2.2

1763 Words
“ไม่ต้องปลอบใจพี่หรอกน่า พี่รู้สภาพตัวเองดี” “รู้ดีอะไรกันล่ะคะ ถ้ารู้ดีพี่ต้องไม่คิดแบบนั้นสิ พี่รองลองคิดดูสิคะ บนเกาะฮ่องกงเนี่ย มีใครเป็นนักพัฒนาเกมที่เก่งเท่าพี่รองบ้าง คำตอบก็คือไม่มีเลยสักคนค่ะ เป็นไงคะ แบบนี้พี่รองของน้องสุดยอดไปเลยเห็นไหม” “ให้กำลังใจพี่เก่งจังนะ” “น้องพูดเรื่องจริงต่างหากล่ะคะ” จ้าวอี้เฟินยิ้มร่า ในขณะที่บนใบหน้าของจ้าวอี้ฟงปรากฏรอยยิ้มจางๆ ก่อนที่จ้าวอี้เฟินจะรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้พี่ชายต้องคิดเรื่องนั้นอีก “ไปเดินเล่นในสวนกันดีกว่าค่ะ ตอนนี้กุหลาบขาวกำลังบานสะพรั่งเต็มไปหมดเลยค่ะ เผื่อพี่รองจะได้ไอเดียในการเขียนเกมไงคะ ไปกับน้องนะ” สีหน้าของจ้าวอี้ฟงคล้ายลังเล แต่สุดท้ายก็ไม่อาจทานทนสายตาเว้าวอนของน้องสาวได้จึงตกปากรับคำในที่สุด “ก็ได้” “เย่” จ้าวอี้เฟินปรบมืออย่างดีใจ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำออกจากห้องทำงานของจ้าวอี้ฟง ส่วนจ้าวอี้ฟงก็ใช้รถเข็นไฟฟ้าในการพาตัวเองตามจ้าวอี้เฟินไป ที่จ้าวอี้เฟินไม่อาสาเข็นรถให้อีกฝ่ายเพราะทราบดีว่าพี่ชายไม่ต้องการความช่วยเหลือในส่วนนี้จากเธอเพราะจ้าวอี้ฟงไม่อยากรู้สึกเป็นภาระให้แก่คนอื่น ดังนั้นจ้าวอี้เฟินจึงไม่คิดที่จะทำให้จ้าวอี้ฟงรู้สึกด้อยค่าเป็นอันขาด นอกจากจ้าวไป่เฟิงจะถือครองบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดในฮ่องกงอย่างเจ.เอฟ.อินเตอร์เนชันนอลโฮลดิ้งส์แล้ว เขายังเป็นเจ้าของเจ.เอฟ.ทรานสปอร์ต ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือ และทั้งสองบริษัทก็ทำรายได้รวมกันหลักหมื่นล้านต่อปี ในวัยสามสิบเอ็ดปีแต่ฝีมือการบริหารงานอยู่ในขั้นยอดเยี่ยมจึงทำให้เขาเป็นที่จับตามองในแวดวงธุรกิจ นักธุรกิจหลายคนต่างสนใจที่จะได้ร่วมธุรกิจกับเขา ทั้งใบหน้าที่หล่อเหลาชนิดที่หาใครเทียบได้ยาก คิ้วได้รูปรับกับดวงตาเรียวรี นัยน์ตาของเขาเป็นสีน้ำตาล ดูลุ่มลึกราวกับว่าเขาซุกซ่อนปริศนาบางอย่างเอาไว้ และแน่นอนว่าไม่มีใครคาดเดาแววตาคู่นั้นออก เขามีจมูกโด่งคมสันรับกับริมฝีปากรูปหยักได้รูป และกรอบหน้าเรียวรับกับผมตัดสั้นสีดำสนิท บนใบหน้าคมคายเกลี้ยงเกลาจนเขาได้รับสมญานามว่ามาเฟียหน้าสวย เพราะแม้แต่เพื่อนสนิทของเขาที่เป็นมาเฟียเช่นเดียวกันก็เรียกเขาแบบนั้น แต่แน่นอนว่าลึกๆ แล้วทุกคนต่างรู้ดีว่าใบหน้าสวยของเขานั้นผกผันกับนิสัยอย่างสิ้นเชิง เด็ดขาด ดุดัน และไร้ความปราณีต่อคนที่คิดทรยศ หากแต่ความเป็นจ้าวไป่เฟิงต้องสั่นคลอนเพราะพราวเพตรา เขาเองก็หงุดหงิดไม่น้อยที่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปอย่างง่ายดาย เพราะหากเป็นคนอื่นพราวเพตราคงได้แหลกคามือเขาไปแล้ว ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก... จ้าวไป่เฟิงสลัดภาพของพราวเพตราที่แว่บเข้ามาในหัวออกไปตอนที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น คนที่ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของเขาคือหลวนซานลูกน้องคนสนิทของเขา “รถพร้อมแล้วครับคุณจ้าว” “อืม” จ้าวไป่เฟิงพยักหน้ารับพร้อมขยับตัวลุกจากเก้าอี้ หลวนซานรอให้คนเป็นนายเดินออกจากห้องไปก่อน จากนั้นเขาจึงเดินตามออกไปพร้อมดึงประตูปิดอย่างเสร็จสรรพ ตรงหน้ามุขคฤหาสน์ตระกูลจ้าวมีรถยนต์สีดำจอดเรียงกันอยู่ห้าคัน และแต่ละคันก็มีบอดี้การ์ดในสูทสีดำสนิทคอยประจำการ ส่วนหลวนซานกับเจิ้งสิงบอดี้การ์ดคนสนิทของจ้าวไป่เฟิงอยู่ในชุดเสื้อกังฟูสีดำ จ้าวไป่เฟิงเดินมาขึ้นรถคันที่จอดตรงกลางโดยมีเจิ้งสิงเปิดประตูให้ เมื่อคนเป็นนายนั่งที่เบาะนั่งเรียบร้อย เจิ้งสิงก็จัดการดันประตูปิด หลวนซานเองก็เดินไปนั่งที่เบาะนั่งข้างคนขับ ส่วนเจิ้งสิงก้าวยาวๆ ไปขึ้นรถคันแรก ก่อนที่ขบวนรถจะเคลื่อนออกจากคฤหาสน์ “น้าซ่งยังไม่กลับมาเลย น้ากังวลว่าจะเอากระเช้าดอกไม้ไปส่งให้ลูกค้าไม่ทันจริงๆ” “งั้นเดี๋ยวพราวไปส่งให้เองค่ะ” “หนูไปไหวใช่ไหม ไม่เวียนหัวแล้วใช่รึเปล่า” “ไม่แล้วค่ะ มีอาการแค่ช่วงตื่นนอนในตอนเช้า ตอนนี้พราวไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ สบายมาก” “งั้นน้ารบกวนด้วยนะ” “ได้เลยค่ะ” พราวเพตรารับคำอย่างกระตือรือร้น หญิงสาวลุกจากเก้าอี้ ตรงดิ่งไปตรงเคาน์เตอร์ขนาดไม่ใหญ่นักของร้าน หยิบกระเช้าดอกไม้ที่ตั้งอยู่ตรงนั้นขึ้นมา “พราวไปก่อนนะคะ แล้วจะรีบกลับ” “จ้ะ” ฟ่านหรูรับคำพราวเพตราจึงหิ้วกระเช้าดอกไม้ออกจากร้านไป หญิงสาวก้าวขึ้นรถจักรยานที่อยู่ตรงหน้าร้านก่อนจะพาจักรยานพร้อมกระเช้าดอกไม้มุ่งหน้าไปที่โรงแรมเอช จุดหมายปลายทางในการส่งของครั้งนี้ “เตรียมของขวัญเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” จ้าวไป่เฟิงถามหลวนซานถึงของขวัญที่จะมอบให้กับนักการเมืองคนหนึ่งในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของอีกฝ่ายตอนที่ขบวนรถของเขามาถึงหน้าโรงแรมเอช “ครับคุณจ้าว” “แล้วมี่ฮวาล่ะ” “รออยู่ด้านในแล้วครับ” จ้าวไป่เฟิงพยักหน้าทีหนึ่งเป็นการรับรู้ มือหนากระชับเสื้อสูทให้เรียบร้อย ก่อนจะก้าวลงจากรถที่จอดตรงเทอร์เรซของโรงแรมพร้อมกับลูกน้องหลายคนของเขาที่คอยตามคุ้มกัน ก่อนที่พวกเขาจะพากันเข้าไปด้านในตัวอาคารที่สูงระฟ้า พราวเพตราจอดรถเอาไว้ตรงพื้นที่สำหรับจอดรถจักรยานที่ตรงหน้าโรงแรมเอช มือเรียวหยิบกระเช้าดอกไม้ที่วางอยู่ตรงตระกร้าหน้ารถจักรยานขึ้นมาเท้าเล็กขยับมุ่งหน้าไปทางล็อบบี้ของโรงแรม “สวัสดีค่ะ ฉันเอาดอกไม้มาส่งให้คุณเหวินค่ะ ห้องสี่ศูนย์สาม” “สักครู่นะคะ” ประชาสัมพันธ์สาวรับคำก่อนจะเช็คที่หน้าจอคอมพ์เพื่อตรวจสอบชื่อลูกค้า ครู่หนึ่งก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้นสนทนากับปลายสายก่อนจะวางหูโทรศัพท์ลง “คุณเหวินให้เอากระเช้าดอกไม้ไปส่งให้ที่ห้องได้เลยค่ะ” “ขอบคุณค่ะ” พราวเพตรายิ้มขอบคุณ หญิงสาวเดินตรงไปที่ลิฟต์ ปลายนิ้วเรียวกดปุ่มเพื่อเรียกลิฟต์ ระหว่างรอลิฟต์เปิด พราวเพตราได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่มุ่งหน้ามาทางนี้ และนั่นเป็นเหตุให้ดวงหน้าเรียวรูปไข่เหลียวไปมอง หัวใจดวงน้อยเต้นถี่รัวขึ้นเมื่อกลุ่มคนที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้คือจ้าวไป่เฟิงกับบอดี้การ์ดของเขา ชั่วเสี้ยววินาทีต่อมาความปวดหนึบก็ก่อตัวขึ้นในอกของหญิงสาว เพราะนอกจากบอดี้การ์ดของเขาแล้ว ข้างกายของจ้าวไป่เฟิงยังมีผู้หญิงหน้าตาสะสวยในชุดราตรีสีแดงเพลิงหรูหรา และพราวเพตราก็รู้ดีว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร มี่ฮวา คู่ควงคนล่าสุดของจ้าวไป่เฟิง และเป็นนางแบบที่มีชื่อเสียงพอสมควรในฮ่องกง พราวเพตราคิดจะหลบฉากแต่ดูเหมือนว่าไม่ทันเสียแล้ว เพราะหญิงสาวไม่ทันขยับเท้ากลุ่มของจ้าวไป่เฟิงก็มายืนข้างๆ เธอพอดี “หลีกไปสิ ไม่เห็นหรือไงว่าคุณจ้าวจะใช้ลิฟต์” เจ้าของคำพูดคือมี่ฮวา พราวเพตราหันไปมองอีกฝ่ายแว่บหนึ่งโดยเลี่ยงการมองใบหน้าหล่อเหลาของจ้าวไป่เฟิงจึงไม่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาที่เธอ พราวเพตรายอมหลบฉากถอยออกมาอย่างง่ายดายโดยไม่ได้โต้แย้งอะไรเพราะหญิงสาวตั้งใจจะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว จังหวะนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดพอดี จ้าวไป่เฟิงก้าวไปด้านในพร้อมกับกลุ่มบอดี้การ์ดที่ติดตามเขามาและมี่ฮวาที่ควงแขนมาเฟียหนุ่ม ประตูลิฟต์ค่อยๆ เลื่อนปิดระหว่างนั้นพราวเพตราทำได้เพียงหลุบสายตามองปลายเท้าของตัวเอง หญิงสาวจึงไม่เห็นว่านัยน์ตาสีน้ำตาลของจ้าวไป่เฟิงมองมาที่เธอแบบตาไม่กะพริบ จนกระทั่งประตูลิฟต์ปิดสนิทพราวเพตราถึงได้เงยหน้าขึ้นมา หญิงสาวขยับเท้าไปกดเรียกลิฟต์และรอคอยการเปิดของลิฟต์อีกครั้งด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง แต่พราวเพตราทราบดีว่าเธอทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้เลยสักนิด “เธอเข้าไปก่อน เดี๋ยวฉันตามเข้าไป” “ค่ะคุณจ้าว” มี่ฮวารับคำอย่างไม่อิดออด หญิงสาวก้าวเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงงานวันเกิดของนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่ง โดยมีหลวนซานกับบอดี้การ์ดอีกหนึ่งคนเดินตามหญิงสาวไป โดยเจิ้งสิงกับบอดี้การ์ดที่เหลือยังอยู่กับจ้าวไป่เฟิง “ส่งคนตามไปดูว่าพราวเพตรามาทำอะไรที่นี่” “ครับคุณจ้าว” เจิ้งสิงรับคำก่อนจะเดินออกไปพร้อมบอดี้การ์ดสองคน ส่วนที่เหลือเดินตามจ้าวไป่เฟิงเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง หลังจากกดกริ่งและรออยู่พักหนึ่ง เจ้าของห้องก็มาเปิดประตู พราวเพตราจัดการส่งกระเช้าดอกไม้ให้ลูกค้าพร้อมรับเงิน หญิงสาวค้อมศีรษะน้อยๆ เป็นการขอบคุณก่อนจะเดินจากมาเมื่อประตูห้องปิดลง ร่างเล็กเดินกลับเข้าไปในลิฟต์อีกครั้งโดยไม่รู้ว่าถูกเจิ้งสิงกับลูกน้องจับตามองและตามเธอไปโดยใช้ลิฟต์อีกตัว พราวเพตราก้าวขึ้นรถจักรยานที่จอดอยู่หน้าโรงแรมก่อนจะปั่นออกไป โดยมีเจิ้งสิงกับลูกน้องขับรถตามไปห่างๆ และตามไปจนรู้ว่าพราวเพตราจอดรถจักรยานแล้วเข้าไปในร้านดอกไม้ร้านหนึ่ง พวกเขาเฝ้าอยู่ในรถอีกเกือบๆ ชั่วโมง แต่ก็ไม่เห็นว่าพราวเพตรากลับออกมาอีก เจิ้งสิงจึงค่อนข้างแน่ใจว่าพราวเพตราคงอยู่ที่นี่ ก่อนที่เจ้าตัวจะพึมพำด้วยสีหน้าครุ่นคิดว่า “ทำไมพราวเพตราถึงได้มาอยู่ที่นี่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD