เช้าวันต่อมาในห้องทำงานสุดหรูของผู้ที่กุมตำแหน่งสูงสุดแห่งอาณาจักรธุรกิจค้าปลีกอย่าง The Chic มีแฟ้มประวัติของคนที่เจ้าของห้องต้องการวางไว้เรียบร้อยด้วยฝีมือเลขาหนุ่มผู้ทรงประสิทธิภาพอย่างเสกสรร
“ประวัติของคุณนางฟ้าผมจัดการให้เรียบร้อยแล้วครับ” คีตภัทรเอนกายพิงพนักเก้าอี้แล้วหยิบแฟ้มที่มีรูปถ่ายและประวัติส่วนตัวของผู้หญิงที่เขาสนใจที่เลขาหนุ่มไปสืบหามาให้
“อมิตา พรทวี ชื่อเล่นหนูอิม” คีตภัทรอ่านชื่อที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้วเปิดหน้าถัดไปที่มีรูปถ่ายของหญิงสาวในอิริยาบถต่างๆ
“ไหนนายลองบอกมาสิว่ารู้อะไรเกี่ยวกับเธอบ้าง” แม้จะมีข้อมูลของนางฟ้าแสนสวยอยู่ตรงหน้าแต่คีตภัทรก็มิวายเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทเพื่อให้เขาบรรยายประวัติของหญิงสาวให้ฟัง
“คุณอมิตาเป็นกำพร้าตั้งแต่อายุสิบสองปีเพราะพ่อแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ครับ หลังจากนั้นนายอำนาจลุงแท้ๆ จึงรับมาเลี้ยงดูซึ่งก็ไม่ต่างจากในละครหรอกครับที่เจอกับป้าสะใภ้และลูกสาวของลุงที่ไม่ชอบหน้าหาทางกลั่นแกล้งตลอดเวลา ก่อนหน้านี้นายอำนาจจัดว่ามีฐานะพอสมควรเพราะมีร้านอาหารของตัวเองแต่โดนหุ้นส่วนโกงจนหมดตัวและประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้พิการจึงไม่สามารถทำงานอะไรได้อีกครับ”
“งั้นเหรอ” คีตภัทรปิดแฟ้มวางไว้ที่เดิมเพราะอยากฟังที่เลขาหนุ่มเล่าให้ฟังมากกว่าเพราะเขาเชื่อว่าเสกสรรต้องรู้อะไรมากกว่าข้อมูลทั่วไปในกระดาษนั้นแน่นอน
“เล่าต่อไปสิ”
“พอนายอำนาจกลายเป็นคนพิการทำงานอะไรไม่ได้ภาระทุกอย่างจึงตกอยู่ที่คุณอมิตาครับ”
“เดี๋ยวนะ เมื่อกี้นายบอกว่าหนูอิมถูกกลั่นแกล้งจากป้าสะใภ้และลูกสาวของลุงแล้วทำไมพอนายอำนาจพิการภาระทุกอย่างจึงตกอยู่ที่หนูอิม เมียกับลูกนายอำนาจเขาไม่ช่วยเลยเหรอ”
“ผมสืบทราบมาว่าคุณบุหงาภรรยาของนายอำนาจไม่ยอมทำงานอะไรได้แต่นั่งๆ นอนๆ และแต่งตัวเฉิดฉายไปวันๆ ส่วนลูกสาวนั้นเรียนไม่จบและย้ายออกไปอยู่กับแฟนตั้งแต่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยถึงจะไปๆ มาๆ กับที่บ้านบ้างแต่ก็ไม่เคยช่วยแบ่งเบาภาระหรือดูแลผู้เป็นพ่อเลยครับ มีแต่คุณอมิตาคนเดียวที่ดูแลเอาใจใส่นายอำนาจและภรรยาอย่างดี”
“ทุเรศที่สุด ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวต้องหาเลี้ยงคนทั้งบ้านเนี่ยนะ”
“ก็ไม่เชิงครับ นายอำนาจถึงจะกลายเป็นคนพิการทำงานไม่ได้แต่ก็มีสมบัติชิ้นสุดท้ายเป็นอาคารพาณิชย์ย่านชานเมืองที่ปล่อยให้เช่าครับ ตั้งแต่กลายเป็นคนพิการนายอำนาจก็ใช้ชีวิตอย่างประหยัดอดออมเพราะเกรงใจและสงสารคุณอมิตาครับ ตรงกันข้ามกับคุณบุหงาภรรยาที่ไม่ยอมทำงานทำการแถมยังมีนิสัยฟุ่มเฟือยอีกต่างหาก”
