อพาร์ตเมนต์เคที
ห้องเช่าเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่ใช้สอยเพียง 25 ตารางเมตร เป็นที่พักอาศัยของรัญชิดาและลลิตา ที่ช่วยกันแชร์ค่าห้องอยู่อาศัยร่วมกันเหมือนตอนก่อนจะได้ย้ายไปอยู่คอนโดหรูกับปัณณวิชญ์ในครั้งนั้น
จนกระทั่งวันที่เกิดเรื่องและโดนไล่ให้ออกจากชีวิตเขา เธอก็ซมซานกลับมาอยู่ห้องพักห้องเดิมตามฐานะที่ตัวเองมี
รัญชิดากำลังนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยผ่านมา วันนั้นที่ชีวิตมีตัวเลือกไม่มากนัก แต่เธอก็ต้องเลือกและตัดสินใจเลือกด้วยความเจ็บปวด นึกถึงคราใดก็ชวนให้น้ำตาซึมได้ทุกครั้ง
“ฉันมีข้อเสนอให้แกนะรัญชิดา หนึ่ง...ออกไปจากชีวิตของปัณณวิชญ์ด้วยวิธีไหนก็ได้ พร้อมเงินหนึ่งก้อนนี้ ทำให้ตาปัณณ์เกลียดแกและไล่แกไปจากชีวิตตลอดกาลซะ”
“สอง...ถ้าแกไม่ทำตามข้อหนึ่ง แกต้อง...เป็นของเล่นพวกนี้สักคืน พร้อมคลิปฉาวที่จะได้เอาไปให้ตาปัณณ์ดูว่าผู้หญิงที่เขารักมากเจออะไรบ้าง เขาคงรับไม่ได้หรอกใช่ไหมที่จะใช้ผู้หญิงร่วมกับไอ้พวกนี้?”
“คุณหญิง...” รัญชิดาแทบพูดไม่ออก รู้สึกมึนงงทำอะไรไม่ถูก
“เลือกข้อไหนล่ะ...ยังมีข้อสามอีกนะ จบชีวิตตัวเองซะ ฉันจะสงเคราะห์ให้เอง ไม่ต้องฆ่าตัวตาย ทุกอย่างก็จะได้จบลงแค่นี้ เลือกมาสิแกจะเอาข้อไหน”
"รัญ แกนั่งคิดอะไรอยู่น่ะ ดึกแล้วนะเมื่อไหร่จะนอน" ลลิตาเดินเข้ามาสมทบกับเพื่อนรักที่เอาแต่นั่งกอดเข่า เหม่อมองความนิ่งเงียบที่มืดสนิทอยู่ระเบียงหลังห้อง
"นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะลิตา ฉันชอบตอนกลางคืนที่สุดเลย ไม่อยากให้ต้องรีบเช้า" สายตาคู่เศร้าไม่ได้หันมามองจ้องหน้าเพื่อนสนิท แต่ยังคงจ้องมองเบื้องหน้าที่ปราศจากแสงไฟส่องสว่าง มีเพียงเสียงแมลงและเสียงกบร้องชวนให้ฟังเพลินมาก
"แกคงไม่อยากเจอหน้าเขาสินะ"
"ถึงจะเจอ เขาก็ไม่อะไรกับฉันหรอก เขาไม่มองหน้าฉันสักครั้ง คงเกลียดเข้าไส้แล้วจริง ๆ"
ลลิตาพาดแขนวางบนบ่าเพื่อนเบา ๆ รัญชิดาซบหัวพิงตัวเพื่อนเช่นเคย อย่างน้อยวันนี้เธอก็ยังเหลือลลิตาไว้ให้อยู่ข้างกายได้พูดคุยและปรึกษา เป็นมากกว่าเพื่อนสนิทที่เธอรู้สึกขอบคุณเพื่อนมาก ๆ เพราะลลิตามีแต่ความจริงใจมอบให้เสมอต้นเสมอปลาย
"ฝึกงานมาได้จะครบหนึ่งอาทิตย์แล้ว แกเก่งมากเลยนะรัญ"
"เพราะเขาไม่ให้ฉันไปวุ่นวายใกล้เขาหรอก ฉันเลยรอดมาได้แบบนี้"
"แต่เอาจริง ๆ นะรัญ ถ้าอิตาพี่ปัณณ์โกรธเกลียดแกจนมองหน้าไม่ติดจริง ๆ เขาไม่ปล่อยให้แกต้องมาฝึกงานที่นั่นเลยก็ได้นะ เพราะเขาเป็นเจ้าของ เขามีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ที่จะไม่ให้แกอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้นเลย เขาร้ายกับแกแค่สองวันแรกนะเว้ย ฉันยังงงว่าทำไมต้องทำแค่นั้น?"
