“จบแล้วมาทำงานกับพี่มั้ย”
“ที่โรงพยาบาลของครอบครัวพี่น่ะเหรอคะ”
บ้านนเรนทร์ร่ำรวยและมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคนในรัฐบาลไม่แพ้ตระกูลวราเศรษฐ์เลย ตระกูลเตชะนรากูลเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนราษฎร์นรากูลที่ใหญ่โต มีสาขาอยู่หลายแห่งทั่วประเทศ รับผู้ป่วยเฉพาะระดับไฮเอนต์ นักการเมืองและข้าราชการชั้นสูง เกรงว่าถ้าให้คนต่ำต้อยอย่างเธอไปทำงานเป็นเด็กเส้นคงไม่เหมาะ จะถูกเขม่นขี้หน้าเสียเปล่าๆ อีกอย่างเธอก็ตอบตกลงกับเจ้าของบริษัทที่ฝึกงานอยู่ไปแล้วด้วย
“นั่นมันกิจการของบ้านพี่ ไม่ใช่พี่ พี่คุยๆ กับเพื่อนว่าจะหุ้นกันเปิดบริษัทเกมเมอร์ขึ้นมา กำลังมองหากราฟิกเจ๋งๆ อยู่ หม่อนสนใจมั้ย”
“คือ...” ณหทัยอึกอัก สีหน้าลำบากใจ ไม่ใช่ไม่อยากทำ แต่เธอไม่อยากพึ่งพาหรือรับความช่วยเหลือจากนเรนทร์หรือคนอื่นมากเกินไป จะว่าเธอหยิ่งในศักดิ์ศรีโง่ๆ ก็ได้ แต่เพราะโดนเมษยาใส่ร้ายจนถูกคนตราหน้ามาเยอะว่าเป็นผู้หญิงง่ายๆ ที่หวังแต่ะเกาะผู้ชายกินไปวันๆ เธอจึงอยากจะลบคำสบประมาทพวกนั้นด้วยการยืนด้วยลำแข้งตัวเองให้ได้
หญิงสาวละความคิด ก้มมองมือตัวเองที่ถูกนเรนทร์กุมไว้บีบกระชับเบาๆ มองเธออย่างเข้าอกเข้าใจ เขาเป็นคนที่รู้เสมอว่าเธอคิดอะไรอยู่
“ไม่ต้องรีบตอบตอนนี้ก็ได้ ยังมีเวลาให้คิดอีกถมเถ พี่เปิดรับสมัครตำแหน่งนี้ให้หม่อนทุกเมื่อ อยากมาเมื่อไหร่ก็มา”
“อย่าดีกับหม่อนมากนักได้มั้ยคะ” เธอก้มหน้าเอ่ยเสียงแผ่วหวิว ในอกมีทั้งความซาบซึ้งและรู้สึกผิดตีรวนกันไปหมด
“ไม่ได้ เพราะพี่ชอบหม่อน”
“พี่เรน...”
“ไม่ต้องคิดมากและไม่ต้องกดดันอะไรด้วย ถึงพี่จะชอบหม่อน แต่หม่อนไม่จำเป็นต้องชอบพี่ก็ได้ ของแบบนี้มันความรู้สึกของใครของมัน แค่รับรู้ไว้ก็พอ”
“ทำแบบนี้ก็เหมือนหม่อนเอาเปรียบพี่น่ะสิ”
เขายักไหล่ “ก็พี่พอใจ”
“แต่หม่อนรู้สึกไม่ดี”
“หม่อนไม่ได้ทำอะไรผิด พี่เองก็ไม่ผิดที่ชอบหม่อนและอยากทำอะไรดีๆ เพื่อหม่อน จริงมั้ย”
เจอคำถามนี้เข้าไปเธอก็ตอบไม่ถูกไปต่อไม่เป็น จริงอย่างที่นเรนทร์พูด ไม่มีใครถูกใครผิดในเรื่องของความรัก เขาชอบเธอ แต่เธอไม่ชอบเขา ก็เหมือนกับการที่เธอชอบเพลิงคราม แต่เจ้าตัวไปชอบเมษยานั่นแหละ เพลิงครามไม่ผิด จะผิดก็แค่เธอไปรักคนที่ไม่ควรจะรักเท่านั้น เธอถึงเลือกที่จะเลิกรักเขาไงละ ไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขาหรือใคร รวมถึงไม่อยากมีความรักอีกแล้ว
“หม่อนไม่อยากให้พี่เสียเวลา”
“ไม่ต้องเป็นห่วงพี่ ถึงเวลาพี่จะรู้เองว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้”
นเรนทร์เล่นพูดดักทางกันอย่างนี้ เธอยังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ ได้แต่ยิ้มรับเอาที่เขาสบายใจแล้วกัน หารู้ไม่ว่าดวงตาที่ลอบมองพวกเธออยู่ในมุมมืดนั้นจ้องเขม็งไปที่มือของนเรนทร์ ค่อยๆ หรี่ตาลงราวกับคมมีด แสงคมกริบที่พาดผ่านราวกับจะฟันฉับทีเดียวให้แขนข้างนั้นขาดกระเด็นไปไกลจากตัวเธอ
“เข้าบ้านเถอะ”
ณหทัยพยักหน้า “กลับบ้านดีๆ นะคะ”
เธอโบกมือยืนส่งนเรนทร์จนลับตาแล้วจึงหันหลังเดินเข้าบ้าน หางตาเหลือบเห็นคู่รักกำลังช่วยกันเลือกแบบชุดงานหมั้นที่จะเกิดขึ้นในอีกสองสัปดาห์หน้า แต่ไม่ได้หยุดฝีเท้าก้าวเดินผ่านไปเลยโดยไม่สนใจ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ
“กลับมาแล้วเหรอหม่อน วันนี้ใครมาส่งล่ะ ไม่คุ้นหน้าเลย”
ณหทัยหันมองคนทักยิ้มๆ
“พูดถึงตัวเองอยู่รึไง” เธอย้อนนิ่มๆ เมษยาคิดว่าคนอื่นเขาจะเป็นเหมือนหล่อนหรือ หล่อนอาจจะชอบที่มีผู้ชายมาคอยล้อมหน้าล้อมหลัง เอาอกเอาใจเห็นหล่อนเป็นนางฟ้าคนสำคัญ แต่อย่าเอาพฤติกรรมตัวเองมาเปรียบเทียบกับเธอ
เมษยากัดเนื้อในริมฝีปากอย่างข่มโทสะ คิดจะใส่ไฟณหทัยให้เพลิงครามยิ่งรังเกียจมันสักหน่อย กลับถูกมันตอกหน้าจนสะอึก แถมยังกล้าแฉหล่อนต่อหน้าเขาอีก นังหม่อนมันกล้าดียังไงถึงมาหือกับหล่อน...นังแพศยานี่!
“หม่อนมาพอดี มาช่วยเมย์เลือกหน่อยสิว่าจะใส่ชุดไหนในงานหมั้นดี พี่ครามเลือกแต่ชุดสวยๆ ให้เมย์จนตัดสินใจไม่ถูกเลย”
เมษยายิ้มยั่ว กอดแขนว่าที่คู่หมั้นขณะมองเธออย่างเย้ยหยัน คงคิดว่าเธอจะปวดใจเหมือนที่แล้วๆ มาล่ะสิท่า
“แน่ใจเหรอว่าอยากให้ฉันเลือกให้จริงๆ” ณหทัยแสยะยิ้ม
“หม่อนพูดแบบนี้ยังไม่หายโกรธที่เมย์จะหมั้นกับพี่ครามอีกเหรอ” เมษยาตีหน้าเศร้า มองชายหนุ่มราวกับจะขอความเห็นใจ เพลิงครามโอบไหล่หล่อนอย่างทะนุถนอม ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้า ดวงตาคมลึกมองคนที่หล่อนพูดด้วยเงียบๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
“ถ้าบอกว่าโกรธ แล้วเธอจะยกเลิกงานหมั้นรึไง” ณหทัยถามแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ มองเมษยาราวกับคนปัญญาอ่อน “อยากใส่อะไรก็ใส่ไปเถอะ เพราะฉันคิดว่าจะชุดไหนก็ไม่เหมาะกับเธอทั้งนั้น ชุดสีขาวบริสุทธิ์น่ะเขาเหมาะไว้ให้คนดีๆ ที่มีจิตใจใสสะอาดสวมเท่านั้น”