“ไม่เป็นไรนะ” ชลนรรจ์เอ่ยหลังจากที่ชลธิณาเพิ่งวางสายจากการโทรแจ้งรถพยาบาลเสร็จ อันที่จริงเขาเองใช่ว่าจะสบายใจที่ทำอย่างนี้ แต่…เมื่อคิดถึงคดีความ อนาคต แล้วไหนจะการขึ้นศาลเพื่อพิสูจน์ความผิดต่างๆ นานานั่นอีก เขาคิดว่าวิธีนี้แหละน่าจะดีที่สุดแล้ว
“นานากลัวนะนัท นานากลัวผู้หญิงคนนั้นตาย”
หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้า น้ำตาไหลด้วยความรู้สึกกลัวผสมกับอึดอัด เธอไม่น่าขับรถเลย ถ้าเธอไม่ขับก็คงไม่เกิดเหตุบ้าๆ อย่างนี้หรอก!
ชลนรรจ์หักรถจอดข้างทาง เขาหันไปหาน้องสาวฝาแฝดเต็มๆ ตัว มือใหญ่ของชลนรรจ์จับศีรษะของฝาแฝดตนเองแน่น บังคับให้เธอหันมามองเขา ชายหนุ่มใช้นิ้วโป้งไล้เช็ดน้ำตาให้กับหญิงสาว ก่อนจะบอกกับเธอราวกับจะสะกดจิตว่า
“นานาต้องลืมมันไปให้หมดนะ”
“แต่นานา...”
“เรื่องนี้เรารู้ดีนะนานาว่าผู้หญิงคนนั้นตัดหน้ารถเรา นานาคงไม่สังเกตเหมือนที่นัทเห็น ผู้หญิงคนนี้โดนพวกนั้นยิงด้วยนะ” เขาเอ่ย เพราะตอนที่เขาสำรวจเธอด้วยสายตาว่าตายหรือไม่นั้น ชลนรรจ์เห็นบาดแผลบริเวณหัวไหล่ของเธอเป็นทางยาว ร่องรอยนั้นเป็นบาดแผลถูกยิงชัดๆ
“แต่ถึงอย่างนั้น...”
“นานา…” ชลนรรจ์เสียงเข้มทันที “นานาต้องลืม เข้าใจไหม?!”
ชลนรรจ์ย้ำอีกครั้งเสียงเข้มจัด น้องสาวฝาแฝดของเขาเป็นพวก
ขี้ใจอ่อนขนาดหนัก เขากลัวว่าชลธิณาจะกลับไปโรงพยาบาลแล้วไปสารภาพความผิดทุกอย่างทั้งหมด ซึ่ง…แค่คิดก็บัดซบแล้ว! ฉะนั้น เขาต้องจัดการกับปัญหานี้ก่อนปัญหาอื่นๆ
“เราไม่ผิดจริงๆ เหรอนัท”
หญิงสาวย้ำด้วยน้ำเสียงสั่นไหว
“ไม่!” เขาตอบฝาแฝดของตนอย่างรวดเร็ว “เราทำดีที่สุดได้เท่านี้นะนานา นัทยอมเห็นแก่ตัวที่จะไม่ช่วยผู้หญิงคนนั้นด้วยตัวเองเพราะนัทเลือกนานา นัทไม่ต้องการให้นานามีจุดด่างพร้อยอะไรในชีวิตทั้งนั้น”
“นัท…”
“นานาไม่ต้องห่วง เดี๋ยวนัทจะจัดการเรื่องนี้เอง เดี๋ยวนัทพานานาไปส่ง จัดการเรื่องรถแล้วจะแอบไปดูที่โรงพยาบาลให้ โอเคไหม?”
หญิงสาวกัดริมฝีปากตนเองแน่นจนแทบจะห้อเลือด เธอมองเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา ชลนรรจ์ถอนหายใจยาว ดึงร่างเล็กๆ ของน้องสาวเข้ามากอดปลอบก่อนจะกระซิบปลอบโยนเธอให้คลายกังวล
“นานาไม่ต้องห่วงนะ นัทจะจัดการทุกอย่างเอง”
หญิงสาวซบหน้าลงกับอกของคนเป็นพี่ชาย เธอปล่อยน้ำตาแห่งความหวาดกลัวให้ไหลริน และพร้อมที่จะทำใจเชื่อเขา วางใจและปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างให้ชลนรรจ์เป็นคนจัดการ...เหมือนกับที่เวลามีปัญหาอะไร ชลนรรจ์ก็มักจะจัดการให้เธอทุกเรื่องเสมอมา...
‘ดมิทรี มาโควิซ’ เป็นเจ้าของรูปร่างสูงใหญ่ราวๆ ร้อยแปดสิบห้าเซ็นติเมตร เขามีรูปร่างผึ่งผายอย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำ ร่างสูงใหญ่ราวกับนายแบบอยู่ในชุดสูทแบรนด์หรูขับเน้นให้เขาดูสง่างามสมกับเป็นเจ้าของอาณาจักรมาโควิซ เส้นผมสีดำสนิทมีปอยผมบางส่วนตกระใบหน้า ขณะที่ดวงตาสีมรกตฉายแววเยียบเย็นทันทีที่ได้รับรายงานนั้น
“แกว่าไงนะ...”
ชายหนุ่มถามลูกน้องเสียงเข้ม ดวงตาสีมรกตคมกริบหรี่มอง
บาราฟด้วยสายตาคาดคั้น ราวกับจะบอกอีกฝ่ายว่าเปลี่ยนใจในสิ่งที่พูดเมื่อครู่นี้ก็ได้...ถ้าไม่อยากให้เขาอารมณ์เสีย
ทว่าบาราฟที่อยู่ด้วยกันมานานกลับยืนนิ่ง สีหน้าของบอดี้การ์ดหนุ่มเชื้อสายรัสเซียเคร่งเครียด ไม่มีเค้าของการล้อเล่นอย่างที่มักจะทำเป็นประจำเลยแม้แต่น้อย
“คุณแอนนาเบลล์อยู่โรงพยาบาลกลางครับ อาการของเธอค่อน
ข้างสาหัสมาก”
เพล้ง!
สิ้นเสียงนั้น แก้วกาแฟที่เคยวางอยู่ข้างมือของดมิทรีก็ลอยเฉียดหน้าของบาราฟไปเพียงนิดเดียว ก่อนจะตกลงกับพื้นหินอ่อนสีดำมันปลาบภายในห้องทำงานชั้นสูงสุดของอาณาจักรมาโควิซ บาราฟยังมี
สีหน้านิ่งเฉย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนแบบนี้ และรู้ดีว่าเจ้านาย ‘มือแม่น’ เพียงไร ถ้าจะตั้งใจให้โดนเขาไม่มีทางพลาด ฉะนั้นที่ขว้างเฉียดหน้าอย่างนี้...ก็คือความตั้งใจของดมิทรีนั่นแหละ
คุณแอนนาเบลล์เป็นน้องสาว...ลูกสาวคนเดียวของ ‘วลาดิเมียร์ มาโควิซ’ ที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อต้นปีจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ดมิทรีที่เป็นผู้ช่วยของลุงตนเองมานานขึ้นดำรงตำแหน่งประธานของโรงแรมและกาสิโนในเครือมาโควิซ โดยญาติเพียงคนเดียวที่เขาเหลืออยู่ก็คือแอนนาเบลล์...สาวน้อยวัยยี่สิบสองที่เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในชิคาโก แอนนาเบลล์พูดได้เลยว่าเป็นจุดอ่อนเดียวของมาเฟียหนุ่มเจ้าของอาณาจักรมาโควิซ เพราะถึงดมิทรีจะได้ชื่อว่าเป็น ‘มาเฟียไร้หัวใจ’ มากเพียงใดทว่ากับญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่เขารักและดูแลเจ้าหล่อนอย่างดีเสมอมา
และในยามนี้...กล้ามีคนยื่นมือเข้ามา ‘ทำร้าย’ หัวใจของดมิทรีแล้ว!
“แล้วคนของเรามันไปมุดหัวอยู่ตรงไหน แอนนาถึงได้บาดเจ็บแบบนี้!” มาเฟียหนุ่มตะคอกถามเสียงดังลั่น สีหน้าดุดันของเขาในยามนี้แทบจะกลายเป็นปีศาจร้ายแล้ว
“ถูกฆ่าตายหมดครับ”
คำตอบสั้นๆ ทำให้คนที่ไม่เคยสะเทือนกับเรื่องราวใดๆ ไม่ว่ามันจะรุนแรงแค่ไหนพลันรู้สึกได้ว่าพื้นของตนเองสั่นไหวอีกครั้ง...นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนับตั้งแต่ต้นปีที่เขารู้สึกอย่างนี้กับการจากไปของผู้เป็นลุงอย่าง
วลาดิเมียร์ บัดซบเอ้ย! พวกไหนมันกล้าเล่นเขาถึงขนาดนี้ แม่งมันอยากตายห่ากันใช่ไหมฮะ! ดมิทรีคิดในใจ ก่อนจะผุดลุกขึ้นทันที
“ฉันจะไปชิคาโก”
เขาสั่งเสียงเข้ม ขณะที่บาราฟก็รับบัญชาอย่างรู้ใจ
“ผมสั่งนักบินให้เตรียมพร้อมแล้วครับ และจัดการยกเลิกนัดพรุ่งนี้กับมะรืนนี้ให้ท่านเรียบร้อย” บอดี้การ์ดคนสนิทควบตำแหน่งผู้ช่วยรายงานอย่างรวดเร็ว ดมิทรีเขม่นมองอย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่โดนบาราฟเจ้ากี้เจ้าการ หากไม่พูดอะไรเพราะถือว่าอีกฝ่ายทำงานรวดเร็วสมกับเป็นคนที่อยู่ข้างกายเขามานานนับสิบปี