บทนำ
@C Club
“ไอ้พาย ตกลงมึงหายอกหักจากใบเฟิร์นหรือยังวะ”
น้ำเสียงราบเรียบจากเจ้าของผับอย่างนักรบที่เดินลงมาจากชั้นสามเอ่ยถามเพื่อนสนิทเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังนั่งดื่มเหล้าสีหน้าเบื่อโลกนามว่า พระพาย ตรงมุมหนึ่งของโซนซึ่งเป็นที่นั่งประจำของกลุ่ม
พระพาย จันทรวัชรโภคิน ชายหนุ่มอายุยี่สิบเอ็ดปีหน้าตาหล่อคม จมูกโด่ง คิ้วเรียงเป็นรูปทรงสวยงามและมีความหนาที่พอดี ริมฝีปากสวยที่รับกับโครงหน้าเสมือนรูปปั้นกรีกพอดิบพอดี นัยน์ตาราบเรียบมีเสน่ห์แต่แอบซ่อนความแพรวพราวตามฉบับหนุ่มเพลย์บอยไว้ให้เห็นเล็กน้อย และภายใต้ความเรียบนิ่งตามฉบับหนุ่มวิศวะพ่วงด้วยตำแหน่งพี่วินัยของคณะเขาได้แอบซ่อนความทะเล้นไว้เล็กน้อยพอหอมปากหอมคอเช่นกัน
พระพายหนุ่มโสดเจ้าของชื่อที่น่าสนใจ เล่าขานได้ว่าเขาคือคาสโนว่าตัวพ่อของกลุ่ม แต่หลังจากที่ได้พบเจอกับสาวคณะบริหารอย่างใบเฟิร์นเพื่อนสนิทของลูกพีช เขาก็ดูเหมือนจะของเสื่อม จากที่เคยเจ้าชู้ก็ตัดสาวในฮาเร็มออกจนหมดเกลี้ยงเพื่อมาสานสัมพันธ์กับสาวสวยอย่างใบเฟิร์นเพียงผู้เดียว
แต่ความรักก็ไม่ราบรื่นเนื่องจากทั้งคู่มีปากเสียงกันบ่อยครั้ง ง้องอนกันหลายครั้งหลายคราจนสุดท้าย ณ ตอนนี้ก็เหมือนจะห่างเหินกันไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็แยกย้ายกันไปเมื่อคำว่าเลิกได้ออกจากปากของอีกฝ่ายอย่างใบเฟิร์นเป็นที่เรียบร้อย
คนที่ไม่เคยขาดสาวๆ อย่างเขาจึงต้องมานั่งซบพิงพนักโซฟาเพิ่มระดับความเป็นนักดื่มมือทองพ่วงด้วยสภาพน่าหดหู่ที่ผับของเพื่อนสนิทอย่างอนาถใจในตอนนี้แทน
“อกหักเหี้ยไร คนอย่างกูมันอกหักได้ด้วยเหรอวะ” น้ำเสียงฉุนเฉียวตอบกลับเพื่อนสนิทอย่างนักรบก่อนจะตวัดสายตาลงไปมองภาพผู้คนด้านล่างที่กำลังออกสเต็ปโยกตัวเบาๆ ตามจังหวะเพลงที่ดีเจเปิดท่าทางไม่แยแสเท่าไหร่นัก
“หึ พูดให้ดูเท่แต่สีหน้าอย่างกับหมาหิวนมแม่ มึงเอาอะไรมาไม่อกหักว่ะกูถามหน่อย”
เจ้าของผับร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรอย่างนักรบว่ากลับพร้อมย่อนกายนั่งลงบนโซฟาตัวยาวข้างๆ มาร์ตินหนุ่มหล่อหน้านิ่งอีกคนของกลุ่มซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโซฟาของพระพายและไคโรเพื่อนอีกคนในกลุ่มที่นั่งอยู่ด้วยกันหลังจากที่สายตาตัวเองเห็นว่าพระพายนั่งเหมือนคนอมทุกข์แค่ไหนที่ตอนนี้กลายเป็นคนโสดไปเรียบร้อยแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
เนื่องด้วยใบเฟิร์นเจอหนุ่มหล่อที่ตรงสเปคมากกว่าและชัดเจนกว่าไอ้เพื่อนตัวดีของเขาที่นั่งทำหน้าเซ็งอยู่ตอนนี้ สภาพมันเลยเป็นอย่างที่เห็น
“ไอ้สัส คนมีเมียอย่างมึงนี่นับวันก็ยิ่งปากดีเข้าไปทุกวันเลยนะไอ้รบ”
“ช่วยไม่ได้ กูไม่ได้ใจโลเลแบบมึงนี่หว่า” นักรบยักไหล่ตอบกลับไปอย่างไม่แยแส ก่อนจะยกแก้วแล้วขึ้นไปดื่มสีหน้ายิ้มเยาะในเวลาต่อมา
“เหอะ ครับกูมันเหี้ย กูมันเจ้าชู้ กูมันใจโลเล กูจะไปสู้พ่อเทพบุตรมาเกิดอย่างพวกมึงได้ไงล่ะ โธ่กลัวเมียอย่างพวกมึงปากเก่งได้แค่นี้แหละ ไอ้ควาย!”
“ไอ้สัส พูดงี้มึงจ่ายค่าเหล้าที่แดกมาเลยไอ้สันดานเสีย” นักรบได้ยินพระพายว่าอย่างนั้นถึงกับเดือดดจนต้องสวนกลับไป
“กูไม่จ่ายเว้ย! และกูจะแดกให้ร้านมึงเจ๊งด้วยไอ้รบ”
“มึงนี่แม่ง…”
“กูว่าพวกมึงหยุดตีกันก่อนได้ไหม กูแม่งหนวกหูฉิบหาย ไอ้รบตกลงมึงมีเรื่องอะไรก็รีบพูดได้แล้ว กูจะได้กลับคอนโดต่อ” มาร์ตินที่ทนนั่งฟังเพื่อนสนิททั้งสองคนนั่งเถียงไปมาจนหนวกหูไม่ได้รีบเบรกก่อนที่ตัวเขาจะลุกขึ้นคว่ำโต๊ะเตี้ยตรงหน้าแล้วจับเพื่อนทั้งสองคนโยนลงจากชั้นสองให้มันจบๆ ไปแทน
“เออๆ คือทางมหาวิทยาลัยจะจัดกิจกรรมให้ส่งตัวแทนของแต่ละเอกในคณะเอกละสองคนเพื่อไปทำกิจกรรมฟื้นฟูหมู่บ้านให้ชาวเขาบนดอยอะ”
“แล้วไง กิจกรรมนี้มันเกี่ยวยังไงกับพวกเรา” คนอารมณ์เสียอย่างพระพายเอ่ยถามน้ำเสียงเบื่อหน่าย
“เกี่ยวดิ กลุ่มเราเป็นกลุ่มพี่วินัย ซึ่งในกลุ่มพี่วินัยจะต้องมีคนเสียสละไปหนึ่งคน ซึ่งคนที่กำลังอกหักแบบมึงไอ้พาย มึงจะได้รับโควต้าพิเศษไปดามใจถึงบนเข่าแบบเอ็กคลูซีฟไงล่ะ”
“เหอะ! เหอะ ไปก็บ้าแล้ว กูไม่ไปเด็ดขาดอะ มึงไปออกคำสั่งให้คนอื่นเลยนะไอ้เชี้ยรบ กู ไม่ ไป!” พระพายยื่นคำขาดพร้อมทำมือไม่ไปประกอบไปพร้อมกับน้ำเสียงและสีหน้าที่ขึงขังอย่างจริงจังของตัวเองไปด้วย
“มึงต้องไป เพราะกูอยากให้มึงไป" สิ้นสุดประโยคราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่นและทรงอำนาจตามฉบับนายน้อยมาเฟียของไคโรที่เป็นถึงทายาทเจ้าของมหาวิทยาลัยที่พวกเขากำลังเรียนอยู่ทั้งโต๊ะก็เงียบกริบ ไม่มีใครเอ่ยค้านออกมาแม้แต่คนเดียว รวมไปถึงเจ้าตัวอย่างพระพายที่กำลังทำหน้าเซ็งหลังจากถูกออกคำสั่งด้วย
"เฮ้อ! เออ ก็ได้กูไปก็ได้ แล้วจะให้กูไปกับใครอะ"
"โซดา น้องรหัสมึงไง"
"ไอ้เชี้ยรบ! ไอ้เวรนี่! คนอื่นไม่ได้หรือไงวะทำไมต้องเป็นยัยเด็กบ้านั่นด้วย"
"เพราะคนที่จะเอาคนอย่างมึงอยู่ มันต้องคนอย่างโซดานี่แหละ ไปถึงนู่นมึงจะได้ไม่กล้าโวยวายไง"