดีปรีดา
“จะสนใจทำไม คุณก็รู้ว่าผมหมั้นกับน้องสาวคุณเพราะผลประโยชน์เท่านั้น ไม่ยังงั้นคุณจะเข้าหาผมหวังให้ช่วยพ่อคุณทวงสมบัติคืนมาจากไอ้กนธีเหรอ เอาละ...อย่าพูดถึงคนอื่นให้เสียอารมณ์เลย มาพูดเรื่องของเราดีกว่า”
คนฟังหาได้ใส่ใจ ยังคงเร่งสาวสะโพกกระแทกกระทั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ยิ่งร่องรักของคู่เสพสมหนีบรัดท่อนลำของเขาแน่น หมุนสะโพกคว้านโพรงผนังเสียดสีทำให้ยิ่งเสียวซ่าน ชายหนุ่มก็สูดปากครางซี้ดเสียงกระเส่าอย่างเร้าใจ
“ซี้ดดดส์ ร่องคุณนี่เอาโคตรมัน ขมิบแรงๆ อีกสิผมชอบ” พีรวิชญ์เอ่ยคล้ายสั่ง มือตะปบบีบสะโพกให้หล่อนเด้งสวนรับการสอดเสยของเขา
แน่ละว่าสุธาสินีย่อมตามใจเขาเอาอกเอาใจอย่างเต็มที่ ในเมื่อหล่อนอยากได้เขาจนตัวสั่นถึงขนาดกล้าแย่งว่าที่คู่หมั้นของลูกพี่ลูกน้องสาวได้ลงคอ แถมยังจูงมือเขาเข้าห้องมาควบขี่ขย่มใส่กันอย่างดุเด็ดเผ็ดมันกลางงานหมั้นของดุจมาตาอีกด้วย
เขาเองใช่พระอิฐพระปูนเสียที่ไหน มีเลือดเนื้อเต็มเปี่ยม มีสาวมาเสนอให้ถึงที่ จะไม่ตอบสนองหล่อนได้อย่างไรล่ะ?
หากจะโทษว่าใครผิด... ก็เป็นสุธาสินีนั่นแหละที่อ่อยเขาเอง
สองคนระเริงกามกันอย่างถึงพริกถึงขิง ส่งเสียงครวญครางดังระงมบนเตียงที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นสังเวียนสวาท โดยไม่มีทางรับรู้เลยว่ายังมีบุคคลที่สามและสี่ร่วมเป็นพยานในความโสมมครั้งนี้ด้วย
ดุจมาตาต้องมองภาพว่าที่คู่หมั้นหนุ่มสมสู่กับญาติผู้พี่ด้วยหัวใจที่ถูกแผดเผาจมดิ่งสู่ห้วงอเวจี ผิดกับแววตาที่เย็นชาติดลบ สายตาของเธอถูกถมให้เป็นสีดำสนิท ความรู้สึกตอนนี้มันทั้งช็อกและชาดิกจนกลายเป็นความว่างเปล่า เครื่องดักฟังที่ยัดอยู่ในหูส่งเสียงความอัปปรีย์ของพวกมันไม่หยุดหย่อน ดังชัดก้องไปทั้งโสตประสาทหู สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวราวกับถูกสว่านเจาะลึกลงไปถึงหัวใจรูแล้วรูเล่า
ใจดวงนี้มีเลือดไหลเจิ่งนอง พรุนไปทั้งดวง!
อย่าถามว่าเจ็บแค่ไหน?
เธอเจ็บจนหายใจไม่ออก ความเจ็บปวดนั้นคล้ายถูกสาดด้วยน้ำกรด พิษร้ายกัดกร่อนหัวใจเหวอะหวะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกคนรักนอกใจว่าร้ายแล้ว แต่ยังไม่ร้ายกาจเท่ากับถูกญาติสนิทร่วมสายเลือดทรยศหักหลังกันอย่างเลือดเย็น มันรุนแรงเกินกว่าจะยอมรับได้ เป็นความอัปยศอย่างที่สุดที่เธอไม่เคยเจอะเจอมาก่อนในชีวิต และไม่คิดว่าจะได้รับจากน้ำมือจากคนที่พร่ำบอกว่ารักกัน
จู่ๆ ก็รู้สึกเกลียดตัวเองที่รักคนกลิ้งกลอกดูดีแค่ภายนอก แต่จิตใจเน่าเฟะ มีแต่ความชั่วช้าต่ำตม!
ความหวานซึ้งที่เคยโอบล้อมหัวใจแปรผันเป็นความเกลียดชังอย่างท่วมท้น เกลียดอย่างลึกซึ้งรุนแรงชนิดที่เข้ากระดูกดำ เจ็บแค้นจนกระบอกตาร้อนผ่าวปวดหนึบร้าวลึก แต่ถึงกระนั้นดุจมาตากลับไม่มีน้ำตาแม้สักหยด
หัวใจเธอคงเจ็บจนด้านชาไปหมดแล้วละมั้ง...
ดุจมาตามองภาพไอ้อีที่ลอบสมสู่กันเยี่ยงสัตว์ตาไม่กะพริบ มองอย่างตั้งใจ ต้องการให้ความขยะแขยง ชิงชังและความอัปยศอดสูในครั้งนี้ซึมลึกไปถึงจิตวิญาณ ต้องการให้หัวใจของเธอสิ้นหวังตายด้าน หมดสิ้นซึ่งเยื่อใยและความรัก
จะเหลือก็เพียง ‘ไฟแค้น’ ที่สุมทรวง
ซึ่งรอวัน...ที่จะได้ชำระแค้นอย่างสาสม!