“ดีค่ะ งั้นอาพาหนูไปชมเรือยอร์ชหน่อยสิคะ เอาแบบทุกซอกทุกมุมเลยนะ”
“ได้สิจ๊ะ นาน ๆ อาจะได้เจอหลานสาวคนสวยสักที อาต้องดูแลเมย์อย่างดีที่สุดเลยหละ มาสิ!
อาจะพาขึ้นไปรับลมชั้นบน ดูพระอาทิตย์ตก”
เขาเอ่ยกับเด็กสาวด้วยสีหน้าและแววตากรุ้มกริ่ม หัวใจเต้นสั่น เลือดลมแห่งความเป็นชายสูบฉีดแล่นพล่าน อย่างที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้กับใครมานานมาก
สาวน้อยจ้องสบตาชายหนุ่มสุดหล่อ เพื่อนสนิทของผู้เป็นพ่ออย่างตั้งใจเป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้พบเจอและสนทนากันมาได้ครู่หนึ่ง
เธอยอมรับเลยว่า ภูระพัทดูต่างจากชายวัยเดียวกันคนอื่น ๆ มาก ทั้งใบหน้าที่ยังหล่อเหลาไร้ริ้วรอยสักขีด สีผิวที่คมเข้ม บวกกับร่างกายกำยำมาดแมนในชุดสูทลำลองของเขา ที่ดูจะเข้ากันอย่างมีเสน่ห์ไปซะทุกอย่าง
ช่างทำให้สาวน้อยใจสั่นระส่ำขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เมทิดาเอาแต่จ้องเขาอย่างนิ่งอึ้ง เนิ่นนานราวกับตกอยู่ในภวังค์ จนภูระพัทต้องเอ่ยเรียกชื่อเธอซ้ำอีกครั้ง
“ว่าไง ยัยเมย์?”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มนั้น ร้องเรียกเธอด้วยท่าทีอมยิ้มที่มุมปากอยู่ในที จนเด็กสาวรุ่นลูกถึงกับอายจนใบหน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นระส่ำร้อนรุ่ม
“เอ่อ...คะ อะไรคะอาภู!?!”
“เราขึ้นไปข้างบนกันเถอะ”
เขาบอกกับเธออีกครั้ง แล้วหันไปสั่งการกับเลขาหนุ่มลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ไกล และคอยทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในงานอยู่
“ฉันฝากนาย ดูแลจัดการทุกอย่างด้วยนะ”
“ได้ครับนาย!”
ชายหนุ่มวัยสามสิบเศษ หันมาพยักหน้ารับคำของเขา
“อืม...ฉันขอความเป็นส่วนตัวด้วยนะ อย่าให้ใครขึ้นไปรบกวนที่ชั้นดาดฟ้า”
ประโยคนั้น เข้ายื่นหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ ๆ ลูกน้องหนุ่มเพื่อย้ำให้ชัดว่า เขาต้องการจะอยู่ตามลำพังกับเมทิดา เพียงสองต่อสองเท่านั้น
“มาสิยัยเมย์ ไปกับอา”
เขาหันกลับมาเรียกสาวน้อยอีกครั้ง ก่อนจะเดินนำหน้าขึ้นไปบนบันไดเล็ก ๆ ของเรือ
เมทิดาทอดสายตาคม มองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มรุ่นใหญ่ด้วยประกายวาววับ พร้อมกับสาวเท้าตามไปแบบติด ๆ
“ส่งมือมาสิยัยเมย์ บันไดมันค่อนข้างชันน่ะ เดี๋ยวจะพลาดล้มได้”
ภูระพัทหยุดอยู่ตรงบันไดขั้นที่สาม แล้วหันหน้าคมเข้มมาหาเธอ พลางโน้มตัวลงมา ยื่นมือใหญ่ส่งให้เด็กสาว
“ขอบคุณค่ะอาภู”
เธอเอ่ยเสียงหวาน แล้วเอื้อมมือเล็กมาจับกับมืออุ่นของเขาไว้แน่น
ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้าของเรือยอร์ช
“ว้าว...สวยจังค่ะอาภู!”
เมทิดาดูจะประทับใจและตื่นเต้นมาก เมื่อขึ้นมาถึงดาดฟ้าเรือ ที่สามารถมองเห็นวิวทะเลยามใกล้ค่ำได้แบบรอบทิศทาง