“คืนนี้ค้างกับฉันไหมคะ คุณจ้าวไม่ได้แวะไปที่คอนโดฯ ของฉันเป็นเดือนแล้ว ฉันคิดถึงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันจังเลยค่ะ”
มี่ฮวาออดอ้อนอย่างอ่อนหวานตอนที่ทั้งคู่ออกมาจากงานเลี้ยง และนั่งรถออกมาจากโรงแรม หญิงสาวทราบดีว่าจ้าวไป่เฟิงไม่ชอบให้ผู้หญิงของเขาไปวุ่นวายที่คฤหาสน์ตระกูลจ้าว และเธอก็จะไม่ทำให้เขารำคาญใจเป็นอันขาด เพราะการที่จะได้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่ควงของจ้าวไป่เฟิงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
และแน่นนอนว่าเธอไม่ได้หวังจะเป็นแค่คู่ควงของเขาหรอก หากแต่เธอหวังไปถึงตำแหน่งนายหญิงตระกูลจ้าวเลยต่างหาก
“เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน คืนนี้ฉันต้องการพักผ่อน”
“ได้ค่ะ”
มี่ฮวายังรับคำด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน ใบหน้าที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางชั้นดียังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่แม้ในอกจะคุกกรุ่นด้วยความไม่พอใจก็ตาม
“พราวเพตราส่งดอกไม้เสร็จแล้วก็กลับไปที่ร้านดอกไม้ครับ เธอเข้าไปในร้านแล้วไม่กลับออกมาอีก ผมเฝ้าอยู่ในรถเกือบๆ ชั่วโมง เลยเดาว่าเธอน่าจะอยู่ที่นั่น”
“ขอบใจ นายไปพักเถอะ”
จ้าวไป่เฟิงโบกมือให้เจิ้งสิงไปพักผ่อน อีกฝ่ายค้อมศีรษะให้ก่อนจะถอยออกไปจากห้องส่วนตัวของจ้าวไป่เฟิง ประตูห้องถูกปิดลงด้วยฝีมือของเจิ้งสิง จ้าวไป่เฟิงขยับเนกไทก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนออก เสื้อสูทที่พาดแขนก่อนหน้านี้ถูกวางไว้อย่างลวกๆ บนโซฟา บุนวมหรูหราก่อนที่เจ้าของห้องจะนั่งลง
คิ้วได้รูปที่พาดเหนือดวงตาเรียวรีขยับเข้าหากันจนเกือบชิด ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึ้ง ความหงุดหงิดฉายชัดในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น
“ทำไมเธอถึงได้ไปอยู่ที่นั่นพราวเพตรา”
ไม่ใช่ว่าจ้าวไป่เฟิงไม่รู้ภูมิหลังและประวัติของพราวเพตรา และเขาก็รู้ด้วยว่าที่หญิงสาวตั้งใจจะทำร้ายเขานั่นเป็นเพราะอะไร และคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นใครจ้าวไป่เฟิงรู้ดี แต่ที่เขายังไม่จัดการก็เพราะรู้ดีว่าไม่มีหลักฐานที่สาวไปถึงอีกฝ่ายได้ คำพูดของพราวเพตราอย่างเดียวไม่มีน้ำหนักมากพอ หากคนถูกกล่าวหาปฏิเสธเรื่องทุกอย่างก็จบ แต่เขาคิดว่าคนที่ทำตัวเป็นหมาลอบกัดแบบนั้นคงอยู่เฉยได้ไม่นานหรอก มันต้องหาหนทางอื่นมาเล่นงานเขาอีกแน่ และคงไม่ใช้ลูกไม้เดิมๆ อีก
และถ้ามันทำอีกเขาจัดการขั้นเด็ดขาดแน่
เป็นอีกครั้งที่จ้าวไป่เฟิงต้องพยายามสลัดภาพของพราวเพตราให้หลุดออกไปจากหัว แต่ยิ่งเขาทำแบบนั้นภาพหญิงสาวในหัวของเขาก็ยิ่งชัดขึ้นราวกับว่ามันฝังแน่นอยู่ในหัวของเขา
“บ้าฉิบ”
จ้าวไป่เฟิงสบถออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาไม่ต้องการคิดถึงผู้หญิงที่กล้าทรยศเขาอย่างพราวเพตรา อันที่จริงจะบอกว่าอีกฝ่ายทรยศเขาก็ไม่ถูกสักเท่าไรนักเพราะเจตนาที่เจ้าตัวเข้ามาใกล้ชิดเขานั่นเพราะต้องการทำร้ายเขา ถึงแม้หญิงสาวจะอ้างว่ามีเหตุผลที่จำเป็นก็ตามที
“ฉันจะไม่ยอมใจอ่อนให้เธอเป็นอันขาดพราวเพตรา”
บ้านตระกูลหยาง
ที่ห้องนั่งเล่น โจเซฟนั่งอยู่ตรงโซฟา เขาขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก ใบหน้าดูตึงไปทุกส่วนราวกับกำลังจะ ปริแตก
“ลูกบุญธรรมของเธอทำงานไม่สำเร็จ จ้าวไป่เฟิงมันยังอยู่” โจเซฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระด้าง
“ขอโทษค่ะคุณหยาง ตอนนี้ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเด็กนั้นหายหัวไปอยู่ที่ไหน บ้านมันก็ไม่ได้กลับนะคะ”
“หวังว่าลูกบุญธรรมของเธอจะไม่ปริปากเอ่ยถึงฉันหรอกนะ”
“แน่นอนค่ะคุณหยาง คุณวางใจได้ เด็กนั่นไม่มีทางปริปากแน่นอนค่ะ เพราะว่าคำว่าบุญคุณมันค้ำคอ ฉันรู้จักนิสัยของเด็กนั่นดี มันไม่กล้าทำให้ฉันเดือดร้อนหรอกค่ะ”
“ดี ฉลาดมาก เธอฉลาดกว่าที่ฉันคิดนะลู่ชิง”
คราวนี้โจเซฟยิ้มออกมาได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การยิ้มตรงมุมปาก แต่ใบหน้าที่ดูเคร่งเครียดก่อนหน้านี้ก็ดูผ่อนคลายลงมาก และนั่นก็ทำให้ลู่ชิงหายใจสะดวกมากขึ้น
“คราวนี้คุณหยางก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วนะคะ ไว้ค่อยคิดหาวิธีจัดการกับจ้าวไป่เฟิงใหม่ดีกว่าค่ะ ฉันยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่างเลยค่ะ”
“ดี ดีมากลู่ชิง ฉันคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ให้เธอได้อยู่ใกล้ฉัน”
“ขอบคุณค่ะคุณหยาง มาค่ะ ดื่มดีกว่า จะได้ผ่อนคลาย เดี๋ยวฉันคอยดูแลคุณหยางเองค่ะ”
ว่าแล้วลู่ชิงก็โน้มตัวไปหยิบบรั่นดีขึ้นมารินใส่แก้วแล้วส่งให้โจเซฟอย่างเอาอกเอาใจ ซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธการดูแลของเธอ เขาส่งเครื่องดื่มสีอำพันลงคอเพียงรวดเดียว ก่อนจะยื่นแก้วเปล่าไปตรงหน้าของลู่ชิง
“เติมอีก”
“ได้ค่ะคุณหยาง”
ลู่ชิงยิ้มกริ่ม ยกขวดบรั่นดีเทน้ำสีอำพันใส่แก้วให้โจเซฟอย่างเอาอกเอาใจ สีหน้าของโจเซฟค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และนั่นก็ถือเป็นความพอใจของลู่ชิง เพราะนั่นหมายความว่าอีกพักหนึ่งเธอต้องได้รางวัลที่ทำให้เขาพึงพอใจ
“น้าว่าหนูลองไปหาหมอดูหน่อยดีไหม เห็นตื่นมาตอนเช้าแล้วเวียนหัวทุกวันเลย ให้หมอเขาช่วยดูให้เผื่อเป็นอะไรมากจะได้รักษาได้แต่เนิ่นๆ”
ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของฟ่านหรูเต็มไปด้วยความกังวล พราวเพตราชะงักมือที่จัดดอกไม้ หญิงสาวยิ้มจางตอนที่มองฟ่านหรู
“จริงๆ แล้วพราวแค่เวียนหัวแค่ตอนตื่นเองค่ะ นอกนั้นก็ไม่มีอาการอะไรเลย”
“แต่ก็น่าจะลองไปตรวจดูหน่อยนะ น้าเกรงว่าบางทีหนูอาจจะมีปัญหาเรื่องความดันเลือด ให้หมอความช่วยดูให้น่าจะดีกว่า”
“งั้นพราวขอดูอีกสักอาทิตย์นะคะ ถ้ายังไม่หายเดี๋ยวพราวจะไปหาหมอค่ะ”
“ดีจ้ะ”
พราวเพตรารับคำสีหน้ากังวลใจของฟ่านหรูจึงค่อยผ่อนคลายลง อันที่จริงพราวเพตราก็อยากไปตรวจดูให้แน่ใจเหมือนกัน หากแต่ก็ติดอยู่ที่ปัญหาเรื่องเงิน และหญิงสาวก็ไม่อยากรบกวนฟ่านหรูในเรื่องนี้อีก นอกจากช่วยฟ่านหรูจัดดอกไม้แล้ว ช่วงเย็นพราวเพตราก็ยังทำงานพิเศษด้วยนั่นก็คือการส่งของ อีกหนึ่งสัปดาห์หญิงสาวก็จะได้ค่าจ้างในส่วนนั้นพอดี และนั่นก็น่าจะพอที่เธอจะไปหาหมอได้