เมื่อกลับมาถึงคอนโดฯ ที่พัก แทนคุณเดินไปล้มตัวลงนอนบนโซฟาใหญ่ด้วยเพราะเวลานี้รู้สึกปวดแสบ ทรมานจากอาการของโรคกระเพาะอาหาร เพราะตลอดทั้งวันนับจากเช้าที่เขารีบร้อนออกจากบ้าน เพื่อมารับนักศึกษาสาวตาหวานไปส่งมหาวิทยาลัย แล้วรีบกลับไปทำงานจนกระทั่งตอนนี้เขายังไม่ได้มีเวลาหยุดพักนั่งตักข้าวใส่ปากสักคำ
“คุณแทนคุณ เป็นอะไรคะ” สาวน้อยที่กำลังตอกไข่ใส่ชามหันมาเห็นชายหนุ่มนอนเอามือกุมท้องจึงรีบวิ่งตาลีตาเหลือกมาคุกเข่าอยู่ด้านข้าง
“ฉันปวดท้องนิดหน่อยน่ะ ไม่เป็นอะไรมากหรอก” แทนคุณพลิกตัวหันมาส่งยิ้มเพื่อคลายขมวดปมระหว่างคิ้วเรียวของหญิงสาว
“ปวดนิดเดียวจริงเหรอคะ” มือวางสัมผัสลงไปบนหน้าท้องเบาราวกับกลัวว่าสัมผัสนั้นจะทำให้เขาเจ็บ
“นิดเดียวจริงๆ แล้วนี่เธอเจียวไข่ให้ฉันเสร็จแล้วเหรอ”
“ยังไม่เสร็จค่ะ หนูเพิ่งหุงข้าว เดี๋ยวรอให้ข้าวสุกค่อยเจียวก็ได้” สาวน้อยแสนมัธยัสถ์ตอบกลับมา
“ถ้าอย่างนั้น เธอไปอาบน้ำอาบท่าก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันขอนอนพักอยู่ตรงนี้สักพัก”
“คุณปวดมากเหรอคะ”
“ฉันปวดจนชินแล้วล่ะ”
“ปวดจนชิน เรื่องอย่างนี้ชินได้ด้วยเหรอคะ ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว คุณแทนคุณลุกขึ้นเถอะค่ะเดี๋ยวหนูพาไปหาหมอ” ร่างเล็กโน้มกายลงไปสอดท่อนแขนเกี่ยวคนตัวหนักให้ขยับลุกขึ้นจากท่านอน
“มิว ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ ขอแค่นอนพักนิดหน่อย เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น”
“ถ้าคุณไม่ไปหาหมอ อย่างนั้นรอหนูเดี๋ยวเดียวนะคะ หนูวิ่งลงไปซื้อยาให้” เด็กสาวผลุดลุกขึ้นวิ่งไปคว้ากระเป๋าเงินกับคีย์การ์ดแล้ววิ่งออกจากห้องไปทันที
แทนคุณขยับลุกขึ้นมานั่งด้วยท่าทางกระวนกระวายร้อนใจ เมื่อคนที่อาสาบอกว่าจะลงไปซื้อยาหายเงียบไปนาน ครั้นจะโทรตามว่าไม่ต้องซื้อยาแล้วเพราะเขาห่วงเธอมากกว่าอาการป่วยของตัวเอง คนรีบร้อนก็ดันไม่ได้หยิบโทรศัพท์ติดมือไปด้วย
“โธ่เว้ย หายไปไหนเนี่ย” แทนคุณฝืนตัวลุกขึ้นมาคว้าโทรศัพท์เตรียมใส่รองเท้าเพื่อออกไปตามหาคนหาย หากแต่เมื่อเปิดประตูออกไปคนที่เขาห่วงใยก็กลับมาพอดี
“คุณแทนคุณจะไปไหนคะ” เจ้าของใบหน้าชื้นเต็มไปด้วยเหงื่อยืนหอบแฮ่กๆ สองแขนถือถุงใส่ของพะรุงพะรัง
“แล้วเธอล่ะไปไหนมา” แทนคุณยื่นมือออกไปซับเหงื่อเม็ดโตที่ไหลลงมาจากขมับบางข้างหนึ่ง แล้วรีบยื่นมือไปช่วยถือของมากมาย หากแต่หญิงสาวที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษากับขัดขืน
“ไหนว่าปวดท้องไงคะ คนป่วยห้ามถือของหนัก”
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ แล้วนี่ไปไหนมา”
“หนูลงไปซื้อยาข้างล่างแต่ว่าร้านขายยาตรงนี้มันปิดแล้ว หนูเลยวิ่งไปหาร้านขายยาซอยอื่น เภสัชกรเขาบอกว่าคนเป็นโรคกระเพาะต้องงดของทอด ของมัน อาหารรสจัด อย่างนั้นไข่เจียวของหนู วันนี้คุณแทนคุณยังกินไม่ได้นะคะ แต่ว่าเดี๋ยวหนูเปลี่ยนทำเป็นไข่ตุ๋น ไข่น้ำให้ คนขายยาเขาบอกว่ากินได้” สาวน้อยสาธยายร่ายยาวพร้อมกับมือหยิบยาธาตุน้ำขาวสำหรับเคลือบกระเพาะอาหารออกมาวางเรียงกันหลายขวด นอกจากนี้ยังมียาเม็ดลดกรด อีกหลายขนาน
“ซื้อยามาทำไมเยอะแยะ”
“ก็หนูกลัวคุณไม่หายนี่คะ มันมีหลายรสด้วยนะ อันนี้รสมิ้นต์ อันนี้รสส้ม อันนี้รสมะนาว หนูไม่รู้ว่าคุณชอบยาน้ำหรือว่ายาเม็ด กินยายากหรือว่ากินยาง่าย หนูเลยซื้อมาหมดเลย”
“ห่วงฉันมากขนาดนั้นเชียวเหรอ”
“ค่ะ ถ้าหนูปวดท้องแทนคุณได้ หนูก็จะปวดท้องแทนคุณ” สองมือบางทำท่าเหมือนกำลังกอบกำความเจ็บปวดอันมองไม่เห็นจากเขาแล้วเก็บเอาไปใส่ไว้ในท้องตัวเอง ยิ่งเห็นอย่างนี้เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะหยุดเอ็นดูแม่สาวน้อยคนนี้อย่างไรได้
“ขอบใจนะ วันนี้ฉันขอนอนที่ห้องของเธอสักคืนจะได้ไหม” เมื่อหันไปมองนาฬิกาเห็นว่าดึกมากแล้ว อีกทั้งเขาไม่มีความรู้สึกสักเสี้ยวหนึ่งที่อยากกลับไปนอนบ้าน
“ได้สิคะ นี่ห้องของคุณนี่ คุณจะนอนตลอดทั้งปีเลยก็ได้ค่ะ”
“ทั้งปีก็นอนได้เหรอ”
“ค่ะ นานแค่ไหนก็ได้เลยค่ะ หนูจะดูแลคุณเอง”
สาวน้อยที่เวลานี้กลายเป็นเจ้าของห้องครึ่งหนึ่งลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วเลือกหาเสื้อผ้าชุดของแทนคุณที่เคยเก็บเอาไว้ในห้องนี้ ถึงเขาจะยกห้องนี้ให้กับเธออยู่หากแต่ไม่ได้เก็บเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวออกไปเสียทีเดียว ชุดนอน ผ้าเช็ดตัวถูกนำไปวางเตรียมไว้ให้ภายในห้องน้ำ จากนั้นเจ้าของร่างบางวิ่งกลับมากอดเอวประคองคนเป็นโรคกระเพาะอาหารพาเข้าไปส่งจนถึงในห้องน้ำแล้วยังช่วยปลดถอดกระดุมเสื้อให้
“เธอจะอาบน้ำให้ฉันเหรอ” ดวงตาคมก้มลงมองหน้าผากแคบมันเลื่อมไปด้วยคราบเหงื่อของเด็กสาว
“คุณแทนคุณปวดมากขนาดอาบน้ำเองไม่ไหวเลยเหรอคะ”
“เปล่า ก็เห็นเธอถอดเสื้อให้ เลยคิดว่าจะอาบน้ำให้ฉันด้วย”
“ถ้าคุณปวดมากจนอาบเองไม่ได้ หนูอาบให้ก็ได้ค่ะ แต่ว่า...แต่ว่า...” ริมฝีปากบางขยับเม้มเข้าหากัน จากนั้นก้มหน้าหลบสายตาของคนที่จงใจมองลงมา พลันแก้มขาวเปลี่ยนสีเป็นชมพูเข้มในทัน
“แต่อะไร” เจ้าของเสื้อเชิ้ตขยับหัวไหล่ เพื่อให้อีกคนถอดเสื้อให้ได้ถนัดขึ้น
“แต่ว่า...เมื่อกี้คุณแทนคุณบอกว่าปวดนิดเดียว”
“อ่อ....” เขาล่ะอยากยกมือขึ้นมาตบปากตัวเองนัก ไม่น่าอวดเก่งเลย
เมื่ออาบน้ำล้างเหงื่อ ล้างไคลจนรู้สึกสบายตัวขึ้น แทนคุณแอบมายืนมองแผ่นหลังนักศึกษาตัวเล็กเอวบางที่กำลังยืนจับนั่น จับนี่อยู่ภายในครัว อยู่ๆ ไม่รู้ทำไมวันนี้เกิดอยากทำตัวอ่อนแอ อยากได้คนมาคอยดูแลมากกว่าทุกที ป่วยการเมืองจึงแสร้งเดินไปล้มตัวนอนรออยู่บนเตียง
“ข้าวกับไข่น้ำเสร็จแล้วค่ะ เอ๋ คุณแทนคุณปวดมากขนาดนี้เชียวเหรอคะ” แม่ครัวตัวเล็กเดินมาชะโงกหน้าเห็นคนป่วยนอนตัวขดตัวงออยู่แล้วถึงกับยืนหน้าซีดไม่รู้ไม่เท่าทันเหลี่ยมคนเจ้าเล่ห์
“ไม่มากเท่าไหร่หรอก ฉันยืมเตียงของเธอนอนพักสักหน่อยนะ”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูไปยกข้าวมาให้คุณทานข้างในห้องนี้นะคะ” แม่ครัวในชุดนักศึกษา วิ่งกลับออกไปยกจานข้าวกับชามไข่น้ำหอมฉุย มาวางไว้อยู่ตรงหัวเตียง อีกทั้งยังมียาแก้อาการของโรคกระเพาะทุกขนานเรียงกันจนแทบไม่มีที่ว่าง
“เธอไปอาบน้ำอาบท่าเถอะ มอมแมมหมดแล้ว” นิ้วเกลี่ยเส้นผมชื้นไปทัดลงตรงใบหู หน้าขาวมันวาวเพราะวิ่งไปวิ่งมาหาหยูกยามาให้คนสำออยอย่างเขา
“ถ้าอย่างนั้น คุณแทนคุณทานข้าวนะคะ เดี๋ยวหนูไปอาบน้ำก่อน”
แทนคุณมองตามร่างบางที่วิ่งไปคว้านั่นจับนี่ก่อนจะเดินหายเข้าไปภายในห้องน้ำ แล้วจึงหันมาสนใจอาหารอ่อนสำหรับคนป่วยที่แม่ครัวตั้งใจทำมาให้ จากนั้นสมองของเขาพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรวบช้อนในมือวางกลับลงไปในจาน แล้วเปลี่ยนเป็นล้มตัวนอนเงี่ยหูฟังเสียงคนที่กำลังอาบน้ำ
“ทำไมคุณแทนคุณไม่ทานข้าวละคะ ไม่อร่อยเหรอ” เจ้าของกลิ่นหอมเดินมานั่งคุกเข่าลงข้างเตียง น้ำเสียงฟังดูน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อเห็นว่าไข่น้ำที่ตนตั้งใจทำมาให้เหลือจนเต็มชาม
“อร่อยสิ แต่ว่าฉันกินไม่ลง”
“กินไม่ลงเหรอคะ ไม่ได้นะ คุณแทนคุณต้องทานข้าวให้ตรงเวลานะคะ มาค่ะลุกขึ้น เดี๋ยวหนูป้อนให้” เจ้าของกลิ่นครีมอาบน้ำขยับลุกขึ้นมานั่งลงบนเตียงแล้วประคองคนป่วยให้ลุกขึ้น
“อันที่จริง ฉันเป็นโรคกระเพาะ ไม่ได้แขนขาด ขาขาด แต่ถ้าได้เธอมาป้อนข้าวก็ดี วันนี้ฉันขี้เกียจตักข้าวกินเอง” ยิ้มเจ้าเล่ห์ถูกอมเอาไว้ ซ่อนจากสายตาซื่อ
“ค่ะ ถ้าคุณขี้เกียจตักข้าวเมื่อไหร่ บอกหนูนะคะ หนูจะป้อนคุณทุกวันเลย” มือเอื้อมไปหยิบจานข้าวมาถือแล้วตักเอาน้ำซุปไข่น้ำอุ่นๆ ป้อนให้คนป่วยที่นั่งอมยิ้มตาเป็นประกายอยู่
“จริงนะ”
“ค่ะ อร่อยไหมคะ”
“อืม อร่อย หวานดี”
“หวานเหรอคะ!” แม่ครัวทำตาโตแล้วรีบตักน้ำซุบใสยกขึ้นมาชิมรสชาติ หากแต่ลิ้นเด็กสาวกลับไม่รับรู้ถึงความหวานตามที่คนป่วยอ้างถึง
“ถ้ามันหวานเกินไป หนูไปปรุงมาให้คุณใหม่นะคะ” ร่างเล็กทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นยืนหากแต่ถูกคนที่นอนอยู่ตวัดแขนเกี่ยวเอวให้กลับมานั่งที่เดิม
“ไม่...ไม่เลย ฉันชอบรสชาตินี้ ป้อนต่อสิ”
“อ๋อ ค่ะ”