“นางฟ้าตัวน้อยของฉันช่างน่าสงสารเสียจริง” คีตภัทรเปรยอย่างรู้สึกสงสารในชะตากรรมของหญิงสาวที่เขารู้สึกถูกตาต้องใจจนต้องให้คนสนิทสืบประวัติของอีกฝ่ายมาให้แบบที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน ที่ผ่านมาหากเขาพึงพอใจผู้หญิงคนไหนแค่ส่งสายตาหรือให้เลขาคนสนิทติดต่อซึ่งก็ไม่เคยพลาดสักราย เมื่อหมดความเสน่หาก็ต่างแยกย้ายทางใครทางมันแบบที่ต่างมีผลประโยชน์ตอบแทนวินวินทั้งสองฝ่าย แต่กับอมิตามีบางอย่างทำให้เขาอยากรู้จักเธอมากกว่านี้และเมื่อได้รู้ก็ทำให้เขารู้สึกว่าต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้หญิงสาวต้องเผชิญชะตากรรมอันน่าสงสารและต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยวตามลำพัง
“เธออยู่แผนกไหน”
“แผนกเครื่องสำอางครับ คุณอมิตาเธอทำงานกับแบรนด์นี้มาตั้งแต่เรียนจบจนถึงตอนนี้ก็ห้าปีแล้วครับ เธอทำยอดขายได้สูงทุกเดือนและได้รับตำแหน่งพนักงานดีเด่นมาตลอดทุกปีเช่นกันครับ” เสกสรรรายงานโดยมีคีตภัทรนั่งฟังและพยักหน้าตามอย่างพึงพอใจในความขยันและตั้งใจทำงานของนางฟ้าตัวน้อยที่เขาถูกตาต้องใจ
“แล้วเรื่องส่วนตัวอื่นๆ ล่ะ” เสกสรรอมยิ้มเพราะรู้นัยแห่งคำถามนั้นดี
“คุณอมิตาเธอโสดมาตลอดไม่เคยมีแฟนเลยสักคนเพราะทำแต่งานตั้งแต่สมัยเรียนครับ” คำตอบของเลขาหนุ่มทำให้คีตภัทรยิ้มอย่างพอใจ
“ขอบใจนายมากสำหรับข้อมูลพวกนี้ จะทำอะไรก็ไปเถอะ ส่วนแฟ้มประวัติเอาไว้ที่นี่แหละ”
“ครับ” เสกสรรรับคำพร้อมก้มศีรษะให้เจ้านายหนุ่มเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องไป คีตภัทรครุ่นคิดถึงวิธีการที่จะต้อนนางฟ้าตัวน้อยเข้ากรงทองของตัวเองและปกป้องเธอจากการถูกรังแกโดยไม่ทำให้ไก่ตื่นไปเสียก่อน เขารู้ดีว่า อมิตาไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เขาจะยื่นข้อเสนอให้เธอมาขึ้นเตียงด้วยได้ แต่เขาจะต้อนเธอเข้ากรงด้วยวิธีใดกันที่จะไม่ทำให้เธอตกใจและหนีหายไปเสียก่อน ชายหนุ่มครุ่นคิดก่อนจะยิ้มออกเมื่อคิดหาแผนการในการทำความรู้จักกับอีกฝ่ายแบบเนียนๆ โดยที่จะไม่ทำให้เธอตกใจ
สาวๆ แผนกเครื่องสำอางออกอาการตื่นเต้นเมื่อเจ้านายหนุ่มสุดหล่อมาเยี่ยมเยียนถึงแผนกโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า ขนิษฐาผู้จัดการสาววัยกลางคนที่รับผิดชอบดูแลแผนกเครื่องสำอางรีบกุลีกุจอมาต้อนรับเมื่อมีม้าเร็วส่งข่าวไปบอกว่าท่านประธานมาตรวจเยี่ยมถึงแผนก
“สวัสดีค่ะ ท่านประธานมีอะไรให้ดิฉันรับใช้หรือเปล่าคะ” ขนิษฐาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“ไม่มีอะไรหรอกคุณขนิษฐา ผมแค่อยากมาดูของขวัญให้คุณแม่ในโอกาสพิเศษน่ะ”
“ท่านประธานอยากได้อะไรคะ เครื่องสำอาง น้ำหอม ครีมทาผิวหรือว่า...” ในขณะที่ขนิษฐาเอ่ยถามคีตภัทรก็กวาดสายตาไปทั่วแผนกอย่างรวดเร็วจนกระทั่งพบว่าคนที่เขาต้องการลงมาหายืนประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์น้ำหอมแบรนด์ดังจึงเอ่ยตอบผู้จัดการแผนกไปทันที
“ผมต้องการน้ำหอมยี่ห้อนั้น” คีตภัทรมองไปยังเคาน์เตอร์ที่นางฟ้าตัวน้อยของเขายืนอยู่
“งั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ” ขนิษฐาเดินนำเจ้านายหนุ่มไปยังเคาน์เตอร์น้ำหอมอย่างที่ต้องการ
“ขอบคุณมากคุณขนิษฐา คุณมีอะไรก็ไปทำเถอะเดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง”
“ค่ะ ท่านประธาน” ขนิษฐาเดินจากไปโดยทิ้งเจ้านายหนุ่มไว้กับพนักงานสาวที่เธอมั่นใจในการดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี
“เจอกันอีกแล้วนะครับคุณนางฟ้า” คีตภัทรทักทายพร้อมยิ้มน้อยๆ ทำให้คนถูกเรียกว่านางฟ้าถึงกับหน้าแดงกล่ำด้วยความเขินและทำตัวไม่ถูกกับสายตาคมที่ทอประกายระยิบระยับอย่างหยอกเย้า
“สะ สวัสดีค่ะท่านประธาน อย่าเรียกดิฉันแบบนั้นเลยค่ะ”
“อ้าว ก็ผมไม่รู้จักชื่อคุณแต่จำได้ว่าคุณคือหญิงสาวในชุดนางฟ้าเมื่อคืนก็เลยเรียกตามนั้น ถ้างั้นให้ผมเรียกคุณว่าอะไรดีล่ะ” คีตภัทรแสร้งถามทั้งที่รู้ประวัติส่วนตัวของคนตรงหน้าอย่างละเอียดยิบ
“อมิตาค่ะ”
“โอเค คุณอมิตา”
“ท่านประธานมีอะไรให้ดิฉันรับใช้คะ” อมิตาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“เรียกผมว่าคีย์เฉยๆ ก็ได้ เรียกท่านประธานดูแก่ยังไงชอบกล”
“เอ่อ...ค่ะ คุณคีย์มีอะไรให้ดิฉันรับใช้คะ”
“ผมอยากได้น้ำหอมให้คุณแม่ คุณช่วยแนะนำหน่อยได้ไหม” อมิตาแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้นเพราะคนระดับเขาไม่น่าจะต้องขอคำปรึกษาจากเธอเรื่องสินค้าแบรนด์เนมมีระดับพวกนี้ซึ่งเธอคิดว่าเขาน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” คีตภัทรถามเมื่อเห็นอมิตาทำหน้าประหลาดใจเมื่อเขาขอคำแนะนำจากเธอ
“ดิฉันแค่แปลกใจที่คุณคีย์ขอคำแนะนำจากดิฉันน่ะค่ะ”
“ทำไมล่ะครับ”
