“คุณธามกลับไปเถอะ ไหมจะทำงาน” ยิ่งได้ยินหล่อนไล่ ธามก็ยิ่งรู้สึกเหมือนมีอากาศหายใจน้อยลง ก่อนจำใจขยับเท้าเพื่อถอยห่างเนื่องจากรู้ดีว่าเวลานี้ยื้อที่จะอธิบายอะไรต่อไปก็เปล่าประโยชน์ แถมคำพูดของเขาอาจจะทำให้หญิงสาวยิ่งเจ็บ แม้จะยอมเดินจากมาแต่ร่างสูงก็หันไปมองหน้านวลอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกผิด
เมื่อชายหนุ่มไปแล้วพู่ไหมก็หย่อนก้นนั่งคล้ายคนหมดแรง เหตุผลหลักที่หญิงสาวกลับมาทำงานเพราะไม่ต้องการรับเงินจากเขาอีก ต่อไปนี้หล่อนจะหามันจากน้ำพักน้ำแรงของหล่อนเองเพื่อเลี้ยงลูกในท้อง
พอได้เวลาพักเที่ยง พู่ไหมก็ลงมาทานข้าวพร้อมกับเพื่อนร่วมงาน ใบหน้าที่หม่นอยู่แล้วต้องอมทุกข์มากไปกว่าเก่าหลายเท่าตัวเมื่อพบว่าในลิฟต์ที่เรียกมีใครอยู่ด้วย หญิงสาวไม่อยากจะเข้าไปสักนิด แต่ก็ไม่อาจจะเลี่ยงได้เพราะไม่อยากให้ใครสงสัย
ชายหนุ่มในลิฟต์ฉีกยิ้มกว้างแถมยังขยับตัวให้พู่ไหมเข้ามา ทำให้ผู้หญิงข้างกายของศศินไม่พอใจอย่างมาก
“ไปกินข้าวด้วยกันนะไหม ศินไม่ได้กินข้าวกับไหมตั้งนานแล้ว” ศศินเอ่ยชวนโดยที่ไม่ได้ถามความเห็นชอบจากว่าที่ภรรยาสักนิด ดวงตาก็เอาแต่มองพู่ไหมอย่างเดียวพร้อมกับรอฟังคำตอบอย่างลุ้นๆ
“ศินไปชวนคนอื่นทำไม รวงไม่อยากไปกับคนอื่น” รสาพูดด้วยน้ำเสียงกรุ่นได้อารมณ์ สายตาคู่เล็กก็จ้องมองไปยังศัตรูอย่างไม่พอใจ
“แต่ไหมเป็นเพื่อนผม” ศศินหันบอกด้วยน้ำเสียงห้วน ใบหน้าบึ้งตึงปนรำคาญยิ่งนัก เขาไม่ชอบผู้หญิงเอาแต่ใจแบบหล่อนเลยสักนิด พลางนึกโทษตัวเองที่เมาจนได้เรื่อง หากวันนั้นเขามีสติก็คงไม่ต้องมารับผิดชอบรสาแบบนี้
“ศินไปเถอะ ไหมไปทานข้าวเองได้” หญิงสาวร้องปฏิเสธเพราะไม่อยากจะอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัด
“เราไปทานกันสองคนนะศิน แม่นั่นก็ปฏิเสธแล้ว”
แม้ว่าน้ำเสียงจะอ้อนแต่แววตากลับมุ่งร้ายไปหาพู่ไหม ก่อนอยากจะกรีดร้องโวยวายเมื่อได้ยินประโยคที่หลุดออกมาจากว่าที่สามี แต่ก็ไม่อาจจะทำแบบนั้นได้เพราะกลัวจะเสียภาพลักษณ์คุณหนูแสนดี
“แต่ผมจะพาไหมไปด้วย ไม่งั้นคุณก็ไปทานคนเดียว” ชายหนุ่มยื่นคำขาด พู่ไหมทำสีหน้าไม่สู้ดีเพราะไม่อยากจะเป็นต้นเหตุให้คนทั้งสองทะเลาะกัน และเพียงดูก็รู้ว่าคนทั้งคู่ยังมีปัญหากันอยู่ทั้งที่อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะแต่งงานกันแล้ว
“ศิน” เรียกชื่อชายหนุ่มออกมาด้วยความไม่พอใจ
ศศินไม่ได้สนใจสักนิดเพียงลิฟต์เปิดอีกฝ่ายก็เลือกที่จะผายมือเชิญให้พู่ไหมออกจากลิฟต์ราวกับเป็นการบังคับให้หญิงสาวตอบตกลง รสากำมือแน่นอย่างโมโห
ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างช้าๆเพื่อระงับความโกรธ ตอนนี้หล่อนคงต้องยอมชายหนุ่มไปก่อน แต่อย่าหวังเลยว่าจะได้ทานข้าวกันอย่างมีความสุข พลันหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความไปหาใครบางคน
เรียวปากเม้มแน่นอีกหนเพราะพอเข้ามาในร้านอาหาร แฟนของหล่อนก็ไม่ได้สนใจตนสักนิด แม้แต่จะถามว่าหล่อนอยากทานอะไรก็ไม่มี เขาเอาแต่ถามพู่ไหม ความริษยาเกาะกุมอยู่ในใจของรสา หญิงสาวมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นคลั่ก ก่อนจะฉีกยิ้มร่าเมื่อเห็นว่าใครอีกคนกำลังเดินเข้ามา แต่ใครคนนี้ทำให้อีกสองคนมีสีหน้าที่ต่างออกไป
ศศินถอนใจเฮือกใหญ่ ส่วนพู่ไหมยกยิ้มขื่นขม
“คุณคงไม่ว่านะคะศิน รวงโทร.ชวนพี่ธามมาด้วย” ก่อนรอยยิ้มร้ายกาจจะปรากฏขึ้นบนใบหน้า ใครจะเป็นคนดับความคิดเลยเถิดของศศินได้ดีเท่าธามอีกเล่า
ศศินจำต้องลุกจากเก้าอี้ข้างพู่ไหมแล้วย้ายฝั่งไปนั่งข้างคู่หมั้นแทน แต่กระนั้นความรู้สึกดีๆ ซึ่งมันอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจก็ยังคงถูกถ่ายทอดออกมา ศศินตักอาหารให้พู่ไหมตลอดและละเลยคนข้างกายไป ใจดวงน้อยของรสาคุกรุ่นด้วยความโกรธ
ฟากธามก็เผลอตักข้าวให้รสาเช่นกัน ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นสายตาของคนข้างกาย ใบหน้านวลหม่นลงแถมยังมองเขาอย่างตัดพ้อ หัวใจของพู่ไหมหวิวไหวใกล้จะหยุดเต้นเพราะมันเจ็บยับเยินเกินกว่าจะรักษาได้
“ทีสามีตัวเองตักให้ไม่ทาน มาทานของว่าที่สามีคนอื่น” รสาเอ่ยปากต่อว่าอย่างไม่อาจจะกลั้นความอดทนได้อีกแล้ว ดูท่าแผนของหล่อนจะไม่สำเร็จ
“ก็ที่สามีไหมตักให้ ไหมแพ้ทุกอย่าง ก็คงไม่แปลกนะครับที่ไหมจะไม่กิน”
ศศินอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ แต่งงานกันมาตั้งนานแล้วเหตุใดกันผู้ชายตรงหน้าถึงยังไม่รู้อีกว่าภรรยาของเขาแพ้กุ้ง ก่อนศศินจะพูดต่อทำให้ธามหน้าเสีย “มันก็แปลกดีนะครับ ที่ของเมียตัวเองไม่รู้ แต่กลับรู้ของรวง”
ธามไม่ได้โต้แย้งใดๆออกมาเพราะมันจริงทุกอย่าง เขาไม่เคยรู้เลยว่าภรรยาแพ้สิ่งใด ก่อนจะลอบมองอีกฝ่ายพบว่าเจ้าหล่อนกำลังก้มทำหน้าอมทุกข์ ชายหนุ่มเกิดอาการหน่วงที่ก้อนเนื้อด้านซ้ายเพราะรู้ดีว่าหญิงสาวคงจะรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย...ชายหนุ่มรู้สึกผิดอยู่เต็มอก
สุดท้ายการทานข้าวมื้อนี้ก็มีแต่ทำให้หัวใจดวงน้อยของพู่ไหมเกิดแต่รอยแผลขนาดใหญ่...จนหญิงสาวแทบจะรับมันไม่ไหว