เพลิงครามขมวดคิ้ว แววตาน่าสงสารที่มองเขาเหมือนมือที่บีบคั้นทำให้คนไม่สบายใจ หัวใจแกร่งแค่ไหนก็อดที่จะอ่อนไหวไม่ได้
“ไม่ใช่” เขาตอบหล่อนเสียงอ่อน แต่ยังคงไว้ซึ่งความเคร่งขรึมเย็นชาที่เป็นตัวตนของเขา “เมย์คือคนที่พี่เลือกแล้วว่าจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน”
สิ่งที่เขาเอ่ยเสมือนแทนคำตอบที่คุณปู่ถามไปในตัว แม้จะรู้สึกผิดหวังที่เพลิงครามไม่ได้ประกาศบอกรักหล่อนต่อหน้านังใบหม่อน แต่ก็ช่วยทำให้เมษยาคลายใจลงไปมากที่เขาเลือกหล่อน ไม่ใช่มัน รอยยิ้มยินดีถูกส่งไปเยาะเย้ยศัตรูหัวใจอย่างได้ใจ
ณหทัยกระตุกยิ้ม มองคู่รักตรงหน้าราวกับไม่อยู่ในสายตา ยิ้มระรื่นเอ่ยถ้อยคำที่ชาตินี้เมษยาคิดว่าจะไม่มีวันได้ยินจากปากเธอว่า
“ยินดีด้วยนะคะ พวกคุณเหมาะสมกันมาก” ...เหมือนขี้กับแมลงวัน!
“ขอบใจมากนะหม่อน เมย์ดีใจนะที่หม่อนเข้าใจและไม่ถือโทษโกรธเมย์กับพี่คราม”
“จะโกรธทำไม ฉันมีแต่จะอวยพรขอให้พวกเธอมีความสุข รักกันยืนยาวไปสักร้อยสองร้อยปีเลยน่ะสิไม่ว่า” ...จะได้ไม่ต้องไปตามหลอกหลอนใครเหมือนเจ้ากรรมนายเวรอีก โดยเฉพาะเธอ!
ณหทัยยิ้มหวานหยดแข่งกับหล่อนอย่างไม่ยอมแพ้ แหลมาก็แหลกลับ ไม่มีอะไรต้องเสียใจ เมษยาจิกตามองเธออย่างเชือดเฉือน เธอก็ฟาดเนตรกลับไปอย่างยียวน และไม่ใช่แค่กวนประสาทหล่อน ยังเผื่อแผ่ไปถึงว่าที่คู่หมั้นของหล่อนด้วย ในดวงตาคมลึกมืดดำจนไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เธอไม่สน แค่ทำให้เขาเคืองใจระคายตาได้ก็พอแล้ว
เพลิงครามขมวดคิ้วแน่น เพียงพริบตาเดียวก็คลายออกเป็นเส้นราบเรียบไร้อารมณ์ ไม่มีใครรู้ว่าภายในใจดวงนี้กำลังรุ่มร้อน ทั้งหงุดหงิดระคนสงสัยแปลกใจจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ขณะที่จ้องตากับณหทัยอย่างดุเดือด ในสมองเขากลับเอาแต่คิดว่า...
เธอไม่สนใจเขา
ความรู้สึกหวิวๆ เหมือนมีอะไรสั่นสะเทือนอยู่ข้างในแบบนี้ มันกวนใจเขาชะมัด!
ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ไอ้ความรู้สึกแปลกๆ นี้มันมาจากไหนกันนะ เขาเองยังไม่เข้าใจเหมือนกัน รู้แต่ว่าเขาไม่ชอบณหทัยอยู่แล้วนี่ ติดจะรำคาญเสียด้วยซ้ำ แล้วจะสนทำไม ยิ่งถ้าเธอคิดได้ไม่มาตามตอแยเขาอีก ก็ยิ่งดีไม่ใช่หรือ...
เพลิงครามสลัดความว้าวุ่นออกไปทันที หงุดหงิดที่ตัวเองเผลอคิดอะไรไม่เข้าท่า สีหน้าที่ราบเรียบอยู่แล้วยิ่งนิ่งขรึม มุมปากยิ้มเยาะอย่างเย็นชา ก่อนจะถอนสายตาออกจากผู้หญิงร้อยเล่ห์มารยา ราวกับเธอไม่มีค่าในสายตาเขาเลยสักนิด
ณหทัยโต้คืนด้วยการยักไหล่ กลอกตามองบน แววตาไม่หลงเหลือความรักหลงใหลให้คนตรงหน้าอีกแล้ว
เขาไม่สน แล้วคิดว่าเธอต้องแคร์หรือ?
ใครไม่รักเธอก็ช่าง ขอแค่เธออย่าเหยียบย่ำซ้ำเติมตัวเองเป็นพอ เธอต้องรักตัวเองให้มากๆ ต่อให้โดนทำร้ายก็ต้องหอบเอาเศษใจที่เหลือกลับมาดูแลตัวเองให้ดีๆ โลกนี้ยังมีอะไรให้คิดให้ทำอีกเยอะมากกว่าจะมามัวมาเสียเวลาโฟกัสแค่ความรัก เธอจะทำทุกอย่างที่อยากทำพร้อมๆ กับค่อยๆ เยียวยารักษาหัวใจกันไป เชื่อเถอะว่าเธอจะต้องหายดีเป็นปลิดทิ้งจนไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยบาดแผลในสักวัน
หญิงสาวยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะยืดอกเชิดหน้ายิ้มสู้พวกเขาทั้งที่หัวใจยังคงเจ็บอยู่ แต่เธอจะก้าวข้ามมันไปให้ได้
ภาพหญิงสาวในชุดนักศึกษานั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์บิกไบก์ตกอยู่ในสายตาคมลึกทันทีที่คนขี่ขับเข้ามาจอด ณหทัยก้าวขาลงอย่างชำนาญพร้อมกับปลดล็อกหมวกกันน็อก แต่ปลดอย่างไรก็ไม่ออก คนที่มาส่งเธอเห็นแล้วยิ้มขำ ก่อนจะเอื้อมมือมาปลดออกให้อย่างนุ่มนวล
“ไอ้แก่มันดื้อกับหม่อนทุกทีเลย” นเรนทร์หมายถึงหมวกกันน็อกใบเก่าที่เขาใช้มาร่วมหลายปี ตัวล็อกเลยมักจะมีปัญหา คนที่ไม่รู้ทริกจึงมักจะปลดไม่ออก
“มันแก่แล้วก็แบบนี้แหละ” ณหทัยหัวเราะร่วน สายตาบังเอิญสบตากับรุ่นพี่หนุ่มพอดี เห็นถึงความรักที่มีต่อเธออย่างเปิดเผยไม่คิดจะปิดบัง ทำเอาต้องรีบก้มหน้าหลบตาทันควัน อยากจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ เพราะไม่ต้องการให้ความหวังเขา
“ขอบคุณค่ะ”
นเรนทร์มองเธอยิ้มๆ ยกมือลูบหัวเธอโยกไปมาเบาๆ
“เมื่อไหร่จะเลิกเกรงใจ บอกแล้วไงว่าพี่เต็มใจ”
ณหทัยมองรอยยิ้มอบอุ่นแล้วต้องยอมให้ ถึงไม่ชอบแต่ก็ปฏิเสธไม่ลง ปกตินเรนทร์เป็นผู้ชายที่มีภาพลักษณ์แบดบอย เพราะเป็นหนุ่มหน้าตี๋ตาชี้ที่บอกยี่ห้อว่าร้าย และก็ร้ายสุดๆ เสียด้วยสิ แต่พอเขายิ้มทีก็ทำเอาสาวๆ ใจละลาย อยากจะเข้าแถวต่อคิวให้เขาทำร้ายหัวใจกันถ้วนหน้า
“วันนี้ฝึกงานเป็นวันสุดท้ายแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ” พูดถึงเรื่องนี้แล้วเธอก็ยิ้มกว้าง เธอเรียนด้านกราฟิกดีไซน์และได้เข้าฝึกงานที่บริษัทขนาดเล็กแห่งหนึ่ง โชคดีที่ตลอดระยะเวลาการฝึกงานสามเดือนเธอขยันขันแข็งจนมีผลงานเข้าตา เจ้าของบริษัทจึงเรียกเธอเข้าพบพร้อมกับบอกว่า จะรับเธอเข้าทำงานทันทีที่เธอได้รับใบทรานสคริปต์
“จบแล้วมาทำงานกับพี่มั้ย”
“ที่โรงพยาบาลของครอบครัวพี่น่ะเหรอคะ”
บ้านนเรนทร์ร่ำรวยและมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคนในรัฐบาลไม่แพ้ตระกูลวราเศรษฐ์เลย