เข้าห้องปกครอง

2330 Words
บทที่ 14 เข้าห้องปกครอง หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเป็นเวลาราว ๆ เกือบ 2 ชั่วโมง เลโออุ้ม รมิดามาไว้บนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจะเอนตัวนอนลงข้าง ๆ เธอ “คืนนี้ นอนที่นี่แหละ” เขาพูดพร้อมกับใช้นิ้วไล้พวงแก้มของหญิงสาวเบา ๆ จากนั้นคลี่ยิ้มจาง ๆ ออกมา “คนอื่นจะสงสัยไหมคะ” “หือ จะไปนึกถึงคนอื่นทำไมครับ ตอนนี้มีแค่เรานะ” “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” เธอตอบแล้วซุกตัวลงต่ำ ให้ใบหน้าอยู่ในระดับอกแกร่งของชายหนุ่ม มือเล็กหนึ่งข้างเอื้อมไปกอดเลโอเอาไว้ด้วยความรักใคร่ “ทำแบบนี้จะโดนอีกสักรอบดีไหมครับ” “อื้อ พอก่อนค่ะ ขอกอดแบบนี้ไปจนหลับไปก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปโรงเรียนอีก” “ว่าแต่ไปโรงเรียนเป็นยังไงบ้างครับ มีใครรังแกไหม” “ไม่มีค่ะ มีเรื่องหนึ่งค่ะ ที่ดาจะบอกคุณ” “เรื่องอะไรครับ” ชายหนุ่มถามด้วยความประหลาดใจ “เรื่องนาเดียร์ค่ะ…คือว่าวันนี้ฉันไปมีเรื่องกับเด็กที่โรงเรียนค่ะ เด็กพวกนั้นรุมแกล้งนาเดียร์ มาได้สองปีจะสามปีแล้ว เธอก็ไม่เอ่ยปากบอกใคร ถ้าหากวันนี้… ดาไม่ไปเห็นกับตา คงไม่รู้ว่าเธอถูกแกล้งหนักแบบนี้” “โดนแกล้งงั้นเหรอ?” “ค่ะ…โดนอาหารราดใส่ตัว ตัดชุดในล็อกเกอร์จนขาด ทำไปเพราะรู้ว่านาเดียร์เป็นเด็กกำพร้า…เรื่องนี้ดาไม่เคยรู้มาก่อนเลย ดาอยากให้เธอมีอนาคตที่ดี จึงได้ส่งให้ไปเรียนโรงเรียนดี ๆ ดาจึงจัดการเด็กคนนั้นไปแบบที่ทำกับนาเดียร์ เพราะโมโหค่ะ ” รมิดาพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “พรุ่งนี้ผมคาดเอาไว้ว่าอาจารย์น่าจะเรียกคุณเข้าห้องปกครอง และเรียกผู้ปกครองนะครับ” “ดาคิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ แต่ดาไม่อยากให้คุณพ่อรู้ ถ้าคุณพ่อรู้คงจะปวดหัวอีกแน่ ๆ ค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นให้ผมไปเป็นผู้ปกครองแทนนะครับในฐานะสามีก็แล้วกัน” “ว่างเหรอคะ” “เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญเท่าคุณแล้วครับ เรื่องงานให้หมิงจัดการแทนไปก่อน” “ค่ะ ถ้าหากอาจารย์เรียกเข้าห้องปกครองจะโทรเรียกคุณนะคะ” “ครับ” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับจ้องคนข้าง ๆ นิ่ง จนเธออดถามไม่ได้ “มีอะไรงั้นเหรอคะ” “เปล่าครับ แค่ผมคิดไม่ถึงว่าภรรยาของผมยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่ ทั้ง ๆ ที่อายุ 27 แล้ว หึ ๆ ” คนตัวสูงขำเบา ๆอย่างเอ็นดู “ใครจะไปคิดล่ะคะ ว่าดาต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในร่างน้องสาวของตัวเอง” “ไม่ต้องกังวลนะครับ ต่อจากนี้จะไม่มีใครทำอะไรคุณได้แล้ว จะได้อยู่ด้วยกันไปจนแก่เลย” “ค่ะ” คนตัวเล็กตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก กลัวว่ามันจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น สิ่งที่เธอยังกังวลตอนนี้คือ การที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องออกจากร่างนี้ตอนไหน ณ โรงเรียนเอกชนชื่อดังของประเทศ เวลา 12.00 น. กริ้ง ! เสียงสัญญาณดังจากลำโพงขนาดใหญ่ร้องระงม บ่งบอกว่าขณะนี้เป็นเวลาพักกลางวัน ครืด… เหล่านักเรียนในห้อง ต่างพากันลากเก้าอี้ที่ได้นั่ง พร้อมกับก้าวขาเดินออกจากห้องเรียนไป ในขณะเดียวกัน รมิดาในร่างคาริสาก็เก็บของใส่กระเป๋าสะพายอย่างลวก ๆ เพื่อที่จะไปพักผ่อนเช่นกัน “วันนี้ริสาจะกินอะไร” เสียงของลูแปงเอ่ยถามพร้อมกับสาวเท้าตามหลังมาติด ๆ “ไม่รู้ ลองดูก่อน ลูแปงล่ะ” “กินอะไรก็ได้ ขอแค่ให้ได้กินกับเธอ” เด็กหนุ่มหยอดเสียงหวาน ใบหน้าสวยหุบยิ้มทันใด หันไปแยกเขี้ยวใส่ลูแปง พร้อม ๆ กับชูกำปั้นขึ้นมา แล้วเอ่ยว่า “ลองกินกำปั้นดูก่อนไหม” “โหดจังอ่ะ” ชายหนุ่มหน้าตาดีทำสีหน้าขยาด เมื่อโดนสาวตรงหน้าถมึงทึงใส่ “เอ่อ….ขอคุยหน่อยได้ไหมคะ” เสียงอันคุ้นหู ดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้รมิดาหันขวับไปทางด้านหลังทันที “มีอะไรเหรอนาเดียร์” ริมฝีปากสีสวยเอ่ยถาม “ขอคุยสองคนได้ไหมคะ พอดีมีเรื่องอยากจะถาม” “ลูแปงช่วยไปรอที่โรงอาหารก่อนได้ไหม เดี๋ยวตามไป” เรียวปากเล็กพูดพร้อมกับส่งสายตากึ่งออกคำสั่ง ส่วนลูแปงได้แต่พยักหน้าเบา ๆ จากนั้นเดินออกไป เมื่อเห็นว่าบริเวณนี้ไม่มีใครแล้ว นาเดียร์จึงได้เอ่ยปากถามในสิ่งที่คาใจอยู่ “เรื่องที่ฉันจะคุยด้วย มันเป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติค่ะ…หลายวันมานี้…เดียร์ได้แต่คิดอยู่หลายรอบ พยายามเอาเรื่องมาปะติดปะต่อกัน มันทำให้ฉันสงสัยค่ะ” “สงสัยว่า…” “คุณคือคุณรมิดาใช่ไหมคะ” “…” คนที่ถูกถามชะงักไปชั่วขณะ แม้แต่นาเดียร์ก็จับทางได้ ดูท่าแล้วความลับครั้งนี้คงจะปิดเอาไว้ไม่ได้ “จริงใช่ไหมคะ…” เด็กสาวถามอีกครั้ง นัยน์ตาไหววูบ กุมมือตัวเองแน่น “ใช่จ้ะ ฉันคือรมิดา” ทันทีที่ริมฝีปากสีสวยพูดจบ ก็ถูกเด็กสาวตรงหน้าสวมกอด จนร่างบางเซถลาไปด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว พรึบ! “ฮึก….