"คงไม่อยากเป็นผู้ใหญ่ที่ชอบรังแกเด็กมั้ง ปกติเขาก็ไม่ใช่คนชอบแกล้งใครนะ ขนาดพี่อัยเขายังบอกเลยว่าเจ้านายเขาใจดีมาก เห็นจะไม่ดีก็แค่ตอนฉันมาฝึกงานนี่ล่ะ แต่ก็ช่างเถอะเขาไม่จำเป็นต้องมาทำดีกับฉันหรอก เพราะฉันก็ทำเขาเจ็บและเสียใจมากเหมือนกัน"
ลลิตาถึงกับผลักดันเพื่อนสาวให้ขยับตัวออกห่างเบา ๆ
"เลิกพูดแบบนี้สักทีเถอะรัญ มันเทียบกันไม่ได้หรอกกับสิ่งที่แม่เขาทำกับแกมา ใจจริงฉันยังอยากให้แกบอกเขาไปให้รู้แล้วรู้รอดด้วยซ้ำว่าที่แกกับเขาต้องเป็นแบบนี้มันเป็นเพราะใคร มันเป็นเพราะอะไรกันแน่"
รัญชิดาจ้องมองหน้าเพื่อนพร้อมกับส่ายหน้าให้เบา ๆ
"ฉันไม่มีวันผิดสัญญากับคุณหญิงหรอกลิตา คนเป็นแม่เขาก็รักลูก อยากให้ลูกได้แต่สิ่งดี ๆ ในชีวิตมันถูกต้องแล้วนี่นาหรือแกว่าไม่จริง?"
"เหอะ! ยัยคุณหญิงร้ายกาจนั่นรักตัวเองมากกว่าอ่ะแก โชคร้ายของพี่ปัณณ์มันที่ต้องมามีแม่แบบนี้ จะรู้บ้างหรือเปล่านะว่าแม่ตัวเองร้ายแสนร้าย ทำร้ายคนที่ตัวเองรัก ฆ่าแม้กระทั่งหลานที่บริสุทธิ์ได้ลงคอ"
ลลิตาโมโหทุกครั้งที่คิดถึงอดีตที่เคยเกิดขึ้น รัญชิดาที่ได้ยินเรื่องนี้ก็สะเทือนใจเธอทุกครั้งที่นึกถึง จนต้องยกมือขึ้นลูบหน้าท้องที่แบนราบของตัวเอง น้ำตาไหลพรากลงอาบแก้มอีกครั้ง
ลลิตาได้ยินเสียงสะอื้นไห้ก็ต้องรีบหันหน้ากลับไปมอง ก่อนจะรู้ตัวว่าเมื่อครู่เผลอพูดเรื่องสะเทือนใจให้รัญชิดาได้ยินอีกครั้งแล้ว
"รัญฉันขอโทษนะแก ฉันโมโห ฉันลืมตัว ฉันไม่ได้อยากให้แกต้องร้องไห้แบบนี้อีกเลยนะ"
"ไม่เป็นไรหรอกลิตา อาจจะเป็นโชคดีของเขาที่ไม่ต้องมาเกิดและมีแม่แบบฉันก็ได้"
เพราะเป็นเรื่องสะเทือนใจหนึ่งเดียวที่ไม่ได้ทำให้ตั้งตัวเลยสักนิด เธอยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัว ถ้าหากวันนั้นที่รู้ก่อนสักนิด ข้อเสนอที่คุณหญิงพราวฟ้าพยายามหยิบยื่นให้ เธอจะรีบรับเอาไว้และเดินจากไปมีชีวิตใหม่เงียบ ๆ ป่านนี้คงมีความสุขกับลูกน้อยที่แสนน่ารักของเธอและเขาแล้ว แต่นั่นมันก็เป็นได้เพียงแค่ความฝัน เพราะความจริงในตอนนี้เธอเสียลูกไปแล้ว แถมพอกลับมาเจอหน้าเขาที่เคยรักเธอก็กลายเป็นคนที่น่ารังเกียจน่าขยะแขยงสำหรับเขาไปแล้ว
"เฮ้ย...แกอย่าพูดแบบนั้นสิรัญ แกเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด แกเป็นแม่ที่ดีที่สุดได้ เพียงแค่วันนั้นมันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมของชีวิตแค่นั้นเอง แกอย่าคิดมากสิวะ"
"ถ้าเขายังอยู่ชีวิตฉันคงมีความสุขมากกว่านี้นะลิตา อย่างน้อยวันนี้เขาก็คงทำฉันยิ้มได้กับชีวิตบ้าง"
"รอวันที่แกพร้อมนะรัญ ฉันเชื่อว่าลูกที่จากไปเขาจะกลับไปอยู่กับแกอีก แกไม่รู้นะเว้ย แกไม่ผิด แกไม่ได้เป็นคนที่ทำร้ายเขาจนไม่ได้เกิดมาลืมตาดูโลกใบนี้ซะเมื่อไหร่"
"ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีมันก็ลืมวันนั้นไม่ได้หรอกลิตา มันเป็นภาพความทรงจำที่โหดร้ายที่คอยย้ำเตือนชีวิตฉัน"
"รัญ....เราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะนะ ฉันรู้ว่ามันลืมไม่ได้ แต่จดจำไปมันก็ไม่ใช่สิ่งที่แกควรจะทำนี่หว่า มันไม่ใช่เพราะเรื่องนี้เหรอชีวิตแกถึงไม่เคยมีความสุขเลย ฉันรู้ว่ามันลืมไม่ได้นะเว้ยแต่มันก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว แกไม่ได้ตั้งใจ มันไม่ใช่เวลาของเขาที่จะต้องเกิดมาเป็นลูกของแกนะรัญ"
จริงอย่างที่ลลิตาว่า มันไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะมีบ่วงมาผูกมัด เพราะอายุแค่สิบแปดปีในวันนั้น กับชีวิตที่ไม่มีอะไรให้ภาคภูมิใจสักอย่าง ถ้าต้องมีลูกในวันที่ไม่พร้อมจะเป็นแม่ เธอเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้ชีวิตจะเป็นแบบไหน สามปีที่ผ่านมาไม่เคยลืมวันที่ทำให้ชีวิตต้องเลือกทางเดินแบบนี้เลย อยู่ตรงนั้นเพื่อตายหรือเดินออกมาเพื่อให้ตัวเองรอด แต่ก็อย่างที่เห็นถึงวันนี้จะรอดมาได้ ชีวิตมันก็ไม่ต่างจากตายทั้งเป็นอยู่ดี ทุกวันนี้ก็เหมือนอยู่เพื่อชดใช้เวรกรรมที่หนักหนาสาหัสในชีวิต ได้แต่ภาวนาว่าขอแค่ให้ฟ้าเมตตากับชีวิตเธอบ้าง ไม่ต้องให้ได้อยู่มีความสุขมากมาย แต่ขอให้ได้สุขมากกว่าทุกข์ที่เคยพบเจอมาก็พอ...