โรงแรมเลสซี, ชิคาโก
‘มาเรียส วาคอนซีเลส’ ค่อยๆ ยกถ้วยกระเบื้องเนื้อดีขึ้นจรด
ริมฝีปาก ดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟชั้นดีที่หอมกรุ่นเตะจมูกด้วยท่วงท่าสง่างาม ก่อนจะเหลือบตามองคนที่นั่งตรงข้ามด้วยสายตาติดจะสงสัยนิดหน่อย และเขาก็ไม่คิดจะเก็บความสงสัยนั้นเอาไว้กับตัวเองเสียด้วย ในที่สุดมาเฟียหนุ่มเชื้อสายละตินอเมริกาก็ถามเพื่อนที่สนิทของตนเองออก
มาว่า
“ไม่คิดว่าแกจะมาหาฉันถึงที่นี่นะดีน”
ส่วนใหญ่ดมิทรีไม่ค่อยชอบออกนอกพื้นที่ และตอนนี้ถึงแม้เขากับอีกฝ่ายจะเป็นหุ้นส่วนโรงแรมสร้างใหม่ของเขา เพราะเลสซีใช้บริการเชนบริหารจากมาโควิซซึ่งเป็นเจ้าของเชนโรงแรมดังระดับโลกให้เข้ามาจัดการระบบการบริหารและเป็นหุ้นส่วนในอัตราส่วนเพียงสิบเปอร์เซ็น ทว่าขนาดวันเปิดตัวไอ้หมอนี่ยังขี้เกียจมา แล้วทำไมจู่ๆ มันโผล่มาที่นี่ได้
มาเฟียหนุ่มเจ้าของกาสิโนและโรงแรมชื่อดังระดับโลกเชื้อสายรัสเซียตวัดตามองเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของตนเองแล้วส่งเสียงหึในลำคอออกมาคำหนึ่งก่อนจะตอบคำถามนั้น
“ฉันไม่ได้ตั้งใจมาหาแกน่ะมาเรียส ฉันแค่มีธุระนิดหน่อย” ซึ่งเป็นธุระที่เขาไม่จำเป็นต้องบอกมัน...ชายหนุ่มต่อในใจ
ทว่าคนที่มักจะทำตัวราวกับพวกหูผีจมูกมดก็อดหัวเราะหึในลำคออย่างรู้ทันไม่ได้ ดวงตาสีเทาควันบุหรี่หรี่มองเพื่อนสนิทอย่างจับผิดไม่เลิก “ไม่คิดว่าแกจะออกนอกพื้นที่ของแกได้นะดีน”
เขารู้จักกับอีกฝ่ายมานานหลายปี รู้นิสัยกันดีเกินกว่าจะเชื่อคำพูดที่เหมือนจะ ‘ไม่มีอะไร’ ของดมิทรี
มาเรียสกับดมิทรีรู้จักกันมานานพอสมควรเพราะดมิทรีคือทายาทของวลาดิเมียร์ มาโควิซ มาเฟียเชื้อสายรัสเซียที่เข้ามาตั้งตัวและแผ่ขยายอิทธิพลอยู่ในอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรและคู่ค้าของวาคอนซีเลส
มาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่และนั่นทำให้เขารู้จักกับดมิทรีที่ถูกวางตัวเป็นทายาทเนื่องจากเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของวลาดิเมียร์นั่นเอง นอกจากการเจอกันปีละครั้งสองครั้งตั้งแต่ยังเยาว์วัยพวกเขาก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ แถมมาเรียสถูกส่งไปเรียนไฮสคูลที่โรงเรียนซึ่งขึ้นชื่อว่าปลอดภัยและดีที่สุดในโลกก็ยิ่งทำให้ห่างกันออกไป และนั่นทำให้มาเรียสมีเพื่อนสนิทที่ตายแทนกันได้อย่าง ‘ห้าปีศาจ’ ซึ่งเป็นชื่อที่พวกนักธุรกิจหรือพวกผู้มีอิทธิพลเรียกเขาและเพื่อนสนิทอย่างนั้น ก่อนจะย้ายตัวเองกลับมาเรียนที่อเมริกา ซึ่งตอนนี้เองที่ทำให้มาเรียสและดมิทรีได้คบค้ากันมาจนกลาย
เป็นเพื่อนสนิทที่มาเรียสบอกได้เลยว่าเขาไว้ใจอีกฝ่ายไม่ต่างจากที่ไว้ใจพวกเพื่อนๆ ห้าปีศาจนั่นแหละ
“ว่าแต่แกเถอะมาเรียส” ดมิทรีขัดขึ้นบ้างเพราะไม่อยากให้เข้าตัวมากกว่านี้ เพราะเขายังไม่อยากอธิบายอะไรออกมา ส่วนมันจะเสือกไปรู้เองก็เรื่องของมัน “แกเองก็กำลังมีปัญหากับพวกเอราโม่นี่” เขาเปลี่ยนเรื่องถาม ช่วงนี้มาเรียสที่ดูเหมือนจะปกติธรรมดากำลังมีอันตรายรอบด้าน ได้ยินมาว่าล่าสุดเพิ่งปะทะกับพวกเอราโม่ แถมยังเสียเขตพื้นที่ของตัวเองให้พวกมันไปด้วย คราแรกที่ได้ยินบอกตามตรงดมิทรีไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เขาพูดได้เต็มปากว่ามัน ‘เหี้ยม’ ยิ่งกว่าเขานี่น่ะหรือจะยอมปล่อยให้เอราโม่เข้ามาเหยียบจมูกอย่างนั้น หากไม่นานก็รู้ว่ามันเป็น ‘แผน’ ของไอ้ตัวร้ายตรงหน้านี่แหละ
แต่แผนจะเป็นอย่างไรก็คงต้องดูกันต่อไป เพราะใครเลยจะกล้าเดาใจ ‘ฮาเดส’ จ้าวแห่งนรกอย่าง ‘มาเรียส วาคอนซีเลส’ ได้ล่ะว่ามันจะวางแผนอะไรอยู่กันแน่!
“กับวิโตน่ะเหรอ” น้ำเสียงในยามเอ่ยชื่อนายน้อยแก๊งเอราโม่นั้นเยียบเย็นเป็นอย่างยิ่ง “ปล่อยมันเห่าไปเถอะ” น้ำเสียงคล้ายกับอีกฝ่ายนั้นเป็นเพียงก้อนกรวดหรืออะไรสักอย่างที่โคตรจะไร้ค่าก็ทำให้ดมิทรีอดหัวเราะหึในลำคอไม่ได้ เพราะเขาเองก็ถือเป็นหนึ่งในส่วนน้อยที่รู้ความลับของการเป็น ‘อริ’ ส่วนตัวนอกเหนือจาก ‘ศัตรูทางธุรกิจ’ ระหว่างเลสซีกับเอราโม่...นอกจากพวกเพื่อนๆ ที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเด็กของมาเรียสที่ถูกเรียกขานว่าเป็น ‘แก๊งห้าปีศาจ หล่อ ร้าย เลว’ …คำสร้อยที่ใครๆ ในสังคมให้ฉายาแก่พวกนั้น เขาเองก็รู้จักพวกห้าปีศาจนี้ดีเพราะเรียนมาด้วยกัน แต่จะสนิทที่สุดก็คือมาเรียสนี่แหละ
“แหม…ใจร้ายจริงๆ” มาเฟียหนุ่มเจ้าของกาสิโนดังระดับโลกเอ่ยคล้ายกับจะจิกกัดเพื่อนสนิทตัวเอง หากคนโดนจิกไม่คิดจะปล่อยให้ตัวเองโดนอยู่ฝ่ายเดียว ดวงตาสีเทาควันบุหรี่ตวัดมองเพื่อนของตนอย่างรู้เท่าทัน แล้วจึงเอ่ยสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“เรื่องใจร้าย...ฉันสู้แกไม่ได้หรอกนะดีน”
ดมิทรีได้แต่โคลงศีรษะไปมา เขาไหวไหล่ราวจะยอมรับว่าตนเอง ‘ใจร้าย’ อย่างไม่คิดจะตอบโต้ เมื่อใจกระหวัดคิดไปถึง ‘ใครบางคน’ ที่ถูกเขาสั่งขังและปฏิบัติในยามนี้ราวกับเจ้าหล่อน ‘ไม่ใช่คน!’ ซึ่งก็...สาสมกับสิ่งที่เธอทำดีอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้าไอ้มาเรียสมันจะคิดว่าเขาใจร้ายล่ะก็...ช่างมันสิ!
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ เรื่องที่ฉันวานแกให้ช่วยดูน่ะ...ไปถึงไหนแล้ว” เขาเอ่ยทวงถาม ก่อนหน้านี้เขาได้ไหว้วานให้มาเรียสช่วยสืบดูว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับน้องสาวของเขานั้นเป็นฝีมือใคร และช่วงนี้ไอ้พวกไหนบ้างที่เหิมเกริมจะล้ำเส้นของเขา!
เมื่อก่อนเขาอาจจะสงสัยพวก ‘เมอร์ริเนซ’ หากตอนนี้แม้จะยังไม่ตัดออกแต่ก็รู้ดีว่าสัมพันธภาพของเขากับไอ้หน้าสวยนั่นดีขึ้นมากแล้วจากการจากไปของวลาดิเมียร์ผู้เป็นลุง และเหตุการณ์เมื่อราวเกือบสองปีก่อน ซึ่งส่งผลให้สถานภาพของเขากับมันกลายเป็น ‘กึ่งมิตรกึ่งศัตรู’ ที่ไม่ได้คิดจะห่ำหั่นกันจนถึงตาย แต่…ไม่คิดจะเลิกขัดขามันอย่างเด็ดขาด!
“น่ากลัวว่าจะไม่ใช่ฝีมือของพวกเอราโม่ด้วยนะ...แต่นอกพื้นที่ของฉันแล้วล่ะ” มาเรียสตอบตรงๆ ในแถบพื้นที่ของเขานั้นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับดมิทรีล้วนถูกเขาตรวจสอบหมดแล้วและไม่ปรากฏว่าเป็นฝีมือของใคร...ส่วนใหญ่ล้วนแต่เงียบกันทั้งนั้น เพราะพวกนั้นต่างรู้ดีว่าไม่ควรที่จะแตะต้องพันธมิตรของเขา
“ขอบใจแกมาก” ดมิทรีตอบรับ ไม่มีท่าทีโกรธเคืองแม้แต่น้อยที่มาเรียสดูเหมือนจะไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ “ฉันจะได้แน่ใจว่ามันเป็นฝีมือของใครกันแน่”
เขาเอ่ย เพราะอันที่จริงมาเฟียหนุ่มก็มีตัวเลือกในใจอยู่แล้ว และนับวันตัวเลือกก็จะยิ่งตีกรอบแคบเข้ามาทุกที