รัชวินปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของปัณณวิชญ์ เพื่อนรักที่ไม่ได้พบเจอกันมานานหลายเดือนโผเข้าหา โอบกอดทักทายกันเหมือนปกติที่เคยทำมา
"เฮ้! กลับมาจากฝรั่งเศสแล้วเหรอไอ้บอส"
"อืมกลับมาเมื่อ 2 วันก่อนน่ะ วันนี้เลยแวะเอาของฝากมาให้มึงกับแฟน เป็นไงบ้างวะทำไมหน้าตาดูไม่สบอารมณ์เลย"
ทั้งคู่พากันไปนั่งพูดคุยกันต่อที่โซฟารับแขกกลางห้องทำงาน
"เปล่านิ ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น"
"เออ เมื่อกี้กูเห็นเมียเก่ามึงด้วยนะ เขามาเป็นนักศึกษาฝึกงานกับมึงเหรอ โคตรบังเอิญเลยว่ะ"
ปัณณวิชญ์หันหน้าไปมองเพื่อนรักที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานนับสิบปี รับรู้เรื่องราวทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อนหน้า
"อืม...ไม่รู้ว่าจะกลับอีกมาทำไม แล้วกูต้องทำยังไงต่อวะบอส?"
"มึงมีแฟนแล้วนะเว้ย มันอยู่ที่มึงตัดสินใจเองทั้งนั้น มึงยังรักน้องมันอยู่หรือเปล่าล่ะ?"
"เหอะ! รักงั้นเหรอ มึงก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นทำเลวระยำอะไรกับกูไว้ มึงยังกล้ามาถามกูอีกนะว่ากูรักเขาหรือเปล่า กูมีแต่ความเกลียดและความแค้นที่เกิดขึ้นในใจ กูไม่ดีตรงไหน กูทำเลวกับเขาก็ไม่ใช่ กูดีแสนดี แต่มันเป็นผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าที่โคตรใจร้ายกับกูเลย"
"กูเข้าใจความรู้สึกมึงนะปัณณ์ ชีวิตมึงก็มีความสุขแล้วนี่ ตอนนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ไป เขามาฝึกงานก็ปล่อยให้เขาทำหน้าที่ของเขาไปสิ มึงก็ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก"
"กูเคยคิดว่ากูลืมเขาได้ แต่พอกลับมาเจอกันอีกครั้ง สรุปกูก็ไม่เคยลืมเขาลงเลย ภาพเหตุการณ์วันนั้นที่มันเกิดขึ้น กูแทบอยากบีบคอเขาให้ตายคามือ ทำไมผู้หญิงถึงไม่รู้จักพอแบบนั้นวะบอส"
ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นก็หวนกลับเข้ามาในห้วงคำนึงอีกหน รัญชิดาหายออกจากห้องพักติดต่อไม่ได้ถึง 2 วันเต็ม ๆ แต่พอเธอกลับมาที่คอนโดที่พัก ภาพบาดตาบาดใจก็ยังคงติดตาเขามาจนถึงทุกวันนี้ ความเลวระยำที่เธอได้ทำเอาไว้ไม่มีวันไหนที่มันจะลบจากความนึกคิดของเขาไปได้เลย
วินาทีนั้นเขาตะบะแตกทันที เขาเดินขึ้นเตียงนอนไปกระชากรัญชิดาออกจากตัวของผู้ชายแปลกหน้า สองกายที่เปลือยเปล่ากำลังโอบกอดกันอย่างมีความสุขมาก เขาพูดไม่ออกเมื่อเจอภาพบาดหัวใจที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิต เลือดขึ้นหน้าอย่างหนัก มือทั้งสองข้างกำแน่นเข้าหากัน พยายามคิดว่าภาพตรงหน้าคือฝันร้ายเท่านั้น แต่พอลองหลับตาแล้วลืมตาตื่นมันก็ยังเหมือนเดิม จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นลงจากเตียงในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อน รีบก้มลงหยิบจับเสื้อผ้ามาสวมใส่
“มึงเป็นใคร รู้จักกับรัญตั้งแต่เมื่อไรฮะ ตอบกูมาเดี๋ยวนี้!”
ตอนนั้นเขาถึงกับกระหน่ำหมัดหนัก ๆ ฟาดใส่หน้าชู้รักของเธออย่างไม่ปราณี
“ก็ผู้หญิงของมึงเบื่อของเดิม ๆ ไง กูจะเป็นใครไม่สำคัญสำหรับมึงหรอก แต่กูสำคัญกับรัญมากมึงรู้เอาไว้ซะ ไอ้หน้าโง่!”
ทำเอาเขาต้องกระหน่ำชกต่อยผู้ชายคนนั้นด้วยความโมโห จนเกือบจะตายคามือเขาแล้วด้วยซ้ำ
“หยุดนะพี่ปัณณ์! รัญบอกให้หยุด”
รัญชิดาร้องห้ามเสียงหลง ก่อนจะลงจากเตียงเพื่อห้ามอารมณ์ที่ดุร้ายนั้นของเขา ผู้ชายคนนั้นหยิบเสื้อผ้าไดก็วิ่งหายออกจากห้องไปแบบไม่คิดชีวิตเลย
ปัณณวิชญ์มองคนที่เพิ่งวิ่งออกไปจากห้องด้วยความอาฆาตรแค้น ก่อนจะหันหน้ามามองหญิงสาวที่เป็นคนรัก เขาเจ็บที่เธอทำแบบนี้ อุตส่าห์ตั้งใจยกเลิกประชุมด่วนเพื่อกลับมาหา เพราะรู้ว่าเธอกลับมาห้องพัก แต่สิ่งที่ได้เห็นกลับทำให้เขาแทบหยุดหายใจ
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร! ทำไมทำกับพี่แบบนี้? หายไปตั้งสองวัน กลับมาก็เอาผู้ชายมานอนห้องที่พี่ซื้อให้ มันจะมากไปแล้วนะรัญ ทำไมทำแบบนี้วะ ทำแบบนี้ทำไม!”
เขาแทบอยากกระชากร่างเล็กมาฉีกให้เป็นชิ้น ๆ สิ่งที่ได้เห็นมันตอกย้ำให้เขาได้รู้ว่าผู้หญิงที่เขารักหมดหัวใจทำเลวระยำได้ลงคอ เจ็บจนหายใจไม่ออก เจ็บจนกลายเป็นขยะแขยง รู้สึกรังเกียจกับร่างกายเธอ
“มันก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละค่ะ พี่เข้าใจถูกต้องแล้ว”
"เอากันมากี่ครั้งแล้ว รัญนอนกับพี่และมันพร้อมกันแบบนี้เหรอฮะ มันซ้ำรอยพี่ พี่ซ้ำรอยมัน แบบนี้เหรอวะรัญ มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ เหรอรัญ?"
"ค่ะ รัญทำแบบนี้มาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว พี่ปัณณ์รังเกียจรัญใช่ไหม"
“พี่รักรัญมากขนาดนี้ ทำไมยังทำกับพี่ได้ลงคอวะ เห็นความรักของพี่เป็นของเล่นหรือไง ไหนบอกว่ารักพี่คนเดียว คนรักกันเขาทำแบบนี้เหรอ เขาทำกันแบบนี้เหรอรัญ!!”
นาทีนั้นเขาถึงกับจับไหล่เล็กทั้งสองข้างเขย่าแรงหัวแทบหลุดออกจากบ่าด้วยความโมโห
“ที่หายไปหลายวัน เพราะชู้ที่พามานอนด้วยนี้ใช่ไหม! หายไปอยู่ด้วยกันมา พี่เข้าใจถูกใช่ไหมรัญ!"
“ใช่! เพราะรัญเบื่อพี่แล้ว รักที่มันน่าเบื่อ รัญอยากเจออะไรที่มันตื่นเต้นท้าทายกว่าไงคะ ที่หายไปก็เพราะรัญอยากมีความสุขกับคนที่ใช่กว่าและพี่เขาก็ดีกว่าพี่ปัณณ์หลายเท่า ดีกว่าทุกเรื่อง!”
เพียะ! เพียะ!
เสียงฝ่ามือตบใบหน้าสวยจนชาไปทั้งแถบ ณ.ตอนนั้นเขาหายใจแทบไม่ออกและพูดอะไรต่อไม่ได้เช่นเดียวกัน เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เขาลงไม้ลงมือกับเธอเพราะความโมโหและโกรธจัด
“เสียแรงที่ฉันรัก เสียแรงที่ฉันทุ่มเท เธอมันน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงที่สุดรัญชิดา ผู้หญิงแบบเธอไม่ควรได้ตายดี!”
