8-VALEN | กลับด้วยกันนะ (ว่าซ่านนน)

1914 Words
"คุณไปใส่เสื้อผ้าสักทีเถอะ ฉันขอร้อง" พอฉันบอก เขาก็ก้มมองของตัวเองทันที ก่อนที่จะรีบกุมมันไว้แล้วถามฉันต่อ "เธอกลับไฟลท์ไหน?" "ไม่รู้ ไม่แน่จะไปปูซานต่อสักวันสองวันแล้วค่อยกลับไทย คุณจะสนใจทำไมนักหนาจะออกตั๋วเครื่องบินฟรีให้ฉันเหรอ?" "ฉันจะชวนเธอกลับด้วยกัน" "ทำไมฉันต้องกลับกับคุณ?" ฉันเอียงคอถามด้วยความสงสัย จนผู้ชายตรงหน้าที่กุมเป้าตัวเองแสยะยิ้มที่มุมปากช้าๆ อืม...จะเท่ห์มาก ถ้าไม่กุมเป้ากางเกงตัวเองอยู่ "เหอะ เพราะไฟลท์ที่ฉันบินมีเพื่อนสนิทเธอบินด้วย แล้วรู้มั้ยว่าเพื่อนเธออ่อยฉันอยู่ ยัยนั่นอยากได้ฉันจนตัวสั่น" ฉันว่าแล้วไง! แต่ผู้ชายถึงกับออกปากขนาดนี้หล่อนคงร่านไม่เบาเลยนะน้ำอิง "แล้วคุณได้กับยัยนั่นรึยัง?" "ไม่ ฉันค่อนข้างเลือกกิน" พูดจบแล้วคุณนักบินก็เดินกุมเป้าไปที่ตู้เสื้อผ้า ก่อนที่เขาจะหยิบเสื้อคลุมออกมาใส่หลวมๆ รู้มั้ยว่าฉันถึงกับถอนหายใจโล่ง กว่าเขาจะยอมใส่เสื้อผ้าเหมือนคนปกติ เล่นเอาฉันมองจนปวดตาไปหมด "แล้วทำไมคุณต้องชวนฉันกลับด้วย ไม่กลัวว่าฉันจะตบกับยัยน้ำอิงบนเครื่องรึไง" "อยู่บนเครื่องเธอก็คือผู้โดยสาร ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรเธอไม่ได้หรอก กลับกับฉันแล้วไปเริ่มต้นใหม่ เธออยู่ที่นี่คนเดียวดิ่งเปล่าๆ" ฉันปล่อยมือจากที่ดึงกระเป๋าและมองตามหลังคุณนักบิน ก็จริงของเขา...ถ้าฉันยังตะเวนเที่ยวและอยู่คนเดียวมันไม่ดีขึ้นหรอก เพราะความทรงจำของฉันกับทิวไผ่ส่วนมากมันคือที่เกาหลี และยิ่งฉันอยู่กับตัวเองมันยิ่งทำให้ฉันฟุ้งซ่าน จมอยู่กับความทุกข์มหาศาลที่ฉันหลีกเลี่ยงไม่ได้ "ทำไมคุณถึงหวังดีกับฉัน?" ฉันตัดสินใจถามตามตรง ไม่คิดว่าในความโชคร้ายที่เกือบเอาตัวไม่รอด ฉันจะมีความโชคดี เจอคนที่หวังดีกับฉัน "ฉันหวังดีด้วยเพราะที่นี่มันต่างประเทศ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ใครจะช่วยเธอ?" "....." "ถ้าอยากเศร้า...กลับไปเศร้าที่บ้านเถอะ อย่างน้อยๆก็มีครอบครัวเธอรออยู่ ดีกว่าจมปลักอยู่ที่นี่คนเดียว" ดูสิ...เขาเป็นคนดีจริงๆ ถึงจะชอบโชว์อาวุธแต่เขาเป็นผู้ชายที่จิตใจดีคนนึงเลยนะ และเรื่องที่เขาพูด...เมื่อคืนฉันคิดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ว่าตัวเองต้องไปไหน? ทำอะไร? จัดการกับความเศร้านี้ยังไง? ฉันเหมือนคนเจอทางตัน แต่มีเขาเข้ามาชี้นำทางออกให้ "คุณกลับเมื่อไหร่?" ฉันถามนักบินหนุ่มที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้อาร์มแชร์เบาๆ โดยที่เขายังหันหลังให้อยู่ "คืนนี้ตีสอง เธอรอได้มั้ยล่ะ?" "อืมรอได้ คุณเป็นคนขับรึเปล่า" "ใช่ กลับด้วยกันนะ" อะไรกันวาเลน ทำไมแกต้องรู้สึกแปลกๆกับประโยคนั้นด้วย แกพึ่งรู้จักเขาเมื่อคืนเองนะ ถึงเขาจะช่วยแกและไม่ใช่นักบินธรรมดา แต่มันไม่ได้หมายความว่าแกจะไว้ใจเขาได้และยอมให้เขาเข้ามาตัดสินใจแทนแกทุกเรื่อง นี่อะไรเขาแนะนำอะไรหน่อยก็ทำตาม หนำซ้ำยังใจสั่นกลับคำว่า 'กลับด้วยกันนะ'อีกต่างหาก "ก็ได้ ฉันกลับพร้อมคุณก็ได้" ว่าจบฉันก็เดินไปนั่งที่โซฟาเปิดทีวีดู แอบรู้สึกเขินอยู่เหมือนที่ต้องอาศัยเขาอยู่ต่อแบบนี้ "เอ้อ เสื้อเชิ้ตกับบ็อกเซอร์ของคุณ ถึงไทยฉันจะซักรีดส่งคืนให้นะ" ฉันบอกเขาขณะที่ตาจ้องทีวีอยู่ จนคุณนักบินลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วตอบกลับมาว่า "ช่างมันเถอะ ไปกินปูดองกัน" "ชวนฉันเหรอ?" ฉันชี้ที่ตัวเองตกใจ ถ้าออกไปข้างนอกด้วยกันมันจะหมายถึงการเดทรึเปล่า เพราะนอกจากทิวไผ่ฉันก็ไม่เคยไปกินข้าวกับผู้ชายคนไหนสองต่อสองเลยนะ มันเหมือนช่วงที่ฉันมาเรียนภาษาที่นี่ แล้วทิวไผ่ชวนไปกินข้าว และหลังจากนั้นเราก็พัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นเรื่อยๆ จากเพื่อนกลายเป็นแฟน "ชวนผีในห้องมั้ง เธอจะไปรึเปล่า? อร่อยนะ ฉันบินมาเกาหลีทีไรต้องกินทุกที" "ฉันแกะไม่เป็นหรอก คุณไปเถอะ" ฉันปฏิเสธแล้วหันดูทีวีต่อ "แกะไม่เป็นก็กินทั้งเปลือก" สรุปฉันต้องไปใช่มั้ย เพราะเขาทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก็เดินเข้าห้องน้ำไปเลย และขณะที่ฉันนั่งรอคุณนักบินอาบน้ำเซ็ทผม ฉันก็ตัดสินใจเสิร์จนามสกุลเขาในกูเกิลอ่านข่าวเมื่อคืนต่อ 'สองบริษัทยักษ์ใหญ่ มาสเตอร์มอนสเตอร์และZERกรุ๊ป ร่วมลงทุนอสังหาริมทรัพย์' โครงการThe villa (Hi-end) โครงการหมู่บ้านใจกลางเมืองที่ครบครัน ราคาเริ่มต้นที่ 89 ล้านบาท เป็นการร่วมลงทุนของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่มีนักธุรกิจหนุ่มสาวไฟแรงอย่าง คุณเซอร์ อัครวิชญ์ อัครบดินทร์สกุล และคุณโบอิ้ง ณัชชารินทร์ พิทักษ์พงศ์ บริหาร เรียกได้ว่าเป็นที่จับตามองทั้งธุรกิจ และเรื่องความรัก เพราะมีข่าวซุบซิบมาว่า นักธุรกิจหนุ่มหล่อสุดแสนเพอร์เฟคอย่างคุณเซอร์ เขากำลังแอบปลูกต้นรักกับนักธุรกิจไฮโซสาวอย่างคุณโบอิ้งอยู่ หลังจากนั้นก็มีบทสัมภาษณ์ของพี่ชายฉันกับผู้หญิงชื่อโบอิ้ง ถ้าเข้าใจไม่ผิดน่าจะเป็นพี่สาวของคุณนักบินนั่นแหละ แต่บทสัมภาษณ์เป็นอะไรที่สองแง่สองง่ามมาก ราวกับพี่ชายฉันกับลังกุ๊กกิ๊กกับพี่สาวคุณนักบินอยู่จริงๆ ร้านปูดอง 하은 (ฮาอึน) สุดท้ายฉันก็ต้องมา แต่มาพร้อมคำถามมากมายอยู่ในหัว ถ้าเขารู้จักฉัน...แสดงว่าเขาก็รู้สิว่าพี่ๆของเรากำลังจะทำธุรกิจร่วมกัน และกุ๊กกิ๊กกันอยู่ "กินสิ นั่งมองหน้าฉันไม่อิ่มหรอกนะ" เขาชี้ไปที่จานปูดอง กุ้งดอง และสรรพสิ่งของดองบนโต๊ะด้วยมือที่เปื้อนน้ำซีอิ้ว ถึงจะเคยมีแฟนเป็นลูกครึ่งเกาหลี แต่ฉันไม่เคยกินของพวกนี้หรอกนะ มันเปื้อนมือ และดูกินยากชะมัด "ไม่กิน ฉันขี้เกียจแกะ" "ฉันลืมไปว่าเธอเป็นลูกคุณหนู" "ใช่ฉันเป็น แถมยังรวยติดอันดับประเทศจนคุณรู้จักฉัน แล้วนี่คุณรู้รึเปล่าว่าพี่เรากำลังจะทำธุรกิจร่วมกัน" "รู้ เผลอๆบ้านเราอาจจะดองกันด้วย" "ดอง ก็คือแต่งงานเลยงั้นเหรอ?" "ใช่ ฉันถึงอยากให้เธอรู้ไว้ว่าฉันน่ะไว้ใจได้ อยู่กับฉันปลอดภัยที่สุดแล้ว" ฉันเบ้ปาก ฉันคงรู้สึกแบบนั้นถ้าเขาไม่ใส่แค่บ็อกเซอร์เดินโด่เด่กลางห้อง แต่ไหนๆก็ออกมาทานอะไรด้วยกันแล้ว ฉันตอบแทนเขาไปเลยดีกว่า "ขอบคุณนะที่ช่วย เอาเป็นว่ามื้อนี้ฉันเลี้ยงคุณเอง" คุณนักบินที่กำลังแกะกุ้งเงยขึ้นมองฉันทันที ดูสิริมฝีปากปากเขาเลอะซีอิ้วด้วย "เลี้ยงถูกจัง" "อ้าว ก็ฉันไม่รู้ว่าจะได้เจอคุณอีกเมื่อไหร่ เลี้ยงแค่นี้ก็พอแล้ว" "ถ้าพี่เราดองกันเธอได้เจอฉันอีกแน่นอน ไว้วันนั้นฉันจะบอก ว่าฉันอยากได้อะไรตอบแทน" ทำดีหวังผลสินะ แต่หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ตอบอะไรเขาหรอก ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืด จึงนั่งมองเขากินปูกับกุ้งอยู่เงียบๆ แต่เห็นแล้วมันขัดใจที่ปากเขาเลอะซีอิ้วชะมัด "ปากคุณเลอะ" ฉันชี้บอก จนคุณนักบินใช้ลิ้นเลียริมฝีปากเบาๆ แต่พระเจ้า...ทำไมฉันต้องหน้าร้อนผ่าวด้วย ลิ้นของเขาน่ะมันสีชมพูมากเลย มันเป็นการเลียริมฝีปากที่ไม่ใช่การเลียธรรมดา ฉันอธิบายไม่ถูก แต่ฉันละสายตาไปไหนไม่ได้เลยจริงๆนะ "หายเลอะรึยัง?" เขาถาม "...." "เธอ ฉันถามว่าหายเลอะรึยัง?" ฉันหลุดจากภวังค์ส่ายหน้าตอบเขา ก่อนจะชี้ไปที่มุมปากเขาอีกครั้ง "ยะ...ยัง ยังเหลืองาติดอยู่" เขาเลียริมฝีปากอีกครั้ง อีกทั้งส่งปลายลิ้นไปที่มุุมปากอย่างแผ่วเบา จนฉันจึงรู้สึกไม่สบายใจ ยิ่งมองเขาเล่นลิ้นเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ทำไมปลายลิ้นคุณนักบินมันชวนมองแบบนี้ ทำไมฉันถึงรู้สึกแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน จนนานเข้าๆฉันทนไม่ไหว ถือวิสาสะเอื้อมไปหยิบเม็ดงาออกให้เขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรีบเช็ดมือแล้วหันไปทางอื่น หน้าฉันแดงรึเปล่าก็ไม่รู้...และถ้ามันแดงฉันจะบอกเขายังไงล่ะเนี่ย เป็นอะไรไปวาเลนแกพึ่งรู้จักเขาคืนเดียวเองนะ อย่าใจร่านเหมือนนังน้ำอิงสิ "เพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วยเช็ดปากให้ ฉันจะแกะกุ้งให้เธอหนึ่งตัว" "ไม่ ฉันไม่กินของดิบ" ฉันตอบโดยที่ไม่มองหน้าเขา แต่เมื่อเผลอปรายตามองไปที่จานของตัวเอง ก็เห็นว่าคุณนักบินเขาแกะกุ้งวางไว้ให้แล้ว "ลองสิ" "...." "อะไรไม่เคยลองก็ลองซะบ้าง เผื่อติดใจ" ฉันลอบถอนหายใจรำคาญ ก่อนสุดท้ายจะยอมใช้ช้อนเขี่ยกุ้งตัวนั้นอย่างพินิจ แค่สีก็ไม่น่ากินเอาซะเลย แล้วมันเป็นกุ้งสดด้วยนะ ท้องเสียขึ้นมาทำไง "อ้าปากสิ" "ว่าไงนะ อื้ออออ!~O.O" ฉันเบิกตากว้างยกมือปิดปากทันที เมื่ออยู่ๆคุณนักบินก็แกะกุ้งอีกตัวยัดเข้าปากฉัน คนบ้า คนทุเรศ ทำไมถึงอยากให้ฉันกินนักหนา!!! เอ๊ะ...แต่จะว่าไปก็อร่อยดีนะ เนื้อหวาน ไม่คาว อร่อยเลยล่ะ อร่อยมากด้วย "อร่อยดี แกะให้อีกหน่อยสิ" ฉันชี้บอกเขา ซึ่งแน่นอนว่าคุณนักบินส่ายหน้าเบาๆอย่างเอือมระอา แต่เขาก็แกะให้ฉันนะ ถึงจะมีบ่นอยู่บ้างว่าไม่ใช่เบ้หรือขี้ข้า เขาก็แกะให้ฉันกินตั้งหลายตัว หลังจากกินปูดองเสร็จฉันกับคุณนักบินก็ไปเดินเล่นกัน ซึ่งเขาเป็นผู้ชายสายกินมาก บอกว่าทานของของคาวต้องตบด้วยของหวาน เขาจึงพาฉันไปที่ร้านบิงซูร้านนึง ซึ่งคนเยอะมาก "เธอเคยกินบิงซูร้านนี้รึเปล่า?" "ไม่เคย ผ่านทีไรก็คนเยอะฉันขี้เกียจรอ " ฉันบอกเขาอ้อมๆ ว่าฉันไม่อยากยืนรอไปกับเขา แต่ได้ผลที่ไหน...นู่น!เขาเดินนำไปกดบัตรคิวซะแล้ว ขัดใจตลอดเลย "ได้คิวแล้ว อีกห้าคิว" ฉันรู้แบบนั้นก็ทำทีจะเดินหนี แต่มือใหญ่คว้าจับมือฉันไว้ทันที จนฉันชะงัก และค่อยๆหันกลับมามองมือของเรา "โทษที แต่ฉันอยากให้เธอลองอดทนรอสักครั้ง เผื่อว่าการรอครั้งนี้มันคุ้มค่า"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD