ในขณะที่เรือกำลังแล่นช้า ๆ ออกจากฝั่งมาระยะหนึ่งแล้ว และจอดลอยลำอยู่กลางทะเลในยามพลบค่ำ
พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน จนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนจากสีฟ้าสว่าง เป็นสีครามแกมไปด้วยสีส้มอมเหลือง
“บรรยากาศดีและสวยมาก ๆ เลยค่ะอาภู”
สาวน้อยยืนเกาะระเบียงเรือ พลางยื่นใบหน้าสะสวยของเธอออกไปรับลมอย่างสดชื่น
“แน่นอนสิ! เมย์ชอบมั้ยหละ?”
ภูระพัทพูดพลาง เดินมาหาเธอที่ระเบียงเรือ แล้วยืนกอดอกกำยำ มองบรรยากาศระยิบระยับของทะเลเบื้องหน้า
ขณะที่สายลมเย็นเยียบ ก็พัดเข้ามาปะทะกับเรือนร่างของเขาและเธออยู่เป็นระยะ ๆ จนผมยาวสยายของเจ้าหล่อน ปลิวว่อนไหวไปตามแรง ราวกับว่ามันกำลังพากันเต้นระบำกันอยู่
จนภูระพัทต้องละสายตาจากท้องฟ้าเบื้องหน้า หันมาจดจ้องความงามของเมทิดา แบบไม่อาจละสายตาแทน
เด็กสาวหลับตาพริ้ม แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง พลางหันหน้าสะสวยมามองสบตากับเขา
“ชอบสิคะ...เมย์ชอบมากเลย ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลาย ปลอดโปร่ง แถมสบายใจแบบนี้มานานแล้วค่ะ”
เธอตอบ แล้วส่งยิ้มให้ ดวงตาเป็นประกาย
“อะไรกัน เป็นเด็กเป็นเล็ก มีเรื่องให้ต้องคิดขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่สบายใจอะไร บอกอาได้นะ”
เขายิ้มอย่างอบอุ่น แต่ร้อนรุ่มไปด้วยเสน่หาให้เธอ
“มีสิคะ แต่...พอได้อยู่กับอาภูแล้ว หนูกลับรู้สึกดีมากเลยหละค่ะ”
สาวน้อยตอบเสียงกระเส่า สบตาเขาอย่างเร่าร้อนไม่ต่างกัน
“ไม่เอาน่า...อย่ามองอาแบบนั้นสิยัยเมย์ มันทำให้อารู้สึก...เหมือนตัวเองกำลังออกเดทกับสาวสวยอยู่ยังงั้นหนะ”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มลึก แล้วเดินไปนั่งลงที่มุมโซฟาใต้หลังคาผ้าใบของเรือ ซึ่งมีแก้วสองใบกับไวน์แดงชั้นดี และกับแกล้มสองสามอย่าง วางพร้อมกันอยู่บนโต๊ะ
หลังจากที่มีพนักงานขึ้นมาเสิร์ฟ ทิ้งไว้ครู่หนึ่งแล้ว แต่ทั้งสองแทบไม่ได้สนใจเลย
เขาหยิบไวน์ขึ้นมาเปิด แล้วรินใส่แก้วด้วยท่าทีที่สุขุมใจเย็น ขณะที่สาวน้อยก็กำลังจ้องมองร่างใหญ่เบื้องหน้านั้นด้วยหัวใจสั่น ๆ อารมณ์กระสันภายในคุกรุ่น
“อ่าห์ พนักงานไม่ได้เตรียมน้ำผลไม้ขึ้นมาด้วยน่ะสิ งั้น...เดี๋ยวอาลงไปหาอะไรหวาน ๆ มาให้เมย์ดื่มดีกว่านะ”
เขาบอกกับเธอ หลังจากรินไวน์ใส่แก้วของตนเองเสร็จ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ! หนูจะดื่มไวน์กับอาภู ใครบอกกันหละคะ ว่าหนูจะดื่มน้ำผลไม้”
เด็กสาวตอบเสร็จ ก็เดินมานั่งลงข้าง ๆ ภูระพัทแล้วหยิบแก้วใบที่ว่างอยู่ยื่นให้เขา ชายหนุ่มอมยิ้มเบา ๆ พลางเอาไวน์รินใส่แก้วให้กับเธอ