หลังรู้ซึ้งถึงธาตุแท้ของพีรวิชญ์ สิ่งแรกที่ดุจมาตาทำก็คือสั่งให้เลขาคนสนิทของบิดาตรวจสอบและคัดกรองแยกมิตรแยกศัตรู ต้องรู้ก่อนว่าในบริษัทมีใครบ้างที่อยู่ฝ่ายเธอ และใครบ้างที่แปรพักตร์ไปเข้าพวกกับพีรวิชญ์ จะได้เดินเกมถูก หาทางกวาดล้างคนทรยศให้หมดไปจากบริษัทในคราเดียว
แน่นอนว่ารายชื่อแรกที่เธอได้รับรายงานก็คือคุณลุงโอภาสและสุธาสินี ไม่เพียงแต่ส่งลูกสาวไปยั่วยวนขึ้นเตียงกับพีรวิชญ์ได้สำเร็จ โอภาสยังเห็นดีเห็นงามให้พีรวิชญ์เข้ามาศึกษาช่วยงานในบริษัทเอกอนันต์กรุ๊ปอีกด้วย ทีแรกเธอและบิดาเห็นด้วย เพราะคิดว่าถึงอย่างไรอีกหน่อยเขาก็จะดองเป็นเขย เข้ามาเรียนรู้งานไว้บ้างก็ดี ก่อนที่จะเข้ามารับช่วงดูแลอย่างเต็มตัว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้คนชั่วเข้ามาเอารัดเอาเปรียบครอบครัวเธอแทนเสียนี่
ที่ร้ายจนเธอแทบไม่อยากจะเชื่อก็คือ โอภาสยังช่วยเหลือให้พีรวิชญ์ลอบซื้อหุ้นของบริษัทเธออย่างลับๆ ทั้งโอภาสและสุธาสินีคงหวังเต็มที่ว่าเสน่ห์ของหล่อนจะมัดใจพีรวิชญ์ได้ เขาจะช่วยรวบรวมหุ้นและอำนาจมาไว้ในกำมือ รวมถึงส่งเสริมให้โอภาสได้นั่งตำแหน่งประธานบริหารคนต่อไป
เฮอะ...เธออยากจะหัวเราะให้กับความสมองกลวงของพ่อลูกคู่นั้นชะมัด!
ลุงเธอคิดได้อย่างไร ใช้สมองส่วนไหนคิด ถึงได้ริจะชักศึกเข้าบ้าน คิดหรือว่าต่อให้พีรวิชญ์กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทได้จริงๆ เขาจะยอมยกเงินทองและผลประโยชน์มหาศาลมาให้ครอบครอบโอภาสง่ายๆ มีแต่จะเตะโด่งคนที่หมดประโยชน์ทิ้งเสียมากกว่า
วันนี้เมื่อเลขาของกนธีโทร. แจ้งว่าพีรวิชญ์เข้ามาที่บริษัทพร้อมกับสุธาสินี ดุจมาตาจึงรีบบึ่งรถตามมาทันที เธอไม่ยอมให้เกิดเรื่องร้ายกับบริษัทที่ต้นตระกูลของเธอฟันฝ่าก่อร่างสร้างมากับมือ ต้องพังพินาศเพราะความโง่เขลาคิดอะไรตื้นๆ ของโอภาสเป็นอันขาด
เปิดประตูห้องทำงานของพีรวิชญ์ในตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ปุ๊บ เธอก็กระตุกยิ้มเหยียดๆ สุธาสินียกสองมือวางแนบบนหน้าอกพีรวิชญ์ ขยับจัดสูทพลางมองเขาตาหวานเยิ้มเชิญชวน เขาเองก็ยิ้มกริ่มกุมมือหล่อนไว้ ใบหน้าสวยหล่อห่างกันไม่ถึงคืบแทบจะจูบกันอยู่รอมร่อ สองคนทำราวกับคู่สามีภรรยาเพิ่งแต่งงาน รักใคร่กันอย่างดูดดื่ม ถ้าไม่มีใครรู้คงคิดว่าสุธาสินีเป็นว่าที่เจ้าสาวตัวจริงไม่ใช่เธอแล้วละมั้ง
“พีทคะ”
ดุจมาตาส่งเสียงกระแอมจงใจขัดความสุขพวกมัน พีรวิชญ์หันมาแล้วตกใจเล็กน้อย แววตาวูบไหวที่เห็นเธอโดยไม่คาดคิด ผิดกับญาติสาวที่นอกจากจะไม่สะทกสะท้านแล้ว ยังถือวิสาสะควงแขนคู่หมั้นเธอต่อหน้าต่อตา ทำราวกับจงใจท้าทายกัน
เธอรู้ในใจญาติผู้พี่คนนี้มีแต่ความริษยาดูถูกเธอ พอเห็นว่าเธอใจดี มักประนีประนอมด้วยเห็นแก่ความเป็นครอบครัวเดียวกัน หล่อนก็ชักจะเอาใหญ่ วันนี้เธองต้องให้สธาสินีได้รู้ถึงฤทธิ์เดชกันบ้างเสียแล้ว เผื่อหล่อนจะเข้าใจอะไรๆ ได้ดีและชัดเจนยิ่งขึ้น
“พี่สินีเข้ามาทำอะไรในห้องคู่หมั้นของตาลเหรอคะ” ถามทั้งๆ ที่พอจะรู้ว่าพวกมันคงกำลังจะชวนกันไปดินเนอร์และจบลงที่โรงแรมไหนสักแห่ง
คำถามแรกที่โยนใส่ไม่ใช่แค่สุธาสินีที่หน้าเปลี่ยน แต่พีรวิชญ์ก็ออกอาการร้อนรนเหมือนวัวสันหลังหวะ
“เป็นเลขาก็ไม่ใช่ ตำแหน่งคู่หมั้นก็ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ แล้วการที่พี่มายืนจับมือถือแขนแฟนน้องสาวแบบนี้ มันเหมาะสมเหรอคะ”
สีหน้ายิ้มๆ แต่แววตาเย็นชาที่มาพร้อมกับคำพูดเชือดเฉือน ทำให้พีรวิชญ์มีปฏิกิริยาตอบสนองดึงมือสุธาสินีออกทันควัน สุธาสินีที่ยืนชูคอท่าทางผยองยิ่งหน้าเสีย ทั้งโกรธทั้งอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดตรงรูไหน
“ตาลครับ คุณมาถึงนานรึยัง”
พีรวิชญ์เดินเข้ามาโอบเอวเธออย่างเอาใจ ปิดปากเงียบทำเนียนๆ ไม่พูดแก้ตัวแทนชู้รักที่โดนเธอแขวะเลยสักนิด และไม่อธิบายเรื่องที่เขาปล่อยให้หล่อนทำตัวสนิทสนมจนเกินหน้าที่ด้วย ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นจงใจเอาตัวรอดเพียงคนเดียว
แต่คิดหรือว่าเธอจะยอม... มีโอกาสทั้งทีก็ขอฉีกหน้าคนชั่วช้าสารเลวสักหน่อยเถอะ
“ก็นานพอที่จะเห็นพี่สินีทำหน้าที่คู่หมั้นแทนฉันนั่นแหละค่ะ นี่ถ้าไม่รู้คงคิดว่าคุณเปลี่ยนใจจะแต่งกับพี่สาวฉันแทนแล้วซะอีก”