“แกนี่ทำให้ฉันขายหน้าจริงๆ ไม่รู้รึไงว่าให้ผู้ใหญ่รอนานมันเสียมารยาท”
ณหทัยทำแค่ฟังหูซ้ายทะลุผ่านหูขวา ไม่เก็บเอาคำพูดมารดามาคิดให้เปลืองสมอง เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงเจ็บปวดจนกลายเป็นบ้าตายไปตั้งนานแล้ว เพราะในสายตาบุพการีที่ไม่เคยอบรมเลี้ยงดูเธอเลยตั้งแต่เกิด ลูกแท้ๆ เช่นเธอก็มีสภาพไม่ต่างจากลูกกำพร้าสักเท่าไรนัก ไม่มีอะไรที่ท่านพอใจในตัวเธอเหมือนกับลูกนอกไส้อย่างเมษยา เธอทำอะไรก็ผิด แค่หายใจก็ยังผิด ต่างจากหล่อนที่ทำอะไรก็ดีเลิศไปเสียทุกอย่าง
บางที...เธอก็คิดว่าหากเมษยาเป็นลูกแท้ๆ ของพ่อแม่ไปเลยคงจะดีกว่า
“อย่าว่าลูกนักเลย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร”
ณหทัยแปลกใจจนต้องหันมองคุณปู่กล้า ไม่คิดว่าท่านจะได้ยิน แถมยังช่วยออกหน้าแทนเธออีกด้วย ทำเอาแม่เธอหน้าเจื่อนไปทันตาจนหันไปมองสามีขอให้ช่วย พ่อเธอจึงเปลี่ยนประเด็นด้วยการพูดโพล่งเข้าเรื่องที่รีบร้อนเดินทางมายังคฤหาสน์วราเศรษฐ์ว่า
“เรื่องการหมั้นหมายของพวกเด็กๆ ทางผมได้ข้อสรุปแล้วครับว่าจะให้ยัยเมย์หมั้นกับคุณเพลิงคราม เพราะทั้งคู่รักใคร่ชอบพอกันอยู่ ตัวยัยหม่อนเองก็รับรู้และอยากจะช่วยส่งเสริมพี่สาว แกเป็นคนเดินมาบอกผมกับคุณมลด้วยตัวเอง ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ ผมกับคุณมลเลยเห็นตรงกันว่าอยากจะตามใจลูกๆ เขาครับ”
นายพลกล้าในวัยเจ็ดสิบไม่ได้ฟังสิ่งที่ชูชัยพูดสักนิด ท่านมองหน้าเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ตบหลังมือณหทัยเบาๆ พลางเอ่ยถามน้ำเสียงอบอุ่นว่า
“หม่อน...จริงหรือลูก”
ณหทัยมองท่านอย่างซาบซึ้ง รู้ดีหากเธอเอ่ยปากว่าโดนพ่อแม่บังคับมัดมือชก ท่านพร้อมจะออกโรงปกป้องทวงความยุติธรรมให้แก่เธอเดี๋ยวนี้
แต่...เธอไม่ต้องการ!
“จริงค่ะ เป็นการตัดสินใจของหนูเองค่ะคุณปู่” เธอบีบมือที่เหี่ยวย่นตอบกลับเบาๆ แทนการยืนยันว่าไม่เป็นไร เธอสบายดี ขอให้ท่านอย่าได้เป็นห่วง
“ทั้งที่หนูมีสิทธิ์ทุกอย่างถูกต้องโดยชอบธรรมน่ะหรือ” ท่านมองตาเธอแน่นิ่งจริงจัง เอ่ยอ้างสิทธิ์ที่เธอมีอย่างเต็มที่ คล้ายจะตอกย้ำให้ทุกคนตระหนักรู้
ณหทัยยิ้มบางๆ อย่างนึกขอบคุณท่านจากใจ ก่อนเบนสายตาไปยังคู่รักที่นั่งเคียงข้างกัน สายตาเธอเผลอสบกับดวงตาเย็นชาของเพลิงครามเข้าอย่างจัง ทว่าหัวใจเธอกลับไร้วงคลื่นกระเพื่อม ผิดกับไม่กี่วันก่อนที่ยังเต้นแรงลิงโลด เพียงได้แอบมองเขาอยู่ไกลๆ
แต่เพราะคำพูดโหดร้ายในวันนั้น...
ใจเธอเลยพังยับ!
