ตอนที่ 3 ไม่ต้องรู้สักเรื่องได้ปะ?

1107 Words
"หนามไปด้วยเหรอวะ" เสียงพอยต์ที่ดังมาจากด้านหลังทำให้หนามเตยหันไปมอง ส่วนฟืนตอบโดยไม่ละสายตาจากหน้าจอ "กูจะแวะเข้าไปเอาของที่คอนโดก่อน" "อ่อ” พอยต์พยักหน้ารับรู้ “งั้นก็ไปเจอกันที่โน้นเลย หรือมึงจะเข้าไปหากูที่คอนโดก่อนแล้วค่อยไปพร้อมกัน" "ไม่ ไปเจอกันที่โน้นเลย" “โอเค ตามนั้น” "จะพากันไปไหนเหรอ?" หนามเตยหันไปถามพอยต์ ทว่าคนตอบไม่ใช่พอยต์แต่เป็นฟืนที่ยอมละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มองเธอด้วยสายตาขวางติดรำคาญเหมือนว่าเธอถามเรื่องที่ไม่ควรถาม "ไม่ต้องรู้สักเรื่องได้ปะ" หนามเตยขมวดคิ้วยุ่ง ถามแค่นี้ก็ผิดด้วยเหรอ? "ก็แค่อยากรู้ปะ ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบสิ" "แล้วจะอยากรู้ไปทำไม? ต้องรู้ให้ได้ทุกเรื่อง?" "เออ ต้องรู้ให้ได้ทุกเรื่อง มีไรมะ แล้วทำไมจะอยากรู้ไม่ได้ แล้วกูก็ถามพอยต์ปะ ไม่ได้ถามมึงปะฟืน มึงไม่อยากตอบก็แค่ยืนเงียบๆ มันไม่ยากเลย" หนามเตยถลึงตามอง เริ่มไม่พอใจคำพูดของฟืนขึ้นมาบ้าง พูดแบบนี้ไม่ต่างอะไรจากหาเรื่องสักนิด “แล้วจะถามทำไม?” “แล้วทำไมจะถามไม่ได้ แล้วเรื่องที่กูถามมันก็ไม่ใช่ความลับอะไรปะ ก็แค่ถามว่าจะไปไหนกัน มีตรงไหนที่ตอบไม่ได้” ฟืนเลิกคิ้วขึ้นสูง หรี่ตามองทว่าไม่ยอมพูดอะไร นั้นยิ่งทำให้หนามเตยโมโหหนักขึ้นกว่าเดิม “...” “ฟืน!...” ยิ่งฟืนนิ่งหนามเตยก็ยิ่งโมโหมาก อยากจะข่วนหน้านิ่งๆให้เลือดชิบ ทำไมชอบทำให้เธอโมโหนักนะ “เฮ้ย! ใจเย็น พอๆ พวกมึงสองคนก็ทะเลาะกันได้ทุกวันเนอะ มึงไม่เบื่อกันบ้างเหรอวะ แม่ง ทะเลาะกันทุกวัน หรือถ้าไม่ได้ทะเลาะกันแดกข้าวไม่ได้งี้?” พอยต์พูดด้วยน้ำเสียงเอือมระอากับเหตุการณ์ตรงหน้า ทะเลาะกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนอยู่ปีสามก็ยังไม่เลิก แล้วเรื่องที่ทะเลาะกันก็โคตรปัญญาอ่อน ถ้าไม่รู้ว่าพวกมันสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เขาคงคิดว่าพวกมันทะเลาะกันจริงๆ แล้วพอทะเลาะเสร็จก็ไม่มีใครง้อใครด้วยนะ หายเอง แล้วพวกมึงจะทะเลาะกันเพื่อ? เพิ่มความสนิทงี้? หนามเตยเม้มปากคว่ำหันไปมองฟืนตาขวาง ก็เห็นว่าฟืนเองก็มองเธออยู่ก่อนแล้ว แต่ทว่ายังไม่มีใครพูดอะไรประตูลิฟต์ก็เปิดออกซะก่อน “พวกมึงสองคนลงไปก่อนเลย” เป็นพอยต์ที่พูดขึ้นก่อน “แล้วมึงไม่ไป” หนามเตยถามกลับ "เดี๋ยวกูรอพวกนั้นก่อน" พอยต์พูดหลังจากหันไปมองโถงทางเดินทว่ายังไม่มีใครเดินออกมาจากห้องเรียน ลิฟต์โดยสารรอบนั่นก็เลยมีแค่ฟืนกับหนามเตยที่ลงมาด้วยกันแค่สองคน ปกติหนามเตยจะพูดจ้อคนเดียวไม่หยุดไม่มีทางปล่อยให้ความเงียบและความอึมครึมปกคลุมไปทั่วพื้นที่โถงลิฟต์เฉกเช่นตอนนี้ ทว่าอยู่ๆเธอก็รู้สึกลำคอตีบตันไม่อยากพูดอะไรขึ้นมาซะงั้น ห้องโถงลิฟต์ก็เลยเงียบกริบอย่างที่เป็น ถึงขั้นที่ได้ยินเสียงลมหายใจของคนข้างๆอย่างชัดเจน เมื่อออกจากลิฟต์ก็มุ่งตรงไปที่ลานจอดรถทันที ต่างคนต่างเดินไม่มีการชวนคุยใดๆ เมื่อเดินไปถึงรถ Audi สีดำคันคุ้นตาหนามเตยก็รีบเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งโดยไม่รอให้เจ้าของรถอนุญาต เมื่อรัดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยก็จัดการเปิดเพลงโปรดฟังทันที หวังใช้เสียงเพลงเพราะๆดับอารมณ์มาคุของตัวเองให้เย็นลง ทว่าครั้งนี้มันไม่ได้ผล อารมณ์มาคุก็ยังอยู่เหมือนเดิม เสียงเพลงที่เคยเพราะแทบไม่เข้ามาในโสตประสาทการได้ยินของหนามเตยเลย ถึงอย่างนั้นหนามเตยก็ไม่คิดจะปิดมัน ปล่อยให้เพลงดังไปเรื่อยๆ อย่างน้อยๆก็ยังพอให้รู้สึกว่าภายในรถไม่ได้เงียบจนเกินไป และอย่าหวังว่าพอเธอไม่พูดแล้วฟืนจะเป็นฝ่ายพูดก่อน บอกเลยว่าไม่มีทาง คงดีใจด้วยซ้ำที่ไม่ได้ยินเสียงเธอ ตลอดยี่สิบนาทีที่นั่งรถออกจากมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน ภายในรถจึงมีแต่เสียงเพลง เธอกับฟืนเหมือนคนเป็นใบ้ ไม่มีใครเปิดปากพูดอะไร มีแค่เสียงลมหายใจที่บ่งบอกให้รู้ว่าตัวเองไม่ได้นั่งอยู่ในรถคนเดียว จนกระทั่งฟืนขับรถเข้ามาจอดที่หน้าคอนโดของเธอ หนามเตยก็เปิดประตูลงจากรถทันที ไม่ได้หันกลับไปมองหรือพูดขอบคุณคนมาส่งเหมือนเช่นทุกครั้ง การทะเลาะกันที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องกับเป็นเรื่อง ถามว่าโกรธเหรอ? คำตอบก็คือ...โกรธ แล้วโกรธเรื่องอะไรล่ะ ในเมื่อที่ผ่านมาฟืนก็พูดกับเธอประมาณนี้ มองเธอด้วยสายตารำคาญอยู่เป็นนิตย์แบบนี้ คำตอบก็คือ...ไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะเธอใกล้จะเป็นเมนส์มั้งอารมณ์ก็เลยแปรปรวน โมโหง่าย หงุดหงิดง่าย เห็นอะไรก็ดูขวางหูขวางตาไปหมด แต่บอกเลยว่าครั้งนี้เธอจะไม่ยอมใจอ่อนเป็นฝ่ายพูดก่อนแน่นอน ถ้าฟืนไม่พูด เธอก็จะไม่พูด เรื่องอะไรเธอจะต้องเป็นฝ่ายง้อ คงเห็นว่าเธอง้อตลอดไงถึงได้เหลิง บอกเลยว่าครั้งนี้ไม่มีทาง ใครมันจะเป็นฝ่ายง้อได้ทุกครั้งวะ จริงมั้ย? เพราะไม่ต้องรอลิฟต์นาน ไม่ถึงห้านาทีก็ถึงห้อง หนามเตยใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็จัดการเอาผ้าลงเครื่องซักเรียบร้อย เสร็จแล้วก็เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ครัวเมื่อทำเมนูง่ายๆ สำหรับมื้อเย็น โชคดีที่ในตู้เย็นเธอมีไข่ไก่กับข้าวโพดสดและเห็ดฟางเหลืออยู่อย่างละนิดอย่างละหน่อย ก็เลยจัดการต้มมาม่าร่วมมิตรมันซะเลย นานแล้วเหมือนกันที่เธอไม่ได้ทำอาหารทานเองแบบนี้ ทว่าวันนี้ถ้าไม่โกรธ(งอน)คนมาส่งซะก่อนก็ไม่แคล้วบอกให้มันแวะซื้อบะหมี่ที่ร้านประจำแทน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD