หลังจากวันนั้นวินก็ทำงานอย่างสงบสุขมาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ เพราะว่าเจเดนต้องไปดูแลงานที่ต่างประเทศ วินคิดว่าไม่ช้าคนป่าเถื่อนคนนั่นจะต้องกลับมา นั่นคงเท่ากับว่าวินเองมีโอกาสจะถูกเรียกตัวเข้าไปปู้ยี้ปู้ยำอีกแน่ๆ ใจนึงก็คิดว่าอยากหนีเขาไปให้ไกล แต่เขาก็เคยบอกไว้ว่า หากเวหนีเขาจะตามหาเวแล้วลามไปตามหาแม่และพี่ชาย คือ วินคนนี้ ในเมื่อตอนนี้วินเองก็อยู่ในสถานะที่เรียกว่าต่อรองอะไรไม่ได้ ก็คงทำได้เพียงทำใจ ตอนนี้จึงต้องรอให้เขากลับมาก่อนแล้วค่อยถามหาหนทางจบเรื่องราวความแค้นนี้
แต่วินคิดในใจ ตกลงไอ้คุณเจเดนเป็นเจ้าของประเทศนี้รึไง ทำไมใครๆถึงได้กลัวเขาไปซะหมด เอาล่ะในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับคนอันตรายแบบเขา แม่ก็เพิ่งผ่าตัดและน้องชายเจ้าคนต้นเรื่องก็เพิ่งฟื้นตัวแถมยังต้องมีนัดพบแพทย์อีก อีกอย่างทำงานที่นี่ก็ดีกว่าคลับอยู่นิดหนึ่งเพราะจะได้ไม่ต้องดื่ม ไม่ต้องเสิร์ฟร่างกายให้กับลูกค้า ทำงานอยู่ที่นี่เงินทุกบาทวินใช้หยาดเหงื่อจากการทำงานแลกมาทั้งนั้น มีอาหารให้พนักงานทานฟรี มีทิปแบ่งให้ทุกคนทุกสัปดาห์ด้วย ถึงเจ้าของโรงแรมจะเป็นคนบ้าอำนาจแต่ต้องยอมรับว่าให้สวัสดิการพนักงานดีมากจริงๆ
วินเชื่อน้องชายฝาแฝดตัวเองมากๆว่าไม่ได้เคยทำอะไรไว้กับผู้หญิงคนไหนแบบที่เจเดนกล่าวมาแต่ทำไมทางนั้นจึงมั่นใจว่า เวเป็นคนทำร้ายน้องสาวเขาอย่างนั้น
วินนั่งเหม่อลอยคิดถึงอนาคตที่มืดมนของตัวเองอยู่ขณะที่ที่นั่งรอเมล์ป้ายที่จะกลับบ้าน เพราะตอนนี้รายได้ไม่ได้มากเท่ากับทำงานโฮสต์แล้วจึงต้องประหยัดค่าเดินทาง อยู่ๆเสียงแตรรถก็ดังลั่นทำเอาทุกคนหันขวับไปมองรวมถึงเธอด้วย นั่งคิดอะไรเพลินๆตกใจสะดุ้งตื่นจากภวังค์
วินเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่า เจ้าของเสียงนั้นคือรถเก๋งแบรนด์ยุโรปคันใหญ่สีดำเงาวับทั้งคัน ทีแรกไม่ได้คิดจะสนใจหรอกเพราะเขาไม่เคยรู้จักคนขับรถแบบนี้ แต่เสียงแตรนั้นก็ดังขึ้นอีกรอบ ต่อเป็นสามและสี่รอบทำให้คนรอบข้างได้หาสาเหตุ จนกระทั่งทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียวเป็นสายตาสงสัยแกมรำคาญ ก่อนที่คุณป้าท่านหนึ่งจะเดินมาสะกิดให้เธอไปบอกให้รถคันนั้นหยุดสักที
“แฟนมาตามหรือเปล่าพ่อหนุ่ม”
“หา อะไรนะครับ”
“คนในรถน่ะ เหมือนจะมองมาที่พ่อหนุ่มเลยนะไปคุยกับเค้าหน่อยไปปล่อยให้จอดรถเกะกะขวางทางอยู่ได้”
ในเมื่อเลี่ยงการปะทะไม่ได้ วินก็ตัดสินใจลุกจากที่นั่งแล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างรถคันนั้นทันที กระจกคาเยนน์คันใหญ่ถูกเลื่อนลง ใบหน้าที่แสนคุ้นเคยหันมายิ้มให้ด้วยท่าทางเป็นมิตร
“คุณเจเดนมาทำไม”
“ขึ้นรถ” เขาเอ่ยเสียงเรียบ และบอกมาแค่นั้นก่อนจะปลดล็อครถให้วิน
“ไม่ครับ ผมจะกลับบ้านเองได้” วินถอยห่างจากรถเพื่อให้เจเดนปิดกระจกแล้วขับกลับไปอย่ามายุ่งกับเขา
“กูบอกให้ขึ้นมา!” เขายังคงดึงดันสั่งเสียงดัง วินเองก็ยืนยันคำเดิมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดังพอกัน
“ไม่”
“ถ้าไม่ขึ้นกูจะจอดอยู่ตรงนี้แหละ”
“นี่คุณ บ้าอำนาจ!”
“...”
การกระทำที่ราวกับเมียงอนผัวที่ร่ำรวยหนีมาขึ้นรถเมล์ถูกสายตานับสิบจับจ้องด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยากใส่ใจ ทำอย่างไรวินถึงจะหนีมาเฟียหนุ่มพ้นซักที...
ปี๊บๆ
เสียงรถเมล์บีบไล่รถหรูที่จอดขวางที่จอดรถเมล์อยู่เพื่อที่จะเข้าไปรับผู้โดยสารที่ป้าย เจเดนที่ยังทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร ยิ้มราวกับผู้ชนะเพราะเจเดนมั่นใจว่าอีกคนถูกกดดันอยู่อย่างแน่นอน เขยังคงลดกระจกแล้วพูดตอบโต้อย่างชิล
“ถ้ามึงไม่ขึ้นมา พวกเขาก็จะไม่ได้ขึ้นรถเหมือนกัน จะขึ้นหรือไม่ขึ้น”
“ผมไม่...”
“พ่อหนุ่ม ขึ้นรถแฟนไปเถอะเอ็งเอ้ย เกะกะพวกข้าจะกลับบ้าน” เสียงร้องด่าตามหลังประโยคของศิลาหลังจากที่เขาพึ่งพูดจบ
วินมองใบหน้าที่หล่อเหลา ริมฝีปากสีแดงฉ่ำเหยียดยิ้มให้ก่อนที่คิ้วดกหนาจะเลิกขึ้นพลางเอียงคอเป็นนัยว่าเจเดนจะไม่ยอมกว่าวินจะเป็นฝ่ายยอมเขาเอง
“ขับรถออกไปสักทีสิโว้ยยย!!” เสียงของคนที่รอรถเมย์เข้าเทียบป้ายรถเมย์ตะโกนออกมาอย่างโมโห
“กลับไปทะเลาะกันที่บ้านไป!!”
ปิ๊บๆ
เสียงบีบไล่ดังขึ้นอีกครั้ง ในใจของวินนึกโกรธเขาที่ชอบบังคับอยู่เรื่อย แต่ก็ขัดใจเขาไม่ได้เลยสักครั้ง วินมองรถเมล์ไม่ใช่สายที่เขาจะขึ้นด้วย เสียงก่นด่าเริ่มดังมาจากข้างหลังเรื่อยๆ บางคนถึงกับจะเดินเข้ามาด่าซึ่งหน้า วินจึงตัดสินใจขึ้นรถไปกับชายหน้าหนาคนนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
“มึงเป็นอะไร อย่าทำเล่นตัว ” เจเดนถามเมื่อเห็นว่าวินเข้ารถมานั่งนิ่ง
“มึงคาดเข็มขัดด้วยสิ อยากโดนตำรวจจับรึไง”
“ก็จับไปสิ ผมรู้ว่าคุณมีปัญญาจ่าย โอ้ย!!”ไม่ว่าเปล่าคนเจ้าเล่ห์หักรถหลบไปมาจนศีรษะของวินกระเทกกระจก วินยกมือขึ้นกุบหัวก่อนจะหันไปมองเขาที่กำลังนั่งหัวเราะชอบใจ
“สม กูบอกให้คาดเข็มขัด”
“นี่คุณเลิกสั่งผมสักทีได้มั้ย”
“กูเป็นเจ้านายมึง”
“แต่ผมเลิกงานแล้ว”
“กูบอกให้มึงคาดเข็มขัด เชี่ยนี่ ” วินทำตาม ขณะที่ยังคงมองเจเดนด้วยความหวาดระแวง ขณะที่เอื้อมไปจับสายคาดมาคาดให้เรียบร้อย
“นี่คุณ ”
“หุบปากมึงเหอะ”
“หรือที่โกธรๆนี่คิดว่ากูฟันแล้วทิ้งมึง โอ๋ๆๆ” เจเดนพูดออกมาอย่า
กวนประสาทอีกคนและเขาดูชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูอาย
“ผมไม่สนใจ คุณจะผมฉันไปไหน” วินถามอย่างสงสัย เพราะกลัวเขาไปส่งที่บ้านเพราะตอนแรกวินบอกให้เวพาแม่ไปอยู่ต่างจังหวัดแต่นึกได้ว่าต้องไปพบแพทย์ตามนัด วินจึงไม่อยากให้เจเดนไม่เจอคนที่บ้าน
“ไม่ต้องห่วงหรอก กูก็จะพามึงกลับบ้านนั่นแหละ” เจเดนพูดขณะตาเขามองไปยังถนนเบื้องหน้า
“ไม่ต้อง จอดเลย ”
“หึ! เงียบ”
วินไม่พูดอะไรต่อ ปล่อยให้มาเฟียหนุ่มขับรถไปที่ต่อโดยคาดเดาไม่ได้ว่าเขาจะขับไปที่ไหน
“คุณจำบ้านผมได้เหรอ”
“กูความจำดี ยิ่งความแค้นยิ่งจำแม่น”
“แต่ผมยืนยันว่าผมไม่เคยไปทำร้ายน้องสาวคุณ” วินเอาคำพูดของเวมาบอกกล่าวเพราะวินเชื่อใจน้องชายมากเรื่องผู้หญิง
“เดี๋ยวก็รู้ รอให้น้องกูฟื้นมาชี้หน้ามึงก่อน” เจเดนรอให้แองจี้น้องสาวของเขาฟื้นขึ้นมาเพราะก่อนคลอดแองจี้มีอาการครรภ์เป็นพิษ ตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัว เรียกได้ว่าตอนนี้ทั้งแม่และลูกแฝดยังอยู่ใน ICU
“น้องสาวคุณไม่สบายเหรอครับ”
“เพราะคนเลวอย่างมึงไง” เจเดนเอื้อมมือมามาบีบแขนวินอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์แค้น
“โอ๊ย ผมเจ็บ”
“กูก็ตั้งใจให้มึงเจ็บ กูยังฆ่ามึงไม่ได้เพราะกูต้องรอให้น้องกูตื่นมาก่อน”
“แล้ว....”
“ถ้าไม่ตื่นหรือน้องกูเป็นอะไร มึงค่อยตายตาม”
วินได้แต่เม้มปากไม่ได้ถามอะไรต่อเลยแม้แต่คำเดียว แต่ก็จนแล้วจนรอดรถเขามาถึงหน้าบ้านของวิน เขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรยังเงียบมาตลอดทาง วินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งที่มาถึงบ้านได้อย่างปลอดภัยโดยที่เขาไม่ได้ลงรถและไม่ได้ทำอะไรวินมากกว่านั้น ก่อนจะลงรถวินเอ่ยปากบอกเจเดน
“ขอบคุณครับ ผมไม่รู้จะบอกคุณยังไง...แต่ผมแค่อยากขอร้องให้คุณไม่ยุ่งกับแม่และพี่ผม ”
“มึงคิดว่า มึงมีสิทธิ์ขอร้อง ” พูดยังไม่ทันจบ เจเดนกระชากท้ายทอยวินเข้ามาจูบปิดปากอย่างหนักหน่วงรุนแรงคล้ายตั้งใจให้อีกคนเจ็บริมฝีปาก วินต่อต้านขลุกขลิกแต่ไม่เป็นผลเพราะเทียบแรงแล้วเจเดนมีกำลังเหนือกว่า เมื่อจูบที่รุนแรงเนิ่นนานแต่ยังไม่ทันที่จะมีการเกี่ยวกวัดของลิ้นร้อน เจเดนก็ผลักวินออกจากพันธนาการไป
“มึงมีสิทธิ์เป็นได้แค่ของเล่นบำเรอกู”
“ถ้าน้องกูจะฟื้นความตายจะเป็นของมึง”