ความรู้สึกดีๆ แหลกละเอียดปลิวหายราวกับฝุ่นผงไม่มีเหลือ ตอนที่ทั้งตัวทั้งใจ รวมถึงใบหน้าถูกฉาบไว้ด้วยความเฉยเมยเย็นชาจนแน่นหนาไม่ต่างจากเขา ไม่มีทางที่ใครจะกะเทาะน้ำแข็งที่ห่อหุ้มหัวใจเธอออกเอามาเหยียบย่ำเล่นได้อีก
เพราะเจ็บแล้วจำคือคน แต่เจ็บแล้วทนคือควาย!
“หนูไม่ได้รักหลานชายคุณปู่ค่ะ และไม่ต้องการแต่งงานกับเขาด้วย” เธอเอ่ยช้าชัด ขณะจ้องตากับเขาไม่ยอมหลบ
“แกพูดบ้าอะไรหายัยหม่อน ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!” ชูชัยตวาดลูกสาว ร้อนรนกลัวว่าท่านนายพลใหญ่จะไม่พอใจจนนั่งไม่ติดที่ นิรมลที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก็ร้อนใจไม่ต่างกัน หล่อนหยิกแขนแม่ลูกสาวที่ไม่ได้ดังใจจนเนื้อเขียว ปากก็พร่ำขอโทษขอโพยครอบครัววราเศรษฐ์ยกใหญ่ว่า
“ขอโทษด้วยนะคะที่ดิฉันอบรมยัยหม่อนไม่ดี ถึงได้กล้าพูดจาเพ้อเจ้อไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ออกมาแบบนี้ กลับไปดิฉันจะลงโทษแกให้หนักๆ เลยค่ะ” ก่อนจะฟาดต้นแขนที่ฟกช้ำเพราะรอยเล็บฝังลึกซ้ำเต็มแรงจนม่วงคล้ำ เค้นเสียงคาดโทษเธอว่า
“ยังไม่รีบขอโทษคุณท่านอีกเหรอ”
“ขอโทษค่ะ” ณหทัยก้มหัวอย่างรู้สึกผิด ไม่ได้ทำตามคำสั่งมารดาเพราะความเจ็บปวด แต่เธอแคร์คุณปู่กล้ามากกว่า กลัวว่าท่านจะรู้สึกไม่ดี
“ขอโทษทำไม ไม่รักก็คือไม่รัก ตรงๆ แบบนี้สิดี ปู่ชอบ” นายพลกล้าตบเข่าฉาดหัวเราะชอบใจ ก่อนจะหันไปถามหลานชาย “แกล่ะว่ายังไงเจ้าคราม จะยอมหมั้นกับลูกเลี้ยงของพ่อชูชัยกับแม่นิรมลเขาไหม”
เมษยาแอบกำมือแน่น หล่อนเกลียดที่สุดเวลามีใครพูดถึงชาติกำเนิดต่ำต้อยที่หล่อนอยากกลบฝัง ซ้ำยิ่งไม่พอใจที่ตาแก่ตรงหน้าเห็นนังแพศยาใบหม่อนดีกว่าหล่อน ทั้งที่มันไม่มีสิ่งใดเทียบเทียมหล่อนได้เลยสักอย่าง ไม่เป็นที่รักที่ต้องการของใครสักคนแม้แต่พ่อแม่ของตัวเอง ขนาดคู่หมั้นของมันแท้ๆ ก็ยังถูกหล่อนแย่งความรักมาจนได้
เมษยาคิดอย่างลำพองใจ เชิดหน้าขึ้นน้อยๆ อย่างโอ้อวด สายตาเหลือบมองคนถูกถาม แต่แล้วก็ต้องชะงักใจคอเริ่มไม่ค่อยดี เมื่อเขาไม่มีปฏิกิริยาเลย ยังคงนั่งนิ่งสีหน้าเรียบเฉยตั้งแต่ต้นจนจบ เหมือนเรื่องที่คุณปู่ของเขาถามไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
เขาเป็นคนรักของหล่อนแท้ๆ แต่ทำไมเขากลับไม่พูดอะไรสักคำ ทำไมถึงไม่ปกป้องออกหน้าพูดแทนหล่อน...
หรือเพลิงครามเองก็จะดูถูกหล่อน?
คิดแล้วยิ่งร้อนใจจนเผลอกัดริมฝีปาก หล่อนเอื้อมมือไปแตะแขนเขาอย่างขลาดๆ ดวงตาคู่สวยฉ่ำวาวไปด้วยม่านน้ำตามองสบเขาอย่างเว้าวอน เอ่ยถามเสียงแผ่วหวิวราวกับคนหมดแรงว่า
“พี่ครามเองก็รังเกียจที่เมย์ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณพ่อคุณแม่เหรอคะ”