“ถึงจะมาเฟียแต่พวกเขาก็ทำธุรกิจ ถ้าไม่มีหลักฐานเขาก็ปรักปรำเราไม่ได้” ชลนรรจ์ตอบด้วยสีหน้าและท่าทีแข็งกระด้างด้วยไม่พอใจเพราะถูกกล่าวหา และคำพูดประโยคนั้นของเพื่อนสนิทก็ทำให้อีเลียนเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้
ไป…หรือไม่ไป
“งั้นแกจะ...”
“ถ้าไม่ไป” ชลนรรจ์ขัดขึ้นโดยไม่รอฟังสิ่งที่อีเลียนจะเอ่ยจนจบเพราะเขาเดาได้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะถามอะไร “เราก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้อยู่ดี สู้ไปให้มันเสร็จๆ ไปจะดีกว่า”
สุดท้ายหนุ่มลูกครึ่งอิตาเลียนได้ฟังคำตอบนั้นก็ถอนหายใจยาว แล้วเมื่อเห็นดวงตาสีน้ำตาลของชลนรรจ์วาววับด้วยความไม่ชอบใจเกือบกึ่งจะเป็นโกรธเคือง หนุ่มลูกครึ่งอิตาเลียนก็ยอมโอนอ่อนกับอีกฝ่ายในที่สุด
“เออ เอางั้นก็ได้”
หลังจากตกลงกันได้ผู้จัดการกาสิโนจึงพาชลนรรจ์กับอีเลียนเดินไปยังชั้นที่เป็นส่วนของสำนักงาน และไม่นานพวกเขาทั้งสองคนก็หยุดอยู่หน้าห้องๆ หนึ่ง คาร์เตอร์แแจ้งแก่เลขาฯที่ยืนรออยู่ข้างหน้าแล้วไม่นานเลขาฯหนุ่มก็เปิดประตูออกกว้างเพื่อให้ทั้งสามคนเข้าไปข้างในห้อง
ชลนรรจ์กวาดตามองห้องทำงานหรูหรา สไตล์โมเดิร์นที่ดูเรียบแต่หรูด้วยสายตาสำรวจเพียงแวบเดียว ก่อนสายตาของหนุ่มไทยจะไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงใหญ่ซึ่งกำลังมองตรงมายังเขาไม่มีหลบสายตาเช่นเดียวกัน ฝ่ายนั้นดูก็รู้ว่าอายุมากกว่าเขาแน่ๆ อาจจะราวๆ สามสิบต้นๆ แต่ท่าทีทรงอำนาจและดูดุดันสมกับที่เป็นเจ้าของกาสิโนแห่งนี้ ซึ่งรูปลักษณ์ของหนุ่มหล่ออายุน้อยที่ชลนรรจ์เห็นก็ทำให้เขารู้สึกผิดคาดขึ้นมาเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าเจ้าของอาณาจักรมาโควิซอันใหญ่โตจะดู ‘เด็ก’ ถึงขนาดนี้ แม้ในความเป็นจริงไอ้อายุสามสิบต้นๆ จะไม่เด็กก็ตาม แต่ก็ยังถือว่าอายุน้อยสำหรับตำแหน่งประธานอยู่ดี
ทว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่ชลนรรจ์จะใส่ใจเท่าไหร่ เขาปล่อยความคิดสงสัยเลื่อนลอยของตัวเองทิ้งอย่างรวดเร็ว แล้วหันไปเผชิญหน้ากับคนที่ออกคำสั่งเรียกตัวเขามาที่นี่ด้วยท่าทีสงบนิ่งและเตรียมตั้งรับอย่างเต็มที่
“สวัสดีคุณทั้งสองคน”
ดมิทรีกวาดตามองสองหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาเกือบสิบปีเห็นจะได้ด้วยสายตาราวกับจะประเมินแวบหนึ่ง โดยเฉพาะ...ผู้ชายที่เป็นหนึ่งในเป้าหมายของเขาอย่างไอ้เด็กเอเชียนั่นที่มองเขาราวกับจะท้าทายและไม่มีหลบสายตาสักนิด
เอาเถอะ...ให้มันจ้องอย่างหยิ่งผยองไป แล้วพอถึงเวลา เขาจะจัดการมันให้สาสมเอง!
