คลั่งไคล้อัยรินทร์ 1.2
“คะ คนคอมเมนต์เยอะเกินไปป้ะเนี่ย?”
อัยรินทร์กะพริบตาปริบๆ ไล่อ่านคอมเมนต์และข้อความที่ส่งเข้ามาในช่องแชตส่วนตัวของเธอแล้วแก้มใสก็แดงระเรื่อขึ้นมาทีละน้อย เพราะแต่ละรูปที่ส่งเข้ามามีแต่ภาพสิบแปดบวกและ ‘ของลับ’ กันทั้งนั้น
“ไม่เห็นจะมีแบบสองคนเลยนี่นา…”
ส่วนใหญ่ที่ส่งข้อความกันเข้ามา มันจะเป็นผู้ชายแค่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งทางแอปฯ มีฟังก์ชันการนัดแบบรวมกลุ่มหลายคนอยู่ด้วย
และที่เธอต้องการก็คือสองคนขึ้นไปน่ะสิ!
“ช่างเถอะ…รอไปก่อนแล้วกัน”
คิดได้ดังนั้นเธอก็ปิดมือถือ แล้วไปเดินเช็กความเรียบร้อยภายในร้าน ก่อนจะเก็บกระเป๋าแล้วเตรียมตัวกลับบ้าน เพราะหน้าที่ของเธอนั้นไม่ได้มีอะไรมาก ส่วนใหญ่จะรับสายลูกค้าที่โทรมานัดจองคิวนวดแผนไทย เฝ้าเคาน์เตอร์ต้อนรับด้านหน้า คอยจัดโพรโมชัน และลงคอนเทนต์โพรโมตช่องทางต่างๆ ในโซเชียล
แต่วันนี้เป็นวันทำงานคนจึงไม่ค่อยเยอะมาก และตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาปิดร้านจึงกลับเร็วกว่าปกติเล็กน้อย
กระทั่งเดินทางมาถึงที่คอนโด ร่างเย้ายวนก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหนานุ่มสีเทาภายในห้องครู่หนึ่งอย่างอ่อนเพลียเพราะปัญหารถติด สักพักเธอก็ถอดเสื้อผ้าแล้วเตรียมตัวไปอาบน้ำ จะได้รีบไปกินข้าวและดูซีรีส์ที่ดูค้างเอาไว้เมื่อคืน
“อ่าส์…สบายตัวจัง…”
เสียงหวานครางแผ่วพร้อมปิดเปลือกตาลงอย่างผ่อนคลายเมื่อได้นอนแช่น้ำในอ่างและฟังเพลงไปด้วย
แต่เธอยังเสพความสุขได้ไม่ทันไร เสียงมือถือก็ดังขึ้นขัดจังหวะและอารมณ์สุนทรีย์เข้าเสียก่อน อัยรินทร์กลอกตาไปมา พ่นลมหายใจออกมาน้อยๆ ก่อนจะหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ มาดูว่าใครเป็นคนโทรมา
‘แม่’
“คราวนี้จะโทรมาบ่นอะไรอีกล่ะเนี่ย” เธอบ่นอุบอิบเสียงเบา ทว่าแววตากลับเป็นประกายความคิดถึงอยู่ในนั้น นิ่งคิดสักพักจากนั้นจึงตัดสินใจกดรับสายในเวลาต่อมา
ติ๊ด!
“ว่าไงคะคุณหญิงสมจิต”
[คุณหญิงบ้านแกสิ...สงกรานต์นี้กลับบ้านไหม?]
เสียงของ ‘สมจิต’ แม่บังเกิดเกล้าของเธอดังมาจากปลายสาย
“ไม่แน่ใจเลยอะ…ช่วงนี้ที่ร้านหนูวุ่นๆ น่ะ”
[นี่แกยังเปิดร้านนั่นอยู่อีกเหรอ? เมื่อไหร่จะเลิกทำแล้วไปหางานบริษัทหางานราชการเหมือนคนอื่นเขาทำกันสักทีห้ะ? ไม่ก็มาช่วยแม่ทำงานที่บ้านนี่ เดี๋ยวให้เงินเดือน]
“โอ๊ย~ แล้วเปิดร้านนวดมันไม่ดีตรงไหนแม่ อาชีพสุจริตแถมยังเงินดีจะตาย ไม่งั้นแม่จะได้นอนสบายอย่างกับคุณหญิงคุณนาย ได้เงินไปทำห้องเช่า ทำบ้านเช่าแบบนี้เหรอ?”
[ไอ้สบายมันก็สบายอยู่หรอก แต่ชาวบ้านเขาลือกันให้แซ่ดว่าฉันมีลูกสาวเป็นแม่เล้า หลอกเด็กมาเปิดซ่องคอยหลอกรีดไถเงินจากพวกผู้ชายตอนนวด]
“แม่จะสนขี้ปากชาวบ้านทำไม หนูบอกแล้วไงว่าหนูไม่ใช่แม่เล้า แล้วก็ไม่ได้หลอกเด็กที่ไหนมาขายตัวด้วย เราเลิกพูดถึงเรื่องนี้สักวันได้ไหมเนี่ย?” อัยรินทร์พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ทีหนึ่งอย่างเหนื่อยหน่าย เธอกับแม่คุยเรื่องนี้กันตั้งแต่เปิดร้านปีแรกๆ จนกระทั่งตอนนี้เปิดมาได้สี่ปีแล้ว แต่แม่ก็ยังไม่เลิกบ่นเสียที
[จะไม่ให้สนได้ยังไง หมู่บ้านก็เล็กแค่นี้ เรื่องจริงไม่จริงเขาก็นินทากันสนุกปากนั่นแหละ แค่ไม่ได้เรียนต่อมหาลัยฉันก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว…เพราะงั้นก็รีบเลิกทำร้านนี้ แล้วไปหาอย่างอื่นทำซะ หรือกลับไปเรียนมหาลัยก็ได้ไป กลับมาสงกรานต์จะได้สู้หน้าญาติๆ ได้]
“เฮ้อ...เมื่อไหร่แม่จะเลิกพูดเรื่องเรียนต่อมหาลัยสักทีเนี่ย บอกแล้วไงว่าหนูชอบงานนี้ แค่เลี้ยงตัวได้ก็พอแล้วไหมอะ ทำไมต้องสนคนอื่นด้วย?”
เธอถอนหายใจยาวพรืด ก่อนจะถามผู้เป็นแม่อย่างน้อยอกน้อยใจ
จริงอยู่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอทำงานอย่างหนักและเก็บเงินเพื่อสานฝันอาชีพที่ตัวเองชอบ และมันก็ยังทำเงินให้ได้มากเสียด้วย ทว่าผู้เป็นแม่กลับเอาแต่สนคำนินทาของพวกชาวบ้าน ซึ่งพวกเขาไม่ได้รู้เรื่องราวหรือตัวตนที่แท้จริงของเธอ วันๆ เอาแต่จับกลุ่มกันนินทาแล้วใส่สีตีไข่เพียงเพราะว่ามาเปิดร้านนวดแผนไทยที่เมืองกรุง
[แต่เรื่องงานของแกมันก็กลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ไปทั่วหมูบ้านแล้ว ฉันเดินไปวัด ไปตลาด ไปที่ไหนก็ได้ยินแต่เรื่องนี้ จะไม่ให้เก็บมาคิดได้ยังไงฮึ?]
“……”
ในตอนนี้ไม่รู้เลยว่าเธอควรจะต้องรู้สึกยังไง
คุยกับคนที่สนใจคำพูดของคนนอก แต่ไม่ค่อยสนใจความรู้สึกของคนในครอบครัวมันช่างเหนื่อยและท้อใจเหลือเกิน...
[รีบหางานใหม่ซะ แล้วก็รีบหาผัวเป็นตัวเป็นตนได้แล้ว]
“อ้าว แล้วมันโยงมาเรื่องหาผัวได้ไงอะแม่?”
[แล้วแกจะอยู่อย่างงี้ไปจนถึงเมื่อไหร่? แกจะยี่สิบห้าแล้วนะอัยย์ แฟนสักคนยังไม่เคยมี แบบนี้จะไม่ให้ชาวบ้านเขานินทาได้ยังไงว่าแกไปเป็นแม่เล้าน่ะห้ะ?]
“ช่างเถอะๆ...หนูไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว เอาเป็นว่าสงกรานต์นี้หนูไม่ได้กลับแล้วกันนะ”
[อัยย์ นี่แกไม่ฟังที่แม่พูดเลยใช่ไหม?!]
“ไม่ใช่ไม่ฟัง แต่ที่หนูไม่กลับก็เป็นเพราะว่าต้องรีบหาผัวตามที่แม่ต้องการไง”
[นี่แกย้อนฉันเหรอ?]
“หนูวางสายแล้วนะแม่ จะรีบไปหาผัวตามบัญชา”
สิ้นเสียงก็ไม่รอช้า รีบกดวางสายทันทีเพราะไม่อยากถูกบ่นจนหูชาเรื่องซ้ำซากไร้สาระพวกนี้อีก
“จะบ้าตาย...แค่แฟนยังไม่มี จะให้ไปหาผัวจากที่ไหนล่ะ” เสียงหวานบ่นอุบอิบ สักพักเสียงแจ้งเตือนก็เด้งขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นข้อความจากในแอพฯ หาคู่ที่เธอตั้งโพสต์เอาไว้
“ดะ เดี๋ยวนะ…เอาจริงป้ะเนี่ย?”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ารูปที่ส่งมาในช่องแชตเป็นรูปของผู้ชาย 3 คน ที่ถ่ายตั้งแต่ปลายคางลงมา อวดท่อนบนโชว์ซิกซ์แพ็กน่าลูบไล้ และพวกเขาแต่ละคนก็มีรอยสักแตกต่างกันออกไป แม้ว่าจะไม่ได้โชว์ของลับแบบเปลือยจัดเต็มเหมือนกับคนอื่นๆ แต่เธอกลับรู้สึกดึงดูดได้ง่ายกว่า
และข้อความที่พวกเขาส่งมาก็ล่อตาล่อใจใช่ย่อยเลย!
‘พวกเรารุนแรงนะ ไม่เอาแค่รอบเดียวด้วย ถ้ามั่นใจว่าไหว...ก็นัดวันมาได้เลย’
_________________________