วิญญาณของหญิงชรายืนมองทั้งสามทั้งน้ำหน้านองหน้าและยิ้มกว้างอย่างดีใจ เมื่อหมอจินพยักหน้ารับ นางก็เลือนหายไปพร้อมสายลมที่พัดเข้ามาด้านในห้องอย่างแผ่วเบาจนทั้งสามรู้สึกได้
"หลานข้า พวกเจ้านับจากนี้ไปคือหลานของข้าจินเซี่ยฉาง"
"ข้าหลันจินเยว่ คารวะท่านปู่จินเจ้าค่ะ"
"ข้าหลันลู่เสียน คารวะท่านปู่จินขอรับ" สองพี่น้องคุกเข่าลงคำนับให้หมอจินที่พวกตนเพิ่งคารวะเป็นหลาน
"ท่านปู่ ท่านแม่ของข้ามีโรคเก่าตั้งแต่ก่อนจะแต่งงานกับบิดา พอคลอดพวกข้าสองคนออกมาก็ป่วยไข้อยู่บ่อยครั้งจนมิอาจจะทำงานหนักได้ หากไม่เป็นการรบกวนท่านจนเกินไป ข้าอยากให้ท่านปู่ตรวจดูอาการของมารดาพวกข้าได้หรือไม่"
"พวกเจ้าเป็นหลานข้า มารดาของเจ้าก็นับเป็นบุตรบุญธรรมของข้าเช่นกัน เช่นนั้นพวกเราไปกันประเดี๋ยวนี้เลย" เมื่อหลงจู๊นำเงินมาส่งให้ก็ทันเห็นเด็กทั้งสองประคองหมอจิน ออกจากห้องรับรองมาพอดี
"หลงจู๊ฟ่าน เจ้าให้คนเตรียมรถม้าแล้วจัดยาโรคของสตรีให้ข้าด้วย" เมื่อสั่งการเสร็จก็พาหลานทั้งสองนำเงินไปฝากที่ร้านรับฝากเงิน
เมื่อมีหมอจินมาด้วยการฝากเงินของทั้งคู่ก็รวดเร็วขึ้น หากมากันเองใครจะเชื่อว่าเด็กสองคนที่แต่งกายเช่นขอทานจะมีเงินมากมายถึงหนึ่งพันสองร้อยตำลึงทอง แต่เจียอีฝากเงิน หนึ่งพันหนึ่งร้อยเก้าสิบตำลึงทอง ก็นับว่ายังเยอะอยู่ดี
รถม้าจอดรอทั้งสามอยู่ที่ด้านหน้าของร้านรับฝากเงิน เมื่อเรียบร้อยก็เริ่มออกเดินทาง เจียอีที่ขอแลกเงินมาจากโรงรับฝากเงินแล้วก็ซื้อซาลาเปากลับไปฝากมารดาและแบ่งกินกันสามคนในรถม้าด้วย พอถึงหน้าประตูเมืองนางก็ลงนำเงินไปจ่ายค่าเข้าเมืองให้ทหารคนที่ให้นางผ่านเข้าไป
รถม้าของร้านยาเคลื่อนตัวเข้าสู่หมู่บ้านท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่อยู่หน้าหมู่บ้าน
"เรือนไหนตามหมอมากัน" คนที่อยากรู้ก็เดินตามรถม้ามาถึงเรือนของเจียอี
เมื่อเห็นว่าหมอมารักษาให้ใครต่างก็ลอบแปลกใจ ว่าเรือนของเยว่เลี่ยงนำเงินมาจากที่ใดถึงเชิญหมอมารักษาถึงที่เรือนได้ นางซานที่อยู่ในกลุ่มก็พูดขึ้น
"อีเออร์กับเสียนเออร์คงขายสมุนไพรที่หามาได้ จึงเชิญหมอมาตรวจอาการของเยว่เลี่ยง บุตรของนางกตัญญูนัก" เมื่อมีคนไขข้อสงสัยต่างก็แยกย้ายกันกลับไป เพราะเป็นเรื่องปกติสำหรับความป่วยไข้ของเยว่เลี่ยง
"ท่านแม่ ข้าเชิญท่านปู่จินมาตรวจท่านเจ้าค่ะ" เจียอีตะโกนเรียกมารดาเมื่อลงมาจากรถม้า
เยว่เลี่ยงได้ยินเสียงของบุตรสาวก็รีบออกมาจากเรือนเพื่อเปิดประตูให้ ทันทีที่หมอจินเห็นหน้าเยว่เลี่ยง เขาก็ตกตะลึงจนก้าวขาไม่ออก เยว่เลี่ยงยืนมองชายชราที่จ้องมองตนอย่างแปลกใจ นางรู้สึกคุ้นเคยแต่ก็ตอบไม่ได้ว่าเคยพบที่ใด
"เลี่ยงเออร์ ใช่เจ้าหรือไหม" แม้จะผ่านมาสิบกว่าปี จากสาวงามที่ถูกคุณชายตระกูลใหญ่มากมายหมายปอง มาตอนนี้ถึงแม้นางจะทำงานหนักผ่ายผอม มีบุตรถึงสองคน มีหรือที่คนเป็นบิดาเช่นเขาจะจดจำบุตรสาวที่หายตัวไปของตนไม่ได้
"ท่านรู้จักข้าหรือเจ้าคะ" เยว่เลี่ยงยืนมึนงงอย่างทำตัวไม่ถูก
"ท่านปู่ ท่านแม่เข้าบ้านเสียก่อนเจ้าค่ะ" เจียอีพาทั้งคู่เข้าบ้าน ลู่เสียนเดินไปปิดประตูบ้านเพื่อบดบังสายตาของชาวบ้าน
"ท่านปู่จิน ท่านคิดว่ามารดาของข้าคือบุตรสาวที่หายไปของท่านหรือเจ้าคะ" เจียอียกน้ำมาให้แล้วเอ่ยถามขึ้น
"ใช่แล้ว เกิดสิ่งใดขึ้น เหตุใดนางจึงจำข้าไม่ได้" หมอจินเอ่ยเสียงสั่นเทาขึ้นถาม
เยว่เลี่ยงเล่าเรื่องที่นางฟื้นขึ้นมาจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น โดยมีหลันหวงกุ้ยไปพบนางและช่วยเหลือนางไว้ นางจำเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นไม่ได้ และไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร มีเพียงหยกพกที่สลักว่า เยว่เลี่ยง เท่านั้นที่ติดตัวของนางอยู่ เมื่อนางหายดีหลันหวงกุ้ยจึงขอนางแต่งงาน เพราะไม่รู้ว่าเป็นใครอยู่ยังมีบิดามารดาหรือพี่น้องหรือไม่ นางจึงตกลงอยู่กินกันจนมีเจียอีและลู่เสียน
หมอจินฟังจบก็ร่ำไห้อย่างปวดใจที่บุตรสาวต้องใช้ชีวิตลำบากเช่นนี้ หากนางไม่ออกมาไว้พระตามคำชวนของสหายจนพบเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ตอนนี้นางคงเป็นฮูหยินตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงสักตระกูลอยู่อย่างสุขสบายเป็นแน่
"ไม่เป็นไร จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร พ่อจะรักษาเจ้าเอง" เยว่เลี่ยงถึงแม้จะจำเรื่องทั้งหมดไม่ได้ แต่นางก็รู้สึกปวดใจเมื่อเห็นน้ำตาของคนที่เรียกตนเองว่าบิดากับนาง จนนางเดินเข้าไปสวมกอดแล้วร้องไห้โฮอย่างไม่อายใคร
เพราะเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดยามที่อยู่ในเรือนของตระกูลหลัน เสียงดูถูกด่าทอว่านางไม่มีหัวนอนปลายเท้า การถูกใช้งานราวกับทาสในเรือน แม้ยามเจ็บป่วยก็ไม่ได้รับการรักษาที่ดี ถึงสามีของนางจะปกป้องนางทุกครั้ง แต่เขาก็ต้องออกไปล่าสัตว์ค้างคืนในป่าหลายคืนกว่านางจะผ่านช่วงเวลานั้นมานับว่าโหดร้ายกับนางนัก
หมอจินฝังเข็มให้เยว่เลี่ยงและจัดเทียนยาให้ลู่เสียนนำไปต้ม เมื่อมองดูสภาพความเป็นอยู่ของบุตรสาวและหลานทั้งสอง ทั้งสามคนแม่ลูกยังตัดขาดกับตระกูลหลันแล้ว หมอจินจึงเอ่ยปากขึ้น
"เลี่ยงเออร์ เจ้ากลับไปอยู่กับพ่อเถิด พ่อย้ายมาอยู่ที่จางเป่ยตั้งแต่ที่เจ้าหายตัวไป ตอนนี้มารดาของเจ้าก็เสียชีวิตไปแล้ว พ่ออยู่เพียงลำพังในจวน"
เยว่เลี่ยงเมื่อได้รับการกระตุ้นจากการฝังเข็มความทรงจำลางๆก็เริ่มปรากฏขึ้น แม้จะนึกหน้าคนที่ตนเรียกว่าบิดามารดายังไม่ออก แต่ความรู้สึกคุ้นเคยเมื่อสบตาหมอจินก็ทำให้นางเชื่อไปเกือบครึ่งแล้ว