ฉัตรญาดาคุยกับภคชนท์แล้วทำให้คิดไปถึงผู้ชายอีกคนที่เธอไม่รู้ข่าวของเขาเลยนับตั้งแต่คุณยายของเขาเสียชีวิตและตัวเขาถูกย้ายเข้าไปอยู่ในเรือนจำ
หญิงสาวอยากคุยกับใครสักคนเกี่ยวกับเองในอดีตเพราะถ้าไม่ได้ระบายหรือคุยกับใครเธอคงต้องอึดอัดและนอนไม่หลับอย่างแน่นอนและคนเดียวที่เธอคุยได้ก็คือสาริณีเพื่อนวัยมัธยมของเธอ
เมื่อมองนาฬิกาแล้วเห็นว่าเพิ่งจะสี่ทุ่มซึ่งเวลานี้ฉัตรญาดารู้ว่าเพื่อนของตนคงยังไม่เข้านอน เธอกดโทรออกและรอสายไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับสาย
“ว่าไงญาดา ปุ้ยกำลังจะโทรหาพอดีเลย จะถามว่างานใหม่เป็นไงบ้างหนักหรือเปล่า”
“เพิ่งไปทำได้แค่สองวันเองก็ยังไม่มีอะไรหนักนะ แล้วปุ้ยล่ะลูกค้าเยอะไหม”
“ก็เรื่อยๆ วันก่อนพ่อของญาดาก็มาซื้อพัดลมที่ร้านปุ้ยด้วยนะ”
“พ่อจะซื้อไปทำไมที่บ้านก็มีเยอะแยะแล้ว”
“ท่านบอกว่าจะเอาไปถวายที่วัดน่ะ ปุ้ยเลยลดราคาให้แล้วก็ฝากพ่อไปถวายอีกตัวหนึ่ง”
“ขอบใจจะ”
“ปกติไม่ค่อยได้ทำบุญพอมีโอกาสก็เลยฝากพ่อไปทำน่ะ ญาดาโทรมาหาปุ้ยดึกแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องสำคัญใช่ไหม” สาริณีถามอย่างรู้ทันเพราะปกติแล้วฉัตรญาดาเป็นคนขี้เกรงใจไม่มีทางที่เธอจะโทรมาคุยเรื่องทั่วไปในเวลาดึกแบบนี้
“อือ มีเรื่องจะคุยนิดหน่อย ง่วงหรือยังล่ะ”
“ไม่เลย”
“ปุ้ยจำพี่วัชร์ได้ไหม” ฉัตรญาดาเริ่มเกริ่นแต่เธอก็รู้อยู่แล้วว่าเพื่อนจำได้
“ใครจะลืมล่ะ เรื่องของพี่วัชร์ไม่มีใครลืมหรอก ญาดาถามทำไมหรือเจอพี่วัชร์”
“ไม่หรอก แต่ญาดาเจอผู้ชายคนหนึ่งเขาคล้ายพี่วัชร์มากเลยนะ ทั้งหน้าตาท่าทาง”
“ได้คุยกับเขาไหมล่ะ”
“ได้คุยนะ แต่เขาไม่ได้ชื่อวัชร์แล้วเขาก็เรียนจบมาจากต่างประเทศ ปุ้ยว่าจะเป็นไปได้ไหมที่เขาคือคนเดียวกัน”
“มันก็มีทางเป็นไปได้นะ เพราะปุ้ยรู้มาว่าแม่ของพี่วัชร์เขาอยู่ต่างประเทศเขาอาจจะพาพี่วัชร์ไปอยู่ด้วยก็ได้นะ”
“ถ้าเขาคือพี่วัชร์จริงเขาก็น่าจะจำญาดาได้สิ”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะญาดาโตขึ้นสวยขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แล้วญาดาเจอพี่วัขร์ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ล่ะ”
“ก็ตั้งแต่พี่เขาอยู่สถานพินิจน่ะ สิบกว่าปีแล้ว”
“ลองถามเขาสิว่าใช่พี่วัชร์ไหม บางทีเขาอาจจำไม่ได้”
“แต่เขาก็น่าจะจำชื่อได้บ้างนะไม่ใช่เฉยชาเหมือนคนไม่รู้จักกันมาก่อนแบบนี้”
“หรือเขาไม่ใช่คนเดียวกันล่ะ”
“ก็คงงั้น”
“ญาดาอยากจะเจอเขาอีกใช่ไหม” สาริณีไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกไหมแต่เท่าที่ได้ฟังเสียงของเพื่อนก็พอจะเดาออกว่าฉัตรญาดาอยากจะเจอกับรุ่นพี่คนนี้เอามากๆ
“อือ”
“ถ้างั้นก็ถามเขาไปเลยว่าใช่ไหม”
“ก็อยากจะถามนะแต่กลัวว่าถ้าไม่ใช่จะหน้าแตกล่ะสิ อีกอย่างนะเขาเป็นเจ้านายของญาดาด้วย”
“เป็นเจ้านายเหรอ”
“อือ เขาเป็นถึงซีอีโอเลยนะ ญาดาก็เลยคิดว่าไม่มีทางที่จะเป็นพี่วัชร์ได้”
“ถ้าอยากรู้แต่ไม่กล้าถามก็ต้องสังเกตและพูดถึงเรื่องในอดีตบ่อยๆ เผื่อเขาจะเปิดเผยตัวตนออกมาบ้าง”
“ก็คงต้องอย่างนั้น ถ้าปุ้ยเจอเพื่อนเก่าๆ ของพี่วัชร์ก็ลองถามให้หน่อยนะว่ามีใครติดต่อเขาได้บ้าง”
“จะลองถามดูนะ ญาดาถามเรื่องนี้กับพี่สาวของญาดาหรือยัง” สาริณีรู้ว่าพี่สาวของเพื่อนกับวีรวัชร์เคยคบกันอยู่พักหนึ่งและที่ชายหนุ่มต้องเข้าไปอยู่ที่สถานพินิจก็เพราะเขาช่วยพี่สาวของฉัตรญาดาจากพ่อเลี้ยง
“ปุ้ยก็รู้ว่าญาดากับพี่สาวไม่คุยกันนานแล้วตั้งแต่ญาดาย้ายไปอยู่กับพ่อพี่รวีก็เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลไปแล้วเขาคงไม่อยากพูดถึงเรื่องในอดีตหรอก”
“มันก็จริงนะ แต่ญาดาลองคิดดูสิ พี่สาวของญาดายังเปลี่ยนชื่อได้เลยแล้วพี่วัชร์เขาจะไม่เปลี่ยนชื่อบ้างเหรอ”
“มันก็น่าคิดนะ แต่พี่วัชร์จะรวยขนาดเป็นเจ้าของบริษัทเหรอ ญาดาเคยคุยกับแม่พี่วัชร์ตอนที่ท่านมางานศพของคุณยายแม่พี่วัชร์ทำงานที่ร้านอาหารไทยนะแล้วพี่วัชร์จะไปเอาเงินจากไหนมาเปิดบริษัทล่ะ”
“น่าปวดหัวจัง”
“ก็เพราะปวดหัวนี่แหละถึงได้โทรมาหาปุ้ยไงล่ะ ปุ้ยเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดและรับฟังญาดาได้ทุกเรื่อง”
“ปุ้ยว่าเราต้องตามหาพี่วัชร์ให้เจอดีไหม” หญิงสาวอยากให้เพื่อนได้เจอกับรุ่นพี่เพราะถ้ายังไม่เจอเพื่อนของเธอก็คงจะออกจากเรื่องในอดีตไม่ได้
“ก็ไม่รู้จะหาจากตรงไหน ญาดาว่าบางทีเขาอาจไม่กลับมาเมืองไทยอีกแล้วก็ได้นะ ที่นี่มีความทรงไม่ดีถ้าญาดาเป็นเขาก็คงไม่อยากกลับมาหรอก แต่ก็แอบหวังว่าจะเจอเขาอีกสักครั้งญาดาอยากขอโทษเขา”
“จะขอโทษเรื่องอะไร”
“ไม่รู้สิ แค่อยากขอโทษ” ฉัตรญาดาไม่สามารถบอกใครได้ว่าเธอจะขอโทษเขาทำไมเพราะเรื่องที่เธอรับรู้มันไม่ดีต่อคนในครอบครัวของเธอ
แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยเธอก็รู้สึกผิดกับชายหนุ่มมาก
“ปุ้ยก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเขาเป็นว่าจะพยายามถามคนที่รู้จักพี่วัชร์ก็แล้วกันนะ ถ้าได้เรื่องจะรีบโทรบอกทันทีเลย”
“ขอบใจจะปุ้ย ญาดารบกวนแค่นี้แหละ”
“เมื่อไหร่จะกลับบ้านล่ะ เราไม่ได้เจอกันนานเกือบสองเดือนแล้วนะ”
“น่าจะหยุดติดกันครั้งหน้า ญาดาว่าจะกลับไปถามหาครูที่โรงเรียนด้วย พ่อบอกว่าครูวิทยาจะเกษียณก็เลยอยากแวะไปหาหน่อยก่อนที่ครูจะย้ายไปอยู่เชียงใหม่กับลูกสาว”
“ปุ้ยก็ได้ยินเรื่องนั้นมาเหมือนกันเอาไว้เราไปหาครูพร้อมกันนะ”
“อือ แล้วเจอกันนะ”
ฉัตรญาดาวางสายจากเพื่อนแล้วก็เตรียมชุดสำหรับไปทำงานในวันพรุ่งนี้ การเข้าทำงานและเลิกงานเป็นเวลาทำให้หญิงสาวมีเวลามากขึ้นกว่าตอนที่ทำงานเป็นพยาบาลแต่มันก็มาพร้อมกับเวลาว่างที่กลับไปคิดถึงเรื่องในอดีตตั้งแต่เจอกับภคชนท์
มีทางเดียวที่เธอจะรู้ประวัติของเขานอกจากที่ได้ยินมาจากบริษัทก็คือการถามจากเพื่อนสนิทของเขาที่ชื่อภูวริษแต่หญิงสาวก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะยอมบอกความจริงหรือเปล่าแต่ก็ต้องลองดูก่อน
ฉัตรญาดารู้ว่าเขาทำงานที่ไหนการจะหาตารางออกตรวจก็คงไม่ยาก เขาเป็นหมอกระดูกถ้าเธอจะไปหาเขาด้วยอาการปวดต้นคอก็คงไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เมื่อคิดออกถึงการเข้าหาเพื่อนของเจ้านายหญิงสาวก็ยิ้ม