“ดิฉันคิดว่าคุณน่าจะคุ้นเคยกับสินค้าพวกนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว” อมิตาตอบตามที่ใจคิดเพราะเมื่อความตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับท่านประธานหนุ่มรูปหล่อผู้เป็นเจ้าของอาณาจักห้างสรรพสินค้าที่เธอทำงานอยู่หายไปวิญญาณนักขายที่มีใจรักบริการก็เข้าสิงทันทีทำให้เธอลืมความตื่นเต้นต่างๆ และเอาใจใส่แนะนำเขาในฐานะลูกค้าคนหนึ่งอย่างที่ทำอยู่เป็นนิจ คีตภัทรยิ้มอย่างถูกใจที่อมิตาช่างฉลาดเฉลียวแม้ท่าทางภายนอกจะดูบอบบางน่าทะนุถนอมแต่ก็แฝงไปด้วยความฉลาดทันคนที่เขาสัมผัสได้
“คุณพูดถูก ผมเคยชินกับของพวกนี้เป็นอย่างดีก็จริง แต่ผมก็อยากรู้ว่านักขายมืออาชีพที่ทำยอดขายได้สูงตลอดมาอย่างคุณจะแนะนำน้ำหอมแบบไหนให้ผม” คีตภัทรนึกสนุกที่ได้ต่อปากต่อคำกับคนตรงหน้า
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอสอบถามถึงบุคลิกลักษณะของคุณแม่คุณคีย์หน่อยนะคะเพื่อที่ดิฉันจะได้แนะนำถูกว่าท่านเหมาะกับกลิ่นแบบไหน”
“ไม่มีอะไรมากครับ ผู้หญิงวัยหกสิบกว่าที่ใช้ชีวิตส่วนมากอยู่กับบ้านนานๆ จะออกงานทีและไม่ชอบความวุ่นวายข้อมูลแค่นี้เพียงพอไหมครับ”
“แค่นี้ก็เกินพอค่ะ” อมิตาตอบด้วยรอยยิ้มสดใสแบบที่ทำให้คนมองตาพร่าไปชั่วขณะ
“ดิฉันขอแนะนำน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ แบบ sheer floral ตัวนี้เน้นการเล่นระดับของกลิ่นหอมอย่างลงตัว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ สบายๆ กลิ่นจะบางเบาแต่แฝงไปด้วยความร่าเริง มีชีวิตชีวาและเรียบง่ายคล้ายกับกลิ่นของดอกไม้ที่อบอุ่นภายใต้แสงแดดอันอ่อนบาง น้ำหอมชนิดนี้ถูกสร้างให้เป็นน้ำหอมโทนกลิ่นใหม่ที่เป็นตัวแทนของความสุข รื่นเริง เรียบง่ายเหมาะกับคุณแม่ของคุณที่ชอบความสงบค่ะ” น้ำเสียงอ่อนหวานที่ช่างจำนรรจาถึงสรรพคุณของน้ำหอมแบรนด์ดังราคาแพงทำให้คีตภัทรฟังเพลินและไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ลูกค้าจะคล้อยตามและอุดหนุนพนักงานขายคนสวยตรงหน้าเขาคนนี้จนทำให้เจ้าหล่อนทำยอดขายได้สูงมาตลอด
“ตกลงผมเอาขวดนี้”
“ได้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ” อมิตาหยิบขวดน้ำหอมเตรียมจัดใส่ลงในถุงที่มีโลโก้ของแบรนด์ประทับติดอยู่ ในขณะที่หญิงสาวกำลังต้อนรับท่านประธานหนุ่มผู้มีอำนาจสูงสุดในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้บรรดาเพื่อนร่วมงานต่างพากันลอบมองด้วยความสนใจทั้งอยากชื่นชมความหล่อเหลาของเจ้านายหนุ่มและอยากมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขาแบบที่เธอกำลังได้รับโอกาสนั้นอยู่ โดยเฉพาะลิซ่าและชลิดาที่ส่งสายตาอิจฉามาเป็นระยะๆ แต่ไม่กล้าแสดงอาการมากนักเพราะเกรงว่าจะโดนท่านประธานหนุ่มตำหนิฐานละเลยการบริการลูกค้าที่เริ่มเข้ามาเยี่ยมชมแผนกเครื่องสำอางมากขึ้น
“เดี๋ยวครับ”
“คุณคีย์ต้องการอะไรเพิ่มเหรอคะ”
“ผมอยากได้น้ำหอมไปฝากคนพิเศษอีกคนครับ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
“คนพิเศษคนนี้ดูภายนอกเธอสวย อ่อนหวานดูบอบบางน่าทะนุถนอมแต่ก็แฝงไปด้วยความเฉลียวฉลาดและมีชีวิตชีวา คุณว่าเธอเหมาะกับน้ำหอมกลิ่นไหนเหรอครับ”
“ดิฉันขอแนะนำเป็น magic romance หวานๆ ใสๆ กลิ่นไม่เลี่ยนดูน่ารัก เป็นกลิ่นหอมหวานละมุน เย้ายวนชวนค้นหา กลิ่นมะลิและผลไม้ ดอกไม้ รวมทั้งตระกูลวูดดี้ ทำให้ดูเป็นสาวร่าเริงหวานๆ น่ารักค่ะ”
“ตกลงผมเอาสองขวดนี้ครับ แต่รบกวนแยกถุงให้ผมด้วยนะครับ” คีตภัทรยื่นบัตรเครดิตให้อมิตาและยื่นมือรับถุงเล็กๆ สองใบจากหญิงสาว
“ขอบคุณมากนะคะ” อมิตายกมือไหว้ขอบคุณเหมือนกับที่ปฏิบัติกับลูกค้าคนอื่นๆ โดยไม่แบ่งแยกว่าเขาคือเจ้าของอาณาจักรแห่งนี้แล้วต้องดูแลเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ คล้อยหลังร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเต็มยศชลิดาและลิซ่าก็ปราดเข้ามาหาเธอทันทีอย่างรอจังหวะอยู่แล้ว
“หนูอิมท่านประธานเขาคุยอะไรกับเธอตั้งนานสองนานน่ะ” ชลิดาเอ่ยถามอย่างไม่อ้อมค้อม
“ท่านประธานเขามาซื้อน้ำหอมเชอรี่ก็เห็นนี่”
“อันนั้นน่ะรู้แล้ว แต่ที่ถามเพราะเห็นว่าคุยกันตั้งนานสองนานแถมเขายังยิ้มให้เธอด้วย”
“นั่นน่ะสิ ฉันทำงานที่นี่มาตั้งนานยังไม่เคยเห็นท่านประธานยิ้มให้พนักงานคนไหนแบบนี้มาก่อนเลยนะ” ลิซ่าออกความเห็นอีกคน
“เธอไม่เห็นก็ใช่ว่าเขาจะไม่เคยยิ้มให้พนักงานนี่นาลิซ่า อีกอย่างที่เขายิ้มก็เพราะว่าเขาพูดถึงคุณแม่ต่างหาก” อมิตาอธิบาย
“จริงเหรอ” ลิซ่ายังไม่วายสงสัย
“ใช่ ท่านประธานเขาบอกว่ามาซื้อน้ำหอมให้คุณแม่ในโอกาสพิเศษ หนูอิมก็เลยถามถึงบุคลิกลักษณะของท่านเขาก็แค่อธิบายให้ฟังก็แค่นั้นเอง”
“แต่เชอรี่ก็ยังรู้สึกตะหงิดๆ ว่ามันมีอะไรแปลกๆ”
“คิดมากน่ะเชอรี่ ถ้าไม่มีอะไรแล้วหนูอิมไปดูแลลูกค้าก่อนนะ” อมิตาปลีกตัวออกไปเมื่อมีลูกค้าเดินเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าที่เคาน์เตอร์
“เธอว่ามันแปลกไหมลิซ่า แค่น้ำหอมใช้ให้ใครมาซื้อให้ก็ได้ไม่เห็นต้องลงทุนมาด้วยตัวเอง” ชลิดาตั้งข้อสังเกต
“นั่นน่ะสิ ร้อยวันพันปีท่านประธานเคยลงมาซื้อของที่แผนกเราซะที่ไหน ตั้งแต่ทำงานมาถ้าไม่ใช่เพราะมาตรวจงานฉันก็ไม่เคยเห็นท่านประธานย่างกรายเข้ามาแผนกเราเลยนะ”
“หรือว่าเราจะคิดมากไป” ชลิดาหันมาถามลิซ่าอย่างคิดไม่ตก
“ช่างมันเถอะ ไปทำงานกันดีกว่า” ลิซ่าชักชวนเมื่อมีลูกค้ากลุ่มใหญ่เดินเข้ามาเป็นโอกาสที่เธอจะต้องรีบไปต้อนรับเพื่อทำยอดขายให้ได้มากๆ เพราะนั่นหมายถึงค่าคอมมิชชั่นที่จะได้รับมากตามไปด้วย