“รัญหมดรักพี่มาสักพักแล้วค่ะ รัญขอโทษ ต่อจากนี้ไปรัญก็คงได้เลือกทางเดินของตัวเองสักที”
"จะไปตายที่ไหนก็ไปเลยนะ คนอย่างเธอคงไม่ได้เจอผู้ชายดี ๆ แบบฉันอีก ใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วออกไปจากห้องนี้ซะ มาแต่ตัวเธอก็ออกไปแค่ตัว เพราะห้องนี้มันเป็นของฉัน ผู้หญิงอย่างเธอไม่สมควรได้อยู่สุขสบายอีกต่อไป!”
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาและเธอต้องแตกหัก คิดถึงคราใดหัวใจมันก็ยังเจ็บแค้นไม่หาย ไม่ว่าชีวิตจะพบเจอใครคนใหม่มาแล้วสักกี่คน แต่ผู้หญิงที่เป็นรักครั้งแรกและเขาเคยรักมากจนไม่คิดเผื่อใจ เขาก็ไม่อาจจะลืมกับความเจ็บปวดที่เธอมอบให้เป็นรางวัลในชีวิต
"อะไรที่มึงปล่อยผ่านได้มึงก็ปล่อยผ่านไปเถอะปัณณ์ เมื่อกี้กูเห็นเหมือนน้องมันร้องไห้นะ มึงทำอะไรเขาหรือเปล่าฮะ?"
คำถามของเพื่อนสนิททำให้ปัณณวิชญ์สะดุ้งตื่นจากภวังค์ความนึกคิด ก่อนจะเหยียดกายพิงหลังไปกับโซฟาหรูแบรนด์ดัง
"กูไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น อ่อนแอเองหรือเปล่าถึงต้องร้องไห้ออดอ้อนให้คนอื่นเห็นใจ มึงสงสารเขางั้นสิไอ้บอส"
ปัณณวิชญ์หันหน้ากลับไปมองเพื่อน รัชวินยักไหล่ส่งให้แทนคำตอบ
"เขาดูเศร้า ๆ ไม่มีความสุขกับชีวิต ยังคบกับผู้ชายคนนั้นอยู่หรือเปล่าวะ ที่มึงบอกว่าเป็นชู้รักเขาน่ะ"
"กูจะไปรู้กับเขาหรือไง มาถามกูทำไม ทำไมไม่ไปถามเขาเองล่ะ มึงคิดว่ากูสนใจชีวิตเขางั้นสิ เหอะ! กูไม่ได้ให้ความสำคัญขนาดนั้นหรอก ผู้หญิงสำส่อน นึกขึ้นมากูยังโคตรขยะแขยงตัวเองเลย กูนอนกับผู้หญิงแบบรัญชิดาไปได้ยังไงตั้งนาน"
"แล้วทำไมมึงต้องดูหงุดหงิดหัวเสียแบบนี้ด้วยวะ ไม่รู้ก็จบ เอาไปเลยของฝากมึงกับแฟน กูอุตส่าห์หิ้วมาจากปารีสเลยนะเว้ย"
ถุงกระดาษแบรนด์เนมดังถูกยื่นส่งให้ตรงหน้า ปัณณวิชญ์จำต้องรับเอาไว้ก่อนจะวางไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม
"กูว่าจะขอขวัญแต่งงาน"
"ฮะ! เอาจริงดิ มึงพร้อมแล้วเหรอหรือมึงแค่อยากประชดคนแถวนี้?"
"ทำไมกูต้องประชดด้วยวะ กูกับขวัญคบกันมานานแล้ว เขาควรได้รับสิ่งนั้นตอบแทนไม่ใช่เหรอ เขาอยู่กับกูในวันที่กูเจ็บปวดที่สุด ทำให้กูเป็นผู้เป็นคนมาได้อย่างตอนนี้ เขาเป็นคนที่รักกูมากที่สุดหรือมึงว่าไม่จริง?"
รัชวินมองจ้องหน้าเพื่อนสนิท พร้อมกับพยักหน้าส่งให้ จริงทุกอย่าง ขวัญชนกเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ฉุดรั้งให้ปัณณวิชญ์กลับมาเป็นผู้เป็นคนได้อย่างตอนนี้ ถ้าหากจะลงเอยด้วยการแต่งงานมันคงไม่ใช่เรื่องที่แปลก แต่เพื่อนรักของเขาอยากจะแต่งเพราะความรักจริง ๆ หรือเพียงเพื่อประชดคนในอดีตที่เพิ่งหวนกลับมาเจอนี่สิคือสิ่งที่เขาไม่แน่ใจเลย