เช้าวันใหม่ เสียงนกเสียงน้ำไหลยังคงขับกล่อมให้คนในเรือนไม่อยากตื่น ทว่าเสียงเรียกนั้นกลับดังจนทำให้ไม่อาจหลับต่อไปได้ ร่างบอบบางจึงจำต้องลุกขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“ใคร! ทำไมไม่มีมารยาทเอาซะเลย คนจะนอนมาร้องเรียกอยู่ได้” หญิงสาวตะโกนโดยไม่ได้เปิดเปลือกตาด้วยซ้ำ
“พี่เหยา นั่นเสียงของนายตำบลขอรับ” เด็กชายรีบวิ่งมาเกาะขอบเตียง มองคนที่นั่งนิ่งพร้อมกับขมวดคิ้วมึนงง
เหยาอันกะพริบตาถี่มองภาพในห้องอยู่พักหนึ่ง ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน ที่นี่ยังคงเป็นเรือนหลังเล็กเก่าซ่อมซ่อ และไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรให้เห็นแม้แต่ชิ้นเดียว
“นึกว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะได้กลับไปใช้ชีวิตในโลกใบเดิม เห้อ! เวรกรรมอะไรของฉันเนี่ยะ” ตัดพ้อโชคชะตาตนเองก่อนจะตื่นตกใจเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นมาทุกช่วงขณะ
“รู้แล้ว รู้แล้ว” ร่างบอบบางลุกขึ้นไปเปิดประตูเรือนอย่างหงุดหงิด เมื่อครู่นางก็ไม่ได้ฟังที่เด็กน้อยบอกเสียด้วยว่าคนที่มาเป็นใคร เพราะมัวแต่ตะลึงงันกับเรื่องราวที่เหมือนฝันอยู่นั่นเอง
เมื่อประตูเปิดออก ร่างสูงที่ยืนรออยู่ด้านนอกก็หันกลับมา แม้เขาจะแต่งกายด้วยชุดธรรมดาราบเรียบ ทว่ามันยังแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามอยู่ หน้าตาก็ถือว่าหล่อเหลาเลยทีเดียว
“คุณ… เอ่อ… ท่านเป็นใคร” เพราะไม่ค่อยคุ้นชิน หญิงสาวจึงหลุดคำพูดในยุคที่ตนเองจากมาเป็นครั้งคราว
ทว่าคำถามที่นางเอ่ยกลับทำให้อีกฝ่ายขมวดคิ้วมึนงง “เจ้าเป็นอันใดไป เหตุใดมาถามข้าเช่นนี้”
“พี่เหยาฟื้นมาจากไข้ก็จำอะไรไม่ได้แล้วขอรับ” จื่อเทารีบเอ่ย
“จำไม่ได้!” เสียงของคนทั้งสามที่มาด้วยกันประสานขึ้น
“ตามนั้นแหละเจ้าค่ะ ว่าแต่พวกท่านเป็นใคร มาหาข้าทำไมหรือ” เหยาอันรีบเข้าเรื่อง เพราะยามนี้นางอยากปลดทุกข์เต็มที คนเหล่านี้ก็ช่างเลือกเวลาได้ถูกกันจริง ๆ
“ได้ยินว่าเมื่อวานเจ้าหาปลาได้มากมาย มิหนำซ้ำยังเป็นปลาที่หายากด้วย เจ้าพอจะหามาให้ข้าได้อีกหรือไม่” หนุ่มใหญ