“สวัสดีมิสเตอร์มาโควิซ” ชลนรรจ์เป็นฝ่ายเอ่ยทักทายเจ้าของสถานที่กลับด้วยท่าทีนิ่งสงบที่ยังคงรักษาได้ดี ผิดกับเพื่อนสนิทของเขาอย่างอีเลียนที่เริ่มหน้าซีดแล้ว “เป็นเกียรติของพวกเราได้ที่พบกับเจ้าของอาณาจักรมาโควิซด้วยตัวเองเช่นนี้”
เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้มีเค้าของความยินดีสักนิด ขณะ
ที่ดวงตาสีน้ำตาลใสที่คล้ายคลึงกับดวงตาของใครบางคนก็ทำให้ดมิทรีหัวเราะหึๆ ในลำคอออกมาอย่างรื่นรมย์เพราะเขาอ่านสายตานั้นออกว่าอีกฝ่ายกำลังนึกสรรเสริญเขาในใจเสียล่ะมากกว่าจะยินดีจริงๆ ที่ถูกเรียกตัวมาพบด้วยข้อหา ‘โกง’ เช่นนั้น
“เชิญคุณนั่งก่อนดีไหมมิสเตอร์เนติพัฒน์ มิสเตอร์เกซีราฟ” ดมิทรี
ผายมือไปยังอาร์มแชร์สองตัวซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา และมองสองหนุ่มเป็นเชิงบังคับให้นั่งลง
ชลนรรจ์ที่แม้จะนิ่งสงบเพียงใด หากวัย ประสบการณ์ชีวิตและชั้นเชิงเล่ห์เหลี่ยมทุกอย่างก็ไม่อาจสู้ดมิทรีได้อยู่ดีก็ได้แต่รู้สึกหงุดหงิดที่ตนเองคล้ายกับกำลังถูกคุกคามและทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตามที่ฝ่ายนั้นต้องการ อย่างเช่นไอ้การนั่งลงนี่ก็เหมือนกัน ชายหนุ่มทรุดลงนั่งอย่างกระแทกกระทั้นเล็กน้อยแล้วดึงอีเลียนให้นั่งลงตาม ก่อนที่ความเยือกเย็นที่พยายามสร้างจะหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเขาไม่อาจทนเก็บกดความสงสัยได้อีกต่อไป
“ผมคิดว่าเราคงต้องพูดกันตรงๆ เลยดีกว่า” ชลนรรจ์เกริ่นขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเจือความหงุดหงิดอยู่บ้าง แม้จะพยายามระงับมันก็ตามที “ผมมั่นใจว่าผมกับเพื่อนไม่ได้โกงกาสิโนของคุณ พวกเราเป็นนักท่องเที่ยวไม่ใช่นักพนันอาชีพ” เขาเริ่มชี้แจง
ทว่าดมิทรีกลับเงียบกริบ มีเพียงดวงตาสีมรกตคมกริบคู่นั้นที่มองตรงมา คล้ายกับค้นหาอะไรบางอย่างและความเยาะหยันเจือจางในดวงตาคู่นั้นของเจ้าของอาณาจักรมาโควิซก็ทำให้ชลนรรจ์หงุดหงิดมากยิ่งขึ้น แล้วจึงย้ำด้วยสีหน้าที่เริ่มแดงเพราะความโกรธ
“พวกเราไม่มีทางโกง”
เขาย้ำเสียงหนักแน่น รู้สึกเหมือนตัวเองเริ่มโดนดูถูกเพราะสายตาเยาะหยันของคนตรงหน้า
ดมิทรีเหยียดยิ้มหยันออกมา ในดวงตาเจือความสมเพชและเยาะหยันกับคนที่ยังมีความคิดใสซื่อตรงหน้า
“มันก็เหมือนกับโจรที่ไม่ยอมรับสารภาพเวลาถูกจับได้นั่นแหละครับ” มาเฟียหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “คนทำผิด...มันจะมีใครหน้าไหนยอมรับว่าตัวเองผิด...จริงไหม?”
ประโยคอันราบเรียบของดมิทรีคล้ายกับชนวนจุดไฟโทสะของชลนรรจ์เป็นอย่างดี
“แต่ครั้งนี้พวกเราไม่ผิด!” หนุ่มไทยผุดลุกขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งเคืองกับคำพูดในเชิงกล่าวหาของมาเฟียหนุ่ม คนอย่างชลนรรจ์ไม่เคยโกงใคร! แล้วไอ้บ้านี่แม่ง...! กล้าดูถูกเขาอย่างนี้ได้ยังไง กับอีแค่เงินเท่านี้เขาไม่จำเป็นต้องโกงพวกมันเลยด้วยซ้ำ บัดซบเอ้ย!
“งั้นครั้งที่แล้วพวกคุณก็ทำผิดอย่างนั้นสิมิสเตอร์เนติพัฒน์” ดมิทรี
เสียดสี หัวใจของเขาร้อนรุ่มด้วยไฟโทสะที่ถูกฉาบปกปิดไว้ด้วยความเยือกเย็นที่เหนือชั้นกว่า ไอ้เด็กเวรนี่มันไม่เคยคิดใช่ไหมถึงตอนที่มันขับ
รถชนน้องของเขาแล้วทิ้งให้แอนนาเกือบตายอย่างหมาข้างถนนน่ะ! ไอ้สารเลวเอ้ย! “โอ้…อย่าเพิ่งโกรธสิ ผมก็แค่ตีความไปตามที่คุณพูดมา” เขาเอ่ยเป็นเชิงยั่วเย้าให้ชลนรรจ์โกรธเคืองมากยิ่งขึ้น
และมันก็เป็นผลสำเร็จเมื่อชลนรรจ์บันดาลโทสะถึงขั้นตบโต๊ะดังปังใหญ่ พร้อมกับตะคอกใส่ดมิทรีอย่างคนสิ้นความอดทน
“อะไรที่ทำให้คุณสงสัยว่าเราโกง! มิสเตอร์มาโควิซ!”
ในระหว่างนั้นอีเลียนก็พยายามสะกิดเพื่อนของตนเองยิกๆ เพื่อ
ให้ชลนรรจ์ใจเย็นลง หัวใจหนุ่มลูกครึ่งอิตาเลียนแทบวายกับการโต้วาทะอันดุเด็ดเผ็ดมันของสองหนุ่มนั่น โดยเฉพาะที่กลัวมากกว่าก็คือมาเฟียหนุ่มอาจจะบันดาลโทสะแล้วสั่งเก็บพวกเขาสองคนก็เป็นได้
ทางด้านดมิทรีดูเหมือนจะสบโอกาสพอดิบพอดีกับการที่ชลนรรจ์
กล่าวคล้ายกับจะเปิดช่องให้เขา ดมิทรีเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของตนเอง ดึงอะไรบางอย่างออกมาแล้วยื่นด้วยกริยาสไลด์มันไปตรงหน้าของสองหนุ่ม