ปัณณวิชญ์ยืนกอดอกหันหลัง มองจ้องวิวเมืองด้านนอกไม่ได้สนใจหันมามองคนที่เพิ่งเดินตามเข้ามา
"ท่านประธานมีอะไรกับรัญเหรอคะ?"
ร่างสูงหันหน้ากลับมาเผชิญ มองจ้องหน้าของรัญชิดาตาเขม็ง รัญชิดาก็มองหน้าเขา ไม่ยิ้ม นิ่งเงียบและเรียบเฉย
"เธอมาฝึกงานที่นี่ ควรจะรู้ตัวเองดีไม่ใช่เหรอว่าต้องทำงาน ไม่ควรจะสนใจอย่างอื่น"
"รัญก็ไม่ได้สนใจอย่างอื่นนี่คะ รัญก็ทำหน้าที่ของรัญดีอยู่"
"แต่เธอกำลังเอาเรื่องส่วนตัวมายุ่งอยู่ในที่ทำงาน เธอไม่รู้หรือไงว่าที่นี่มันมีกฎ ห้ามส่งของมาที่บริษัท เธอควรจะบอกผู้ชายของเธอนะว่าถ้าจะส่งดอกไม้ ส่งของมาให้ ให้ส่งไปที่อื่น ไม่ใช่ส่งมาบริษัทฉันแบบนี้!" น้ำเสียงเกี้ยวกราดต่อว่าขึ้นเสียงดัง
"ขอโทษค่ะ รัญไม่ทราบว่ามีห้ามแบบนี้ เดี๋ยวรัญจะบอกเขาค่ะ แค่นี้ใช่ไหมคะ?" รัญชิดาทำได้เพียงงุดหน้าลงต่ำมองพื้นไม่กล้าสบตาเขา
"ชู้รักเก่าคนเดิมของเธอสินะ รักกันนานดีนี่ ทุกวันนี้คงไม่ต้องหลบซ่อนอีกแล้วเนอะ จริงไหม?"
"ก็คงจะใช่ค่ะ"
"มีคนเดียวหรือคบซ้อนทีละหลายคนเหมือนเดิมล่ะ หัดซื่อสัตย์กับคนที่รักเป็นหรือยัง?"
รัญชิดามองจ้องหน้าคนที่ถามตาไม่กระพริบ ทำไมวันนี้เขาถึงอยากมาคุย อยากพูดกับเธอแบบนี้ด้วย ทั้งที่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับงานเลยสักนิด
"รัญไม่จำเป็นต้องตอบค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของรัญ"
"แต่เธอต้องตอบ! ถ้าฉันถาม ถ้าฉันอยากรู้ เธอก็ต้องบอกและเล่ามา"
แววตาคมดุฉายชัดขึ้นมาอีกครั้งจนดูน่ากลัว รัญชิดายืนบีบมือตัวเองเบา ๆ เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่กล้าสบหน้าสบตากับเขาอีก
"ถ้ารัญไม่บอก คุณก็จะไม่เซ็นผ่านงานหรือเปล่าคะ?"
"ตอนนี้ชีวิตเธอมันอยู่ในมือฉันแล้วนี่ บางทีฉันก็รู้สึกสนุกเหมือนกันนะที่เรากลับมาเจอกันอีกแบบนี้ เธอคิดว่าฉันควรจะทำยังไงกับเธอต่อไปดี"
ร่างสูงเดินอ้อมเข้ามาทางด้านหลังของหญิงสาว ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างบีบไหล่ของเธออย่างแรง รัญชิดาสะดุ้งเฮือก ทั้งเจ็บและนึกกลัว ก่อนที่เขาจะใช้แรงผลักจนร่างเล็กล้มไปนั่งกับพื้น
"โอ้ย!"
รัญชิดาแหงนเงยหน้าขึ้นจ้องมอง เขาแสยะยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย
"ออกไปซะ บอกไอ้ผู้ชายคนนั้นของเธอด้วยอย่าให้มันส่งอะไรมาที่นี่อีก"
รัญชิดาพยายามลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องทำงานของเขาไป เขาคิดว่าเธอไม่มีหัวใจ คิดว่าเธอเจ็บไม่เป็นหรืออย่างไร
ปัณณวิชญ์รู้สึกหงุดหงิดหัวเสียอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาเป็นอะไรกันนะ ยังหึงหวงรัญชิดาอยู่หรือเปล่า ทำไมรู้สึกไม่ชอบใจไม่พอใจ เพียงเพราะเห็นช่อดอกไม้และของฝากที่วางอยู่บนโต๊ะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาเห็นและรับรู้ ถึงจะทำเหมือนไม่สนใจ แต่ก็แอบใส่ใจจนหงุดหงิดตัวเองตลอดเวลา
"จะไปสนทำไมกับเรื่องของผู้หญิงคนนั้นวะปัณณ์ มึงจะไปให้ค่าให้ราคากับรัญชิดาอีกทำไม!" ถึงกับก่นด่าตัวเองขึ้นเบา ๆ พยายามสลัดรัญชิดาออกจากความนึกคิด จนกลายเป็นหงุดหงิดทำอะไรต่อไม่ได้
เวลาเลิกงาน
รัญชิดาเดินลงมายืนอยู่ที่หน้าบริษัท พร้อมกับรถสปอร์ตหรูยี่ห้อดังรุ่นใหม่ล่าสุดขับมาจอดเทียบ เมธัสที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์แสนสบาย รีบวิ่งลงจากรถอ้อมมาเปิดประตูให้กับรัญชิดาได้เข้าไปนั่งประจำที่
ปัณณวิชญ์ที่นั่งอยู่ภายในรถกำลังจะขับออกไป ถึงกับหยุดชะงักและมองไปยังรถคันนั้นไม่อาจละสายตาได้ จนได้เห็นหน้าผู้ชายคนนั้นชัดเจน ไม่ใช่ชู้รักคนเดิมที่เขาเห็นเมื่อสามปีก่อนนี่นา
"ผัวใหม่คนที่เท่าไหร่แล้วล่ะ เธอคงไม่ทำกับเขาเหมือนที่เคยทำกับฉันหรอกใช่ไหมรัญชิดา"
แค่คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร ฝ่ามือที่กำพวงมาลัยรถแน่นถึงกับเส้นเลือดนูนเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องสนต้องแคร์กับเรื่องแค่นี้ด้วย ทั้งที่พยายามบอกตัวเองว่ารัญชิดาจะทำอะไรมันก็เป็นเรื่องของเธอไม่เกี่ยวอะไรกับเขาแล้ว จะเก็บมาคิดมาปวดหัวอยู่ทำไมกัน
ภายในรถหรูที่กำลังขับเคลื่อนออกไปช้า ๆ รัญชิดานั่งเงียบไม่พูดไม่จากับเมธัส ผิดแปลกกับเวลาที่คุยโทรศัพท์กันมาก เพราะก่อนนอนทุกคืน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาโทรมาชวนคุยด้วยตลอด คุยบ่อย คุยนาน จนเหมือนคนที่รู้จักมักคุ้นมานานกว่าแค่รู้จักอาทิตย์เดียว อาจจะเพราะเขาเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิท รัญชิดาเลยสนิทใจที่จะพูดคุยแบบนี้
"เป็นอะไรหรือเปล่ารัญ ไม่พูดไม่จาเลยนะ เกร็งเหรอครับ?" ใบหน้าหล่อหันมายิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองจ้องถนนเบื้องหน้าต่อ
"เปล่าค่ะ วันนี้รัญแค่หงุดหงิดใจนิดหน่อย"
"เรื่องอะไร เล่าให้พี่ฟังได้นะครับ พี่จะเป็นผู้ฟังที่ดีเลย"
รัญชิดาหันหน้ามองเสี้ยวหน้าคมที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถอยู่ เขาคงเป็นผู้ชายคนที่สองที่ดีกับเธอและพูดคุยด้วยแล้วรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
"ขอบคุณสำหรับดอกไม้และขนมที่ส่งมาให้ทุกวันเลยนะคะ จริง ๆ พี่เสือไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้"
"ทำไมล่ะ รัญไม่ชอบหรือไงกัน"
"ชอบค่ะ ชอบมาก แต่ที่บริษัทเขาไม่ให้พนักงานรับของฝากจากคนนอกค่ะ"
"ฮะ! ทำไม มีแบบนั้นด้วยเหรอเนี่ย"
"ค่ะ วันนี้รัญโดนประธานบริษัทตำหนิมา ขอโทษนะคะพี่เสือที่รัญต้องบอกว่าไม่อยากให้พี่ส่งอะไรมาให้อีกแล้ว"
เป็นจังหวะเดียวกับที่รถต้องติดไฟแดง เมธัสจึงหันหน้ามามองใบหน้าสวยที่กำลังทำหน้าเศร้า เขายิ้มให้ ยื่นมือข้างซ้ายไปบีบแก้มหยอกล้อเล่นเบา ๆ
"ไม่ต้องทำหน้าเศร้าไปหรอก ถ้าเขาห้ามส่งของให้ งั้นพี่จะมารับมาส่งรัญทุกวันเลยดีไหมล่ะ"
รัญชิดามองจ้องสบตาคม แววตาของเมธัสดูจริงใจไม่เสแสร้งแกล้งทำเธอรับรู้ได้ มองหน้าเขากี่ครั้งก็รู้สึกว่าเป็นผู้ชายที่น่าคบหา ดูเป็นผู้ใหญ่ที่จริงใจ มันคล้ายกับครั้งที่เธอพบเจอกับปัณณวิชญ์เลย เธอไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานมาก มันคงจะดีมากกว่านี้ถ้าในหัวใจเธอว่างเปล่าไม่ได้มีคนในอดีตแล้ว
"ไม่เอาหรอกค่ะ รบกวนพี่เสือเปล่า ๆ พี่เองก็ต้องทำงาน ไม่ควรจะมาเสียเวลากับรัญขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ"
"พี่ไม่ได้คิดว่าตัวเองเสียเวลาเลยนะ อีกอย่างตอนนี้พี่ก็ว่างงานอยู่ เดือนหน้าโน่นถึงจะได้เข้าไปทำงานเต็มตัว พี่เลยจะถือโอกาสระหว่างนี้ให้เราสองคนได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น เผื่อเราจะพัฒนาความสัมพันธ์ได้เร็วกว่าที่เป็นอยู่ เอาจริง ๆ นะรัญพี่ชอบรัญตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เจอกันด้วยซ้ำ รัญอาจจะยังไม่เชื่อ แต่พี่จริงใจล้านเปอร์เซ็นต์" สายตาคมที่จ้องมองเธอมีแต่ความจริงใจและความมุ่งมั่น
ปิ๊บ ๆ ๆ
"ไฟเขียวแล้วค่ะพี่เสือ คงต้องรีบแล้วล่ะ"
ทำเอาเมธัสต้องรีบหันไปสนใจขับรถต่อ รัญชิดาจ้องมองเขาเพียงครู่ ก่อนจะนั่งนิ่งครุ่นคิดถึงคำพูดของชายหนุ่ม นานมากแล้วที่ไม่มีใครมาพูดให้ได้รู้สึกดีอย่างตอนนี้ที่เป็นอยู่
คงไม่ผิดอะไรที่ตัวเองจะเปิดใจให้กับผู้ชายคนนี้อย่างเต็มร้อย แม้ไม่รู้ว่าอนาคตในวันพรุ่งนี้มันจะต้องเจ็บปวดมากเหมือนที่ผ่านมาหรือเปล่า แต่ก็ยังคงเผื่อใจกับความไม่เท่าเทียมของเขาและเธออยู่ดี เขาที่ดีพร้อมประวัติจะซ้ำรอยเดิมหรือเปล่า แต่เท่าที่สัมผัสกับครอบครัวของรดามา พ่อและแม่ของเพื่อนรักแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ผิดกับคุณหญิงพราวฟ้ามารดาของปัณณวิชญ์มากมายเหลือเกิน