จริง ๆ ด้วย คุณยังไม่ตาย…ขอบคุณนะคะ…ขอบคุณที่กลับมาหาเดียร์” หญิงสาวสะอื้น ลืมตัวกอดรัดรมิดาแน่นขึ้น ในขณะเดียวกัน ใบหน้าสวยคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ ใช้มือเรียวลูบหลังของนาเดียร์เบา ๆ “ไม่ต้องร้องนะ” “ดีใจค่ะ…ดีใจจนร้องไห้เลยค่ะ ฮึก” เธอสะอื้นหนักขึ้น “ฮึบไว้นะ ฮึบ…แล้วไปกินข้าวกันเถอะ” “ค่ะ” “ดีมากจ้ะ” คนตัวเล็กยิ้ม จูงมือนาเดียร์ตรงดิ่งไปยังโรงอาหาร ทันใดนั้นเอง… “ขอให้นักเรียนที่มีรายชื่อดังต่อไปนี้เชิญมาพบอาจารย์ที่ห้องปกครองด้วยค่ะ….” เสียงประกาศแบบเรียบ ๆ ผ่านลำโพงของโรงเรียน ทำให้ร่างเล็กชะงักฝีเท้า เพราะหนึ่งในนั้นมีชื่อของเธอด้วย “นึกเอาไว้ไม่มีผิด” เรียวปากสีหวานพึมพำ “ขอโทษนะคะ เรื่องนี้เดียร์ดึงคุณไปเกี่ยวด้วย” นาเดียร์ก้มหน้า ดวงตาหุบลงด้วยความรู้สึกผิด รมิดาหันมามองใบหน้าของนาเดียร์ จากนั้นเอื้อมมือไปปกุมมือเล็กของเธอเอาไว้ ออกแรงบีบมันเบา ๆ เพื่อส่งกำลังใจให้เธอ “อย่ากังวล เรื่องนี้มันจะจบภายในวันนี้ ต่อไปจะไม่มีใครมารังแกนาเดียร์ได้อีก….เดียร์ไปห้องปกครองก่อนนะ เดี๋ยวฉันตามไป” “ค่ะ” “เชื่อใจฉันนะ” “ค่ะ” เด็กสาวพยักหน้า พร้อมกับเดินไปยังห้องปกครอง ไม่รอช้ารมิดาในร่างคาริสารีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย กดโทรออกหาเลโอทันที ปกติแล้วปัญหานี้เธอจัดการเองได้ แต่เธอได้เข้ามาอยู่ในร่างของเด็กที่อายุเพียง 18 ปี ต่อให้อธิบายไปเท่าไหร่ พวกผู้ใหญ่ก็ไม่มีทางเชื่อ ฉะนั้นต้องให้ผู้ปกครองของแต่ละฝ่าย รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนอาจารย์ที่โรงเรียนต้องออกมาตรวจตราดูแลนักเรียน ไม่ใช่ปิดหูปิดตา ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร เพราะครอบครัวของคนที่ก่อปัญหามีอิทธิพล จึงกลัวว่าตำแหน่งในโรงเรียนจะไม่ยั่งยืน ณ ห้องปกครอง “แกใช่ไหม ที่กล้ามีเรื่องกับลูกของฉัน” เสียงแว๊ด ๆ ของหญิงอายุ 45 ปี กำลังชี้หน้าด่านาเดียร์ โดยที่ไม่สนอะไรทั้งนั้น ในขณะเดียวกันรมิดาเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี พยายามใจเย็นแล้ว ฉีกยิ้มคุยกับผู้ปกครองตรงหน้า พร้อมกับส่งสายตาคู่สวยได้แต่เหลือบมองอาจารย์ฝ่ายปกครองซึ่งตอนนี้เป็นใบ้ไปแล้ว “คุณแม่ใจเย็น ๆ ค่ะ ฉันเป็นคนมีเรื่องกับลูกของคุณเองค่ะ” “แกเองงั้นเหรอ?” “ใช่ค่ะ” “พ่อแม่แกอยู่ไหน ทำไมไม่เรียกมา” “กำลังมาค่ะ” “ดี ฉันจะฟ้องซะให้เข็ด กล้ามาทำลูกรักของฉันได้ยังไง” “ถ้าฉันผิด ฉันยินดีค่ะ แต่ถ้าลูกของคุณผิด ต้องโดนด้วยเหมือนกันนะคะ” “กล้าดียังไง ลูกของฉันไม่เคยทำผิด อยู่ที่บ้านลูกฉันเป็นคนดี ไม่มีทางที่จะก่อเรื่องก่อน” เมื่อได้ยินประโยคสุดฮิตในตอนนี้ คนตัวเล็กได้แต่กรอกตามองบน ถอนหายใจหนัก ๆ พร้อมกับเบะปากด้วยความเบื่อหน่าย ‘แบบนี้เขาเรียกลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นสินะ รู้แล้วแหละลูกนิสัยเหมือนใคร’ “คุณแม่ใจเย็น ๆ ก่อนครับ นั่งลงดื่มน้ำเย็น ๆ ก่อน” เสียงอาจารย์ฝ่ายปกครองพูดแทรกเข้ามาในบทสนทนา น้ำเสียงสั่นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ “อย่าพึ่งมาสอด รู้ไหมว่าสามีของฉันเป็นใคร เขาเป็นถึงผู้จัดการฝ่ายผลิตของบริษัทเคอาร์กรุ๊ป อีกทั้งยังสนิทกับผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้ด้วย…คุณมาพูดแบบนี้ สงสัยอยากเปลี่ยนงานใหม่ใช่ไหม” “เฮ้อ ตัวลูกก็ไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร ตัวแม่ก็ไม่รู้ว่าสามีเป็นใครอีก สงสัยทั้งครอบครัวจะสมองเสื่อมจริง ๆ สินะ” คนตัวเล็กพึมพำเบา ๆ แต่หญิงอายุ 45 ปีกลับได้ยิน “ว่าไงนะ…นังเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!” หญิงวัยกลางคนโกรธจัด ยกฝ่ามือขึ้นเตรียมจะสั่งสอนรมิดา “คุณแม่ใจเย็น ๆ ครับอย่าลงไม้ลงมือ” อาจารย์ฝ่ายปกครองร้องห้าม เหมือนจะรู้ได้ว่าเหตุการณ์จะบานปลายมากกว่าเดิม ทว่าผู้ปกครองคนดีดูท่าจะไม่ฟังเลย รมิดาหลับตาปี๋ ยืนนิ่ง ๆ เพื่อรอรับชะตากรรม ให้ตบสักฉาดคงไม่เป็นอะไร ค่อยใช้กฎหมายเล่นงานเอาให้เข็ดไปเลย ทันทีที่ฝ่ามือจะสัมผัสถึงใบหน้าสวย เลโอรีบผลักประตูเข้ามา แล้วคว้าข้อมือของผู้ปกครองของ เด็กสาวคนนี้ไว้ หมับ! เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาใบหน้าเรียบนิ่ง ขบกรามดังกรอด ออกแรงบีบที่ฝ่ามือของหญิงวัยทองด้วยความโมโห เพราะผู้หญิงคนนี้ทำเกินกว่าเหตุ “ปล่อยฉัน!” หญิงวัยกลางคนตวาดกึ่งออกคำสั่ง “หึ” เลโอสะบัดข้อมือเหี่ยว ๆ ทิ้ง ทำให้ร่างของคุณหญิงคนนี้ เซถลาไปนั่งอยู่บนเตียงอย่างพอดิบพอดี “คุณแม่ คุณแม่เป็นอะไรไหมคะ” เสียงของเด็กสาวที่ก่อเหตุรีบปรี่มาดูอาการของผู้เป็นแม่ “ฉันจะฟ้องพวกแกให้หมด” “เชิญครับ” เลโอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สีหน้าไม่สะทกสะท้านใด ๆ มือหนาหยิบซองสีน้ำตาลออกมา พร้อมกับโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง แล้วพูดว่า “แต่ก่อนอื่นช่วยดูนี่ก่อนครับ” “ในคลิปเป็นวีดีโอที่เด็กนักเรียนถ่ายกันเอาไว้ ก่อนจะเกิดเหตุขึ้น มันมีคลิปของทุก ๆ วัน ดูท่าลูกสาวของคุณจะทำจนเคยตัวสินะครับ” “แบบนี้ยังเห็นว่าลูกเป็นคนดีอยู่ไหมครับ” “…มะ…ไม่จริง แล้วคุณเป็นใคร เป็นผู้ปกครองของยัยนี่เหรอ” คุณหญิงเอ่ยถาม “เป็นคู่หมั้นครับ” เลโอตอบตามความจริง “เฮอะ ที่แท้ก็เป็นเด็กใจแตก ยัยนี่ก็ไม่ได้เป็นคนดีน่ะสิ ถึงว่ากล้ามาทำลูกของฉันได้ ถึงยังไงฉันก็จะฟ้องพวกคุณ แต่นังหนูที่ไม่มีพ่อแม่นี่ ฉันจะให้เงินเยียวยาไปแล้วกันนะ จะเอาเท่าไหร่ล่ะ” ผู้ปกครองของหญิงสาวหันไปถามนาเดียร์ที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง “ผมนี่แหละครับ เป็นผู้ปกครองของเธอ ไม่รับเป็นเงินครับ เพราะผมมี” “เฮอะ ที่แท้ก็เด็กใจแตกอีกคน” กรอด! เลโอกัดฟันดังกรอด ตวัดสายตาอันคมกริบมองผู้หญิงตรงหน้า เขาพยายามข่มใจเอาไว้ให้เย็นลง เพราะที่นี่ไม่เหมือนกับสถานที่ทำงานของเขา “ได้ยินว่าสามีของคุณทำงานอยู่บริษัทเคอาร์กรุ๊ปใช่ไหมครับ” “ใช่น่ะสิ ทำไม” “เป็นบริษัทของคู่หมั้นผมพอดีครับ พักนี้ได้ยินคำร้อง ว่าผู้จัดการฝ่ายผลิตมักจะใช้อำนาจข่มขู่ลูกน้องบ่อย ๆ พอมาเห็นคุณแล้ว ข้อถกเถียงนั้นอาจจะเป็นความจริงครับ เรื่องนี้เอาไว้ก่อนครับ มาจัดการที่ต้นเหตุก่อนดีกว่า” “ผมจะให้คุณฟ้องร้องครับ ผมจะฟ้องกลับเช่นกัน แล้วก็เรื่องที่คุณพูดดูหมิ่นเมื่อครู่ด้วย ผมอัดเสียงไว้แล้วครับ ไว้เจอกันที่ศาลนะครับ” คุณหญิงหน้าซีดเผือด พอประติดประต่อเรื่องราวต่าง ๆ ได้ “สะ… แสดงว่านังหนูนี่คือลูกสาวตระกูลมาเฟีย ลูกสาวประธานบริษัทเคอาร์กรุ๊ป ส่วนคุณคือ… ละ.. เลโอ พึ่งรับช่วงต่อจากตระกูลเล ใช่ไหม” หญิงวัยกลางคนถามด้วยน้ำเสียงที่สั่น ดวงตาเบิกโพลงรู้สึกหวาดกลัวอย่างปิดไม่มิด คุณหญิงเป็นคนฉลาด รู้ดีว่าฟ้องร้องยังไงก็ไม่ชนะ เพราะอีกฝ่ายหลักฐานมีครบ หากดึงดันที่จะเอาชนะ เผลอ ๆ หน้าที่การงานของผู้เป็นสามีจะพังพินาศไปด้วย “ถ้าจะคิดแบบนั้น ใช่ ก็ได้ครับ” “อะ เอ่อ ฉันขอโทษแทนลูกสาว ฉันด้วยนะคะ ฉันสอนลูกฉันไม่ดีเอง ไม่ฟ้องแล้วค่ะ ไม่ฟ้องแล้ว…” คุณหญิงก้มหน้างุด ยอมทิ้งความทะนงตัวเมื่อรู้สถานะของคนตรงหน้า “แต่คุณแม่คะ” เสียงของลูกสาวเอ่ยทัก เพราะเธอยังไม่ยอมแพ้ จะมายอมแพ้ให้กับเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า ที่ชื่อว่านาเดียร์อ่ะนะ ไม่มีทาง เพี๊ยะ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD