แทนคุณรู้สึกว่าไอ้โรคกระเพาะที่เป็นอยู่นี่ เขาอยากให้มันกำเริบถี่ๆ เพราะเวลานี้เขามีคนคอยดูแลแล้ว แถมยังดูแลดีมากจนเขาแทบไม่ต้องกระดิกตัวไปไหน หรือหยิบจับอะไรเลย หากมีพยาบาลสาวหน้าหวานมาคอยป้อนข้าว ป้อนยาอย่างนี้ ต่อให้กระเพาะเป็นรูเขาจะไม่ปริปากร้องโอดโอยเลยสักคำ
หลังจากเก็บจานชาม จัดการล้างทำความสะอาดทุกอย่างเข้าที่เรียบร้อยแล้ว พยาบาลจำเป็นเดินมาจัดแจงขยับปรับท่าทางให้คนป่วยได้นอนสบาย จากนั้นมานั่งพับเพียบเอียงแก้มวางซบลงไปบนหลังมือ
“กินข้าว กินยาแล้ว คุณแทนคุณนอนพักนะคะ” แก้มนุ่มถูลงไปบนหลังมือของเขา
“แล้วเธอล่ะ”
“หนูจะนั่งเฝ้าคุณอยู่ตรงนี้ ถ้าคุณปวดท้องกลางดึกก็เอามามือสะกิดหนูนะคะ หนูจะตื่นมาเอายาให้”
“ให้ฉัน...สะกิดเธอกลางดึกเหรอ” รอยยิ้มจางๆ จุดประกายสว่างมาจากมุมปากหยัก นี่สาวน้อยคนนี้จะรู้หรือเปล่านะว่าไอ้คำว่า ‘สะกิดกันกลางดึก’ มันมีความหมายอย่างอื่นอีก
“ค่ะ คุณสะกิด ปลุกหนูได้ตลอดทั้งคืนเลยนะคะ” ยิ่งชวนคุย แทนคุณชักยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเริ่มกลายเป็นไอ้เฒ่าหัวงู คิดเตลิดเลยไกลไปเรื่อยจนแทบควบคุมความคิดตัวเองไม่ได้
“เธอขึ้นมานอนข้างฉันตรงนี้ดีกว่า อย่าไปทรมานนั่งอยู่ตรงนั้นเลย” แทนคุณตบมือลงไปบนพื้นที่ว่างข้างตัวด้วยท่าทางอันสงบ ตรงข้ามกับความรู้สึกลิงโลดกระโดดทะยานในใจ
“ให้หนูขึ้นไปนอน...ข้างคุณเหรอคะ”
“ใช่ ทำไมรังเกียจฉันเหรอ”
“ไม่เลยค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นมานอนด้วยกัน” แทนคุณจับผ้าห่มตลบขึ้นเปิดช่องว่างเว้นที่ให้คนที่กำลังคลานขึ้นมานอนได้ถนัด
“แล้วตอนนี้คุณแทนคุณ อาการดีขึ้นหรือยังคะ” มือวางลงไปบนหน้าท้องอย่างทะนุถนอมบางเบา
“ก็ยังปวดอยู่”
“อืมมมม...ทำไมกินยาแล้วยังไม่หายนะ” ใบหน้าก้มลงไปเอียงข้าง วางใบหูเล็กแนบลงไปกับหน้าท้องราบ พยายามตั้งใจฟังเสียงโครกครากที่ร้องครวญสวนกลับมา
“ว่ายังไงคุณพยาบาล กระเพาะฉันมันยังอยู่ดีหรือเปล่า” แทนคุณอมยิ้ม มือช้อนเชยคางให้เด็กสาวหันหน้ากลับมามองตน
“เดี๋ยวก็หายนะคะ เพี้ยง!” ลมเย็นๆ ถูกเป่าลงไปบนหน้าท้อง จนเจ้าของมันถึงกับต้องกำหมัดแน่น
“ปวดอีกแล้วเหรอคะ”
“อืม ปวดมาก...นอนเถอะ” เจ้าของกำปั้นแข็งขบกรามแน่นแล้วรีบชวนให้อีกคนปิดไฟนอน ไม่อย่างนั้นอาจไม่ใช่เพียงโรคกระเพาะของเขาจะกำเริบ มันอาจมีอาการแทรกซ่อนอย่างอื่นตามมาด้วย นั่นแหละที่อันตราย
เช้าวันต่อมา
“นักศึกษา ตื่นไปเรียนได้แล้วนะครับ” แก้มป่องถูกนิ้วกดลงไปจนเป็นรอยบุ๋ม
อันที่จริงเขาอยากเอาจมูกตัวเองกดลงสูดกลิ่นแก้มหอมๆ นี้มากกว่าใช้นิ้วจิ้มเล่น หากแต่กลัวว่าคนขี้เซาที่นอนกลิ้งดิ้นเข้ามาหลบซบอกเขาตลอดคืนจะตื่นมาโวยวาย หาว่าเขาฉกฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบ แทนคุณจึงทำได้แค่นอนเก็บเกี่ยวความอบอุ่น อันอิ่มอกอิ่มใจ จากการได้นอนกอดเด็กในปกครองอย่างเงียบๆ อย่างนี้มาตั้งแต่ตีสี่ กระทั่งเห็นว่าเปลือกตาบางจนเห็นเส้นเลือดฝอยสีชมพูฝาดขยับกะพริบช้าๆ ดวงตาสะลึมสะลือปรือเปิด แหงนเงยขึ้นมาประสานอย่างง่วงงุน เขาจึงจำใจผละถอนใบหน้าห่างออกมาเล็กน้อย
“คุณแทนคุณเป็นยังไงบ้างคะ หายปวดท้องหรือยัง” คำถามแรกจากคนที่เพิ่งตื่นนอน บ่งบอกถึงจิตใต้สำนึกลึกๆ ว่า ทุกลมหายใจเข้าออก มิวคงพะวงเป็นห่วงเขามากเพียงใด ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดปากเปล่าเท่านั้น ยังมีฝ่ามือนุ่มๆ วางลูบลงไปยังตำแหน่งอันเป็นที่ตั้งตำแหน่งของกระเพาะอาหารอันชำรุดทรุดโทรม
“ฉันดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องห่วง เธอลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวฉันจะขับรถไปส่งที่มหาวิทยาลัย” มือเกลี่ยแก้มนุ่มเล่นยังไม่ยอมคลายอ้อมกอดอย่างง่ายๆ
“คุณแทนคุณจะไปส่งหนูเหรอคะ” คนนอนข้างๆ ขยับลุกขึ้นมานั่ง นั่นแหละจึงพอให้รู้สึกตัวตื่นเต็มที่และเห็นว่าตัวเองมานอนเบียดจนแทนคุณเกือบจะตกเตียงแล้ว
“ใช่”
“ไม่เอาค่ะ เดี๋ยววันนี้หนูนั่งรถไฟฟ้าไปเรียนเอง คุณแทนคุณนอนพักเยอะๆ นะคะ”
“แน่ใจเหรอว่าจะไม่ให้ฉันไปส่ง”
“แน่ใจค่ะ คุณแทนคุณไม่สบายต้องพักผ่อนให้มากๆ แล้วก็เดี๋ยวก่อนไปเรียน หนูจะทำไข่ตุ๋นเอาไว้ให้ทานนะคะ แต่คุณแทนคุณต้องสัญญากับหนู ว่าจะลุกมาทานข้าวให้ตรงเวลา เดี๋ยววันนี้พอเลิกเรียนตอนบ่ายแล้ว หนูจะรีบกลับมาดูแลคุณนะคะ โอเคไหม”
“โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันจะนอนรอเธอที่ห้องนะ เธอเองก็ต้องสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนหนังสือ”
แทนคุณลุกขึ้นจากเตียงมานั่งมองนักศึกษาที่เข้าไปเตรียมอาหารเช้าให้เขาอย่างพิถีพิถัน จากนั้นเดินมากำชับแล้วกำชับอีกว่าให้กินอาหารให้ตรงเวลา หลังจากเด็กในปกครองเดินออกจากห้องไปแล้ว แทนคุณยังสู้อุตส่าห์เดินมายืนส่องอยู่ตรงระเบียงห้องให้แน่ใจว่าสาวน้อยของเขาเดินออกจากคอนโดฯ อย่างปลอดภัยหรือเปล่า แต่เขาไม่คิดว่ามิวเองก็เป็นฝ่ายหันหลังกลับมาชะเง้อคอมองขึ้นมาหาเขาเช่นกัน
“ยัยเด็กนี่...จะน่ารักไปถึงเมื่อไหร่กัน”
แทนคุณเดินกลับมานั่งลงยังโต๊ะอาหาร นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับไข่ตุ๋นที่มีแครอทสีส้มถูกมีดหั่นเป็นรูปหัวใจดวงเล็กๆ วางแปะประดับไว้ด้านบน อดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปนี้เก็บเอาไว้ โดยที่เขาเอาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าตัวเองทำอย่างนี้ไปทำไม
พอไม่มีคนคอยพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจ ไอ้อาการปวดท้อง ปวดไส้มันเหมือนจะหายจนกลายมาเป็นปกติ หากแต่ข้อความสั้นๆ ถูกส่งมาถามไถ่ว่ากินข้าวกินยาหรือยังเด้งโชว์ขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ แทนคุณเหมือนรู้สึกว่าตัวเองกลับมาป่วยหนักอีกแล้ว ถึงขนาดมือปัดไปยังปุ่มวิดีโอคอล เพราะอยากมองหน้าเจ้าของข้อความที่ส่งความห่วงหาห่วงใยมาให้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากลายเป็นผู้ชายจอมมารยาอย่างนี้ไปได้ยังไงกัน
มิว : คุณแทนคุณ ทานข้าวทานยาหรือยังคะ // สาวน้อยนัยน์ตาโตหันมามองหน้าจอโทรศัพท์ ท่าทางเหมือนหวาดระแวง แทนคุณจึงเดาว่าบางทีมิวอาจกำลังอยู่ในชั้นเรียน
แทนคุณ : กินแล้ว ไข่ตุ๋นอร่อยมาก
มิว : เหรอคะดีจังเลย
แทนคุณ : แล้วเธอล่ะ เลิกเรียนแล้วใช่หรือเปล่า // แทนคุณถามด้วยความมั่นใจ เพราะเขาจำตารางเรียนทุกรายวิชาของนักศึกษาในปกครองได้อย่างแม่นยำ
มิว : ใช่ค่ะ อาจารย์เพิ่งเดินออกจากห้องไป คุณแทนคุณคะ หนูวางสายก่อนนะคะ หนูจะเก็บของ แล้วเดี๋ยวหนูรีบกลับไปหา // มือเล็กยกขึ้นมาทำท่าป้องปากทำท่าทางกระซิบกระซาบอย่างน่าเอ็นดู
แทนคุณ : เปิดกล้องเอาไว้อย่างนี้ก่อนได้ไหม... // คนที่กำลังอ้าปากอ้อนตาขวางเมื่อเห็นคนที่เดินมาด้านหลัง พร้อมมือยื่นมาสะกิดไหล่เสื้อเด็กในความดูแล
“มิว เลิกเรียนแล้วรีบกลับบ้านหรือเปล่า ไปดูหนังด้วยกันไหม” นักศึกษาหนุ่มหน้าตี๋ ตีเนียนมานั่งใกล้
“ดูหนังอย่างนั้นเหรอ ไม่เอาหรอก เราต้องรีบกลับบ้าน”
“รีบกลับอีกแล้วเหรอ หรือว่า...วันนี้ก็มีคนมารอรับอีก” เสียงของผู้ชายอีกคนพูดแทรก
“นั่นสิ คนเมื่อวานที่มารับ...แฟนเหรอ”
“แฟนอย่างนั้นเหรอ เปล่านะ ผู้ชายคนเมื่อวานไม่ใช่แฟนมิว” ประโยคปฏิเสธกับท่าทางโบกมือไปมาสร้างรอยยิ้มระบายบนใบหน้าของนักศึกษาหนุ่มสามสี่คนที่มายืนรุมล้อม หากแต่กลับเหมือนไฟร้อนเผากระเพาะอาหารของเขาให้มันกลายเป็นผุยผง
“จริงดิ เมื่อวานพวกเราตกใจแทบแย่ นึกว่าคนนั้นเป็นแฟนมิว หน้าดุชะมัด มองพวกเราตาเขียวปั้ดเลย นึกว่าเขาหึง”
แทนคุณ : ฉันเหมือนคนหึงเหรอ แค่....หวงต่างหาก // แทนคุณเงี่ยหูฟังกลุ่มเด็กวัยรุ่นพูดจานินทาตนลับหลังด้วยความขุ่นเคือง อันที่จริงอยากตะโกนแทรกไปขัดจังหวะ แต่ก็อยากรู้ว่าเด็กพวกนี้จะพูดนินทาเขาว่าอย่างไรบ้าง
“คุณแทนคุณ ไม่ดุสักหน่อยแถมยังใจดีที่สุดในโลกด้วย” เสียงหวานรีบแก้ต่างให้ นั่นแหละถึงทำให้เขากลับมายิ้มได้อีกครั้ง
“ตกลงว่าผู้ชายคนเมื่อวาน ไม่ใช่แฟนมิว...ใช่ปะ”
“เปล่า” หน้าขาวส่ายไปมาช้าๆ สายตามองกลับมายังหน้าจอโทรศัพท์สบตากับเจ้าของหัวข้อสนทนา
“แล้วมิวมีแฟนหรือยัง”
“ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ”
“ก็พวกเราอยากรู้นี่ ว่ามิวมีแฟนหรือยัง ว่าไง...” นี่ถ้าเขาสามารถล้วงมือผ่านหน้าจอโทรศัพท์เข้าไปได้ จะจับหัวเจ้าเด็กแก่แดดพวกนี้โขกโต๊ะเสียให้เข็ด อารมณ์ขุ่นเริ่มคุกรุ่นจนเกือบกลายเป็นโกรธ
“ใช่ ถ้ามิวยังไม่มี แฟนอย่างนั้นพวกจะจี.....”
แทนคุณ : มิว...โอ้ยยย ปวดท้อง ปวดท้อง ปวดจังเลย
มิว : คุณแทนคุณ ปวดท้องเหรอคะ // มือจับหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมากวาดตามองทะลุเข้าไปท่าทางร้อนรน
แทนคุณ : ใช่ ปวดมากเลย โอ้ยยยย // แทนคุณล้มตัวลงไปนอนบิดบนที่นอน ปากร้องเหมือนมีคนเอามีดมาเฉือนลำไส้ทิ้ง ทั้งที่ความจริงเขาไม่ได้เจ็บปวดขนาดนั้น หากแต่หมั่นไส้เจ้าพวกเด็กหนุ่มเจ้าเล่ห์ที่คิดจะมาจีบเด็กในปกครอง
“เสียงใครน่ะมิว”
“เรากลับบ้านก่อนนะ บ๊าย บาย” มือรวบคว้าสมุดหนังสือกระเป๋าเข้ามากอดจากนั้นวิ่งอ้าวออกจากห้องเรียนในทันที เสียงหอบหายใจถี่ๆ ทำเอาแทนคุณรู้สึกผิด