บทที่ 10 "ไม่อ้อมค้อม"

1795 Words
เช้าวันต่อมา... อ่า~ ได้ตื่นเช้ารับความสดชื่นแบบนี้แล้วมันรู้สึกสดชื่นดีจัง เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก แถมบรรยากาศที่นี่ฉันก็สัมผัสได้ว่ามันบริสุทธิ์แบบสามพันเปอร์เซ็นต์ สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วรู้สึกว่าเออนี่แหละอากาศที่ฉันคู่ควร มันทั้งสดชื่นแล้วก็บริสุทธิ์สุดๆ ไปเลย "จะยืนบิดขี้เกียจอีกนานไหม อาจารย์เรียกปีสองไปรวมแล้ว" แต่มันก็คงเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นที่ฉันจะได้สัมผัสบรรยากาศดีๆ อากาศดีๆ แบบนี้ เพราะทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มๆ ห้วนๆ ที่คุ้นหูเป็นอย่างดี บวกกับตอนที่หันไปดูแล้วพบว่าเป็นคนที่คิดไว้จริงๆ กำลังยืนเท้าเอวทำหน้าเทวรูปมารอยู่ไม่ไกล ฉันก็อยากหนีเข้าเต็นท์ไปนอนอีกครั้งทันที ไม่อยากเจอหน้าพี่รหัสตัวเองเลยอะ เสียอารมณ์ เสียบรรยากาศหมด จากที่ท้องฟ้าสดใสก็รู้สึกว่ามันหม่นหมองขึ้นมาทันที "รู้แล้ว กำลังจะไปอยู่นี้ไง" ฉันตอบเสียงแข็งตาเขียวกลับไป "ก็รีบๆ หน่อยสิ มัวชักช้าอยู่ได้" โอ้ย นี่คิดว่าตัวเองเป็นพี่ว้ากอยู่หรือไง ติดนิสัยเวลาตามเด็กปีหนึ่งแล้วชอบทำเสียงกับทำหน้าดุๆ นิ่งๆ แบบนี้ พอมาเข้าค่ายเลยกะจะหวนตำแหน่งอีกครั้งเหรอ "พี่มาเข้าค่ายนะ ไม่ได้มาเข้าห้องเชียร์" "แล้วใครบอกว่ามาเข้าห้องเชียร์ นอนเยอะจนเอ๋อหรือไง" ซี้ด~ นั่นปากใช่ไหม ปากดีมากไอ้หมาบ้า "นี่! ใครเอ๋อพี่พูดดีๆ นะ!" ฉันตะเบ็งถามเสียงดังออกไปอย่างนึกโมโหเมื่อโดนพี่รหัสตัวเองว่าเอ๋อ หน็อย~ ไอ้บ้านี่ไม่เห็นลิ้นไก่ฉันมันอยู่ไม่เป็นสุขหรือไง ถึงต้องกระตุ้นให้ฉันแหกปากอยู่ตลอดเวลา แล้วดูสภาพหน้าตัวเองตอนนี้เถอะ แน่จริงอย่าทำหน้าเหมือนกลัวฉันจะกินหัวแบบนั้นสิ กล้าว่าฉันเอ๋อก็กล้าๆ สบตาของฉันหน่อย หลบทำไม "อะเอ๋อ...อาจารย์รออยู่ รีบตามมาละกัน" พี่พระพายว่าจบก็รีบหมุนตัวเดินไวๆ กลับไปทางเดิมที่มาเมื่อกี้ทันที ฉันที่ยังยืนอยู่ที่เดิมจึงได้แต่มองตามหลังตาขวางอย่างข่มอารมณ์ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาแล้วจัดการสวมหมวกแก๊ปไว้บนหัว จากนั้นก็เดินปึงปังตามทางเดินที่พี่พระพายเพิ่งเดินไปเมื่อกี้ด้วยอารมณ์ที่นยังไม่คงที่สักเท่าไหร่ “โคตรเกลียดเลยทำไมต้องมาเข้าค่ายด้วยกันก็ไม่รู้” . . . หลังจากที่เดินไปบ่นพึมพำไป ใช้เวลาไม่กี่นาทีฉันก็เดินมาถึงจุดนับพบ ปรายตามองไปรอบๆ ก็เห็นว่านักศึกษาหลายคนกำลังทยอยเดินมารวมตัวกัน ตรงหน้าแถวตอนนี้จะมีอาจารย์ทศพลยืมร่วมกับอาจารย์ท่านอื่นๆ อีกสองสามคน รวมไปถึงนักศึกษาชายที่คิดว่ามีตำแหน่งในคณะยืนร่วมอยู่ด้วยประมาณเก้าคนจากเก้าคณะที่เข้าร่วมโครงการในวันนี้ หนึ่งในคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็จะมีไอ้คนที่เพิ่งทำฉันอารมณ์เสียมาอย่างพี่พระพายยืนอยู่ด้วย ซึ่งเขากำลังจะช้อนสายตาขึ้นมาสบตากับฉัน แต่พอเห็นว่าฉันกำลังยืนจ้องตัวเองอยู่เขาก็รีบเบือนสายตาไปทางอื่นแทบจะทันที เช๊อะ! กลัวฉันหรือไง "เอาละครับ ตอนนี้อาจารย์คิดว่านักศึกษาทุกคนน่าจะมาครบกันแล้ว งั้นอาจารย์ขอชี้แจงรายการที่เราจะช่วยชาวบ้านวันนี้กันก่อนละกันนะ อาจารย์ขอแบ่งกลุ่มนักศึกษาเป็นสิบกลุ่ม กลุ่มละแปดคนชายสี่คนหญิงสี่คนเท่าๆ กัน โดยงานที่จะทำวันนี้คือซ่อมบำรุงอาคารเรียนของน้องๆ ก่อน ไปครับแบ่งกลุ่มเสร็จแล้วก็เริ่มงานได้ทันที" หลังจากที่อาจารย์ทศพลประกาศจบ นักศึกษาทุกคนก็ฮือฮาเสียงดังระงมพร้อมกับเดินไปมาอย่างชุลมุนเพื่อหากลุ่มที่ตัวเองจะอยู่ ในขณะที่ฉันยืนอยู่นิ่งๆ ที่เดิมไม่เดินไปหาใครทั้งนั้นและพี่พระพายก็ยืนนิ่งๆ ที่เดิมไม่ไปหาใครเช่นกัน สุดท้ายแล้ว... หมับ! "ยืนเซ่อหาพระแสงอะไรอยู่ล่ะ" ใช่ค่ะ ประโยคนี้ฉันเป็นคนพูดกับพี่รหัสตัวเอง และหลังจากที่ฉันพูดจบก็ลากไอ้คนปากดีกับฉันเมื่อกี้เดินไปเข้ากลุ่มกับนักศึกษาที่ยังมีสมาชิกไม่ครบ พอได้กลุ่มแล้วพวกเราทุกคนก็เดินไปยังสถานที่ที่เรียกว่าห้องเรียนของน้องๆ บนดอยเพื่อไปซ่อมบำรุงสิ่งที่ผุพังให้กลับมาใช้งานได้ปกติอีกครั้ง พี่พระพายเดินไปหยิบพวกอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะนำมาใช้พวกค้อน ตะปู ไม้ เลื่อยมืดตัดไม้ ได้อุปกรณ์ครบฉันกับเขาก็ช่วยกันทำงานทันที แต่ก็อย่างว่าแหละฉันกับพี่รหัสตัวเองมันก็ไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไหร่นัก ทำงานกันอย่างสามัคคีคงไม่มีในพจนานุกรมของเราสองคน เพราะแค่ฉันช่วยจับไม้เขาเป็นคนเลื่อยไม้ เรายังมีช่องว่างให้กัดกันเลยคิดดูสิ "เธอช่วยจับไม้ให้มันแน่นๆ หน่อยได้ไหม จับไม่แน่นมันเลื่อยยาก" ไอ้คนจับเลื่อยต่อว่าฉันเสียงหงุดหงิด ใช้น้ำเสียงหงุดหงิดกับฉันไม่พอเขายังกล้าชักสีหน้าใส่ฉันอีก กล้ามากกล้ามาทำท่าทางแบบนั้นกับฉันคิดไว้แล้วใช่ไหมว่าจะตายเป็นผีเฝ้าดอยอยู่ที่นี่อะ "โซก็จับแน่นแล้วนี่ไง พี่นั่นแหละเลื่อยเป็นปะ" ฉันตอบกลับด้วยท่าทางหงุดหงิดเช่นกันแถมยังถลึงตาโตกลับไปอย่างไม่เกรงกลัวอีกด้วย หน็อย~ ทั้งชีวิตลูกคนรวยของตัวเองอะเคยใช้เลื่อยตัดไม้นักหรือไง ทำเป็นพูดว่าฉันจับไม่แน่นตัวเองเลื่อยไม่เป็น ไม่แหกตาดูบ้างอะ "แน่นตรงไหน จับแน่นๆ มันต้องจับแบบนี้" พี่พระพายไม่พูดเปล่าแต่เขาพูดไปพร้อมกับจับมือของฉันให้จับไม้แน่นๆ ไปด้วย แต่จังหวะที่ฝ่ามือใหญ่ของเขาจับมือฉันเมื่อกี้นี้สิ จู่ๆ ความรู้สึกวูบวาบมันก็แทรกเข้ามากลางอกของฉันเฉยเลย จนฉันต้องสะบัดมือออกแล้วมองหน้าพี่พระพายด้วยท่าทางเลิ่กลั่กในวินาทีต่อมา "เป็นอะไร แค่จับมือแค่นี้เธอถึงกับหน้าแดงเลยเหรอวะ ทีฉันจูบเธอเมื่อคืนก่อนไม่เห็นจะแดงเท่านี้เลย" O_o ตุบตุบ! ตุบตุบ! ให้ตายเถอะ นี่เขาจำเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนได้เหรอ สภาพเมาปลิ้นขนาดนั้นยังอุตส่าห์จำได้อีกหรือไงว่าขโมยจูบแรกของฉันไปอะ "พี่จำได้เหรอ?" "อืมจำได้ ก็ฉันบอกเธอไปแล้วว่าฉันสร่างเมาแล้ว เธอไม่เชื่อหรือไงว่าฉันสร่างเมาจริง" พอพี่พระพายพูดแบบนั้นด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จบ ภาพเหตุการณ์คืนนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวของฉันเป็นดอกเห็ดทันที โอ้ยฉันอยากจะบ้าตาย แสดงว่าหลังจากที่เราจุ๊บกันไอ้คนเจ้าเล่ห์ตรงหน้าฉันเขาก็ต้องจำเหตุการณ์ทุกอย่างได้สิ "ไง..." "ไงอะไรล่ะ จูบก็จูบไปสิ ก็แค่จูบห่วยๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจ มันจะน่าจดจำอะไรนักหนา" นั่งเหมอได้ไม่ถึงสามนาที เสียงกาไก่แถวนี้ก็ทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ความคิด ก่อนจะเรียกสติกลับมาอีกครั้งแล้วกลับเข้าโหมดปกติตวัดสายตามองค้อนพร้อมกับตอบพี่พระพายด้วยน้ำเสียงขึงขังกลับไปจากนั้นก็ทำเป็นเมินเฉยไม่สนใจกับเหตุการณ์คืนนั้นแทน ก็แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ในเมื่อจูบนั้นมันเกิดขึ้นเพราะความไม่ได้ตั้งใจแล้วจะให้ฉันหวั่นไหวอะไร อีกอย่างฉันจะไม่มีวันหวั่นไหวหรือคิดเรื่องบ้าๆ แบบที่คนเป็นแฟนกันคิดแน่นอน ฉันเกลียดพี่รหัสตัวเองแค่ไหน ตัวฉันรู้ดีที่สุด! "ถามจริง นี่เกลียดกันขนาดนั้นเลย" "อืม เกลียด ไม่ชอบขี้หน้าพี่ด้วย" "หน้าหล่อๆ อย่างกับดาราไอดอลขนาดนี้เลยนะ เธอไม่ชอบเลยหรือไง" โห่ กล้าพูดมาก ก็ได้ฉันยอมรับก็ได้ว่าพี่รหัสฉันเขาก็หล่อจริงๆ นั่นแหละ หน้าตาหล่อบาดตาบาดใจเล่นกับใจของสาวๆ เป็นว่าเล่น แต่ทั้งหมดนั้นมันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับความรู้สึกของฉัน ต่อให้เขาหล่อลากไส้หล่อวัวตายควายล้มยังไง ถ้าสันดานมักง่าย เจ้าชู้ ใจโลเล ฉันก็ไม่คิดที่จะชอบแน่นอน "ไม่ชอบ! และที่ไม่ชอบก็เพราะความมักง่าย เจ้าชู้ของพี่นั่นแหละที่ทำให้โซขยะแขยงพี่" ฉันตอบเสียงแข็งและเต็มไปด้วยความหนักแน่นให้มันกระแทกหูของพี่พระพาย ให้เขารู้ว่าที่ฉันพูด ฉันไม่ได้พูดผ่านๆ หรือพูดเล่นๆ แต่ฉันพูดจริงๆ ฉันโคตรไม่ชอบที่สุดคือผู้ชายเจ้าชู้ทำตัวหลายใจมั่วไม่เลือก! "เหรอ แล้วถ้าเกิดฉันทิ้งสิ่งที่เธอไม่ชอบทั้งหมด เธอจะให้โอกาสฉันไหม" รอยยิ้มแพรวพราวแฝงในแววตาแบบนั้นหมายความว่าไง "..." เขาพูดแบบนี้หมายความว่าไง คิดจะมาจีบฉันหรือไง? เมื่อคืนเขาไม่ได้โดนใครเอาก้อนหินทุบหัวมาใช่ไหม อยู่ดีๆ ก็มาพูดพร้อมกับใช้สายตาแพรวพราวแบบนั้นกับฉัน แบบที่ต่างจากพี่พระพายที่ฉันรู้จักเมื่อก่อนอะ "ฉันว่าเธอก็น่าสนใจดี ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนเป็นคนตรงๆ ชอบบอกชอบไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ ไม่ซับซ้อนดี" "พี่กำลังเอาฉันไปแทนที่ใครสักคนในใจพี่อยู่ใช่ไหม" ที่ฉันถามแบบนี้ไม่ใช่เพราะฉันสนใจเขา แต่ฉันอยากเตือนเขาว่าเขาไม่ควรพูดแบบนี้ถ้าในหัวใจหรือในสายตาของเขายังมีใครอีกคนซ่อนอยู่ "เธอหมายถึงฉันกำลังเอาเธอไปแทนที่ใบเฟิร์นใช่ไหม" "อืม" "ฉันแค่รู้สึกสนใจเธอจริงๆ ไม่ได้เกี่ยวกับใคร อีกอย่างผู้หญิงที่ทิ้งฉันไปก่อน ทำไมฉันต้องเสียเวลามานั่งคิดถึงอีก จริงไหม?" "..."
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD