อีเลียนถึงกับเหงื่อตก ดวงตาเบิกโพลงและหัวใจเต้นกระหน่ำด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่นอย่างระงับไม่อยู่
“แต่…จุ๊ๆ” ดมิทรีเปลี่ยนไปใช้ปลายกระบอกปืนไล้ข้างแก้มซีดเผือดของอีกฝ่าย เมื่ออีเลียนยังคงตัวสั่นงันงงด้วยความหวาดกลัวจับใจ “อย่าเพิ่งทำหน้าอย่างนั้นสิ ผมมีข้อแลกเปลี่ยนกับคุณนิดหน่อย ถ้าเพียงแต่คุณจะช่วยเหลือผมเล็กๆ น้อยๆ” เขาเริ่มเข้าสู่แผนการของตัวเองและยื่นข้อเสนอให้แก่อีกฝ่าย
อีเลียนที่เห็นทางรอดรำไรของตัวเองก็กระโดดคว้ามันเอาไว้ ซึ่งเป็นไปตามคาดหมายสำหรับการข่มขู่อีกฝ่ายที่ดมิทรีเล่นเกมนี้อยู่นานเกือบสิบนาทีนี้...
“อะไร?!”
“ไม่ยากหรอก” มาเฟียหนุ่มเจ้าของอาณาจักรมาโควิซคลี่ยิ้ม
เย็นชาออกมา ดวงตาสีมรกตเป็นกระกายวาววับด้วยความสมใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า เพราะทุกอย่าง ‘จะต้อง’ เป็นไปตามแผนการของเขาที่วางเอาไว้ และเมื่อมองเบี้ยตัวแรกที่เขากำลังจะเดินมันบนเกมกระดานที่มีชื่อว่า ‘แก้แค้น’ ดมิทรีก็เหยียดยิ้มกว้างมากกว่าเดิม ก่อนจะแจ้งสิ่งที่เขาต้องการให้แก่อีกฝ่ายทราบ “ผมแค่ต้องการให้คุณ...”
สิ่งที่ดมิทรีบอกนั้นไม่ยาก แม้จะไม่เข้าใจทว่าอีเลียนก็รับปากอย่างรวดเร็ว วินาทีนี้ระหว่างความตายกับสิ่งที่อีกฝ่ายสั่งให้ทำ อีเลียนขอเลือกชีวิตของตนเองก่อนชีวิตของคนอื่น!
ในขณะเดียวกัน
ชลนรรจ์ถูกทิ้งอยู่ข้างนอกด้วยความรู้สึกหงุดหงิด คาร์เตอร์เดินจากไปนานแล้ว และหน้าประตูในยามนี้ก็มีร่างสูงใหญ่ของการ์ดในชุดแบล็กไทขวางลำของเขาเอาไว้ ไม่ยอมให้เขาก้าวผ่านเข้าไป ชลนรรจ์อาละวาดอย่างหงุดหงิดแต่ยักษ์ทั้งคู่นั้นก็ไม่สะเทือนเลยแม้แต่นิดเดียว
ชายหนุ่มเดินวนไปวนมาหน้าห้องด้วยความเป็นห่วง เสยผมอย่างหงุดหงิดก่อนจะรู้สึกสะเทือนเซถลาจนเกือบจะล้มเพราะมีอะไรบางอย่างเข้ามาชนเขาเต็มๆ แรง
พลั่ก!
“โอ๊ย Shit!”
ชายหนุ่มร้องเสียงดังด้วยความเจ็บ ศอกแหลมๆ ของคนที่เดินมาชนนั้นแทงเข้ามาบริเวณหน้าท้องของเขาเต็มๆ จนรู้สึกเจ็บแปลบ แถมศีรษะเล็กกระแทกปลายคางของเขาเต็มๆ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นไม่ได้เจ็บมากเท่ากับตกใจว่ามีคนมาชนเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
เสียงเล็กๆ และรูปร่างเล็กๆ ที่คล้ายกับจะถลาเข้ามาในอ้อมแขนของเขาก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจพรืดใหญ่ เพราะคนเดินมาชนเขากลับสบถออกมาสองสามคำ เจ้าหล่อนถอยห่างจากร่างของเขาพลางยกมือขึ้นคลึงหน้าผากป้อยๆ ทั้งๆ ที่เขาต่างหากควรจะเป็นคนต่อว่าเธอด้วยความเจ็บมากกว่า แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อลดมือลง เธอกลับต่อว่าเขาเฉยเลย
“นาย! ตาบอดเหรอถึงได้ชนฉันได้เนี่ย เจ็บชะมัดเลย”
หญิงสาวมองเขาตาขวาง ขณะที่เอามือคลำหน้าผากที่เริ่มขึ้นรอยแดงเพราะแรงชนเมื่อครู่นี้ และชลนรรจ์ก็เพิ่งได้เห็นหญิงสาวเต็มตา เธอมีเส้นผมสีบลอนด์ทองสว่างไสวราวกับทองคำ ดวงตาสีมรกตของเธอเรียวสวยเห็นรอยพับของนัยน์ตาสองชั้นชัดเจน ทว่าตอนนี้แววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความโกรธเคืองและไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
และชลนรรจ์ก็ไม่พอใจเช่นเดียวกัน!
“คุณหรือเปล่าตาบอดคุณผู้หญิง ถึงได้เดินมาชนคนอื่นอย่างนี้แล้วยังมีหน้ามาด่าผมอีก” ชายหนุ่มต่อว่าหญิงสาวเสียงขุ่น วินาทีนี้ไม่ได้สนใจว่าตนเองจะเป็นสุภาพบุรุษหรือไม่ “สมองเสื่อมเหรอห๊ะ?” ตอนท้ายเขาถามหญิงสาวเสียงสูงจนเกือบกึ่งจะเป็นตะคอก
“เอ๊ะ!” ดวงตาหญิงสาวเบิกกว้างอย่างตกใจกับน้ำเสียงอันดังของอีกฝ่ายเพราะเธอไม่เคยถูกใครตะคอกใส่หน้ามาก่อนเลยในชีวิตนี้ ทุกคนที่ผ่านมามีแต่จะพินอบพิเทาเธอเสียงด้วยซ้ำเนื่องจากรู้ว่าเธอเป็นใคร แต่ไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้กลับชนจนเธอแทบล้ม ทำให้เธอบาดเจ็บ และแทนที่จะขอโทษกลับตะคอกใส่เธออีกเสียอย่างนั้น!
ดวงตาสีมรกตของแอนนาเบลล์วาววับด้วยไฟโทสะ คุณหนูมาโควิซ
ตั้งท่าจะฉะอีกฝ่ายให้สะใจแต่คาร์เตอร์ที่เดินกลับมาอีกครั้งทันเห็น ‘น้องสาว’ และ ‘แขก’ ของเจ้านายกำลังทำท่าเหมือนกับจะขย้ำคอกันอยู่พอดีก็รีบเข้าไปขวางเอาไว้ทันที
“คุณหนูครับ...เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
ผู้จัดการกาสิโนหันไปทางน้องสาวของเจ้านายแล้วเอ่ยถามหญิงสาวขึ้น สีหน้าที่พร้อมจะวีนทุกสถานการณ์ของเจ้าหล่อนทำให้ชายวัยกลางคนไม่ไว้ใจเท่าใดนัก
“ก็อีตานี่น่ะสิคุณคาร์เตอร์” แอนนาเบลล์ตอบกระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด “นี่เป็นพนักงานใหม่ของดีนเหรอ ไล่เขาออกไปเลยไม่มีมารยาท!”
หญิงสาวพูดเป็นเชิงฟ้องกึ่งสั่ง เป็นไปได้แทบจะเห็นเจ้าหล่อนกระทืบเท้าประกอบอย่างเอาแต่ใจ ทว่าคาร์เตอร์ที่ฟังอย่างนั้นก็ได้แต่เวียนหัวกับอารมณ์ฉุนเฉียวของหญิงสาว ยังไม่ทันที่ผู้จัดการหนุ่มใหญ่จะได้อธิบายให้เธอเข้าใจว่าชลนรรจ์เป็นเพียงนักท่องเที่ยวเท่านั้นไม่ใช่พนักงานใหม่ คนที่โดนเหมารวมว่าเป็นพนักงานก็เอ่ยแทรกขึ้นมาทันที
“ไม่ต้องไล่หรอก ผมก็ไม่ได้อยากมายืนอยู่ที่นี่” พูดจบชายหนุ่มก็กอดอก เหยียดริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้มหยันใส่หญิงสาวที่ดูเหมือนจะอายุน้อยกว่าเขาแน่ ที่น้อยกว่าคืออายุสมองนั่นแหละ! ยายบาร์บี้นิสัยเสียเอ๊ย!
“เอ๊ะ!” แอนนาเบลล์กระทืบเท้าอย่างขัดเคืองใจ ทว่าก่อนที่เธอจะได้ร้องด่าชลนรรจ์ออกมาให้สะใจ ประตูห้องทำงานของดมิทรีก็เปิดออก
มาพร้อมกับปิดลงอย่างรวดเร็ว อีเลียนที่เห็นชลนรรจ์กำลังยืนคล้ายกับจะมีเรื่องกับหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้าก็เรียกชื่อเพื่อนสนิทตนเองด้วยน้ำเสียงเกือบกึ่งเป็นแปลกใจกับสิ่งที่ได้เห็น
“นัท!”
“อีเลียน” ชลนรรจ์หันไปสนใจเพื่อนสนิทตนเองในทันที เขาจ้องมองหนุ่มลูกครึ่งอิตาเลียนราวกับจะสำรวจว่าไม่มีอะไรบนร่างกายของ
อีเลียนที่บุบสลาย และเมื่อไม่เห็นก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างสงสัยว่าอีเลียนจัดการเรื่องราวต่อไปนั้นอย่างไร “เป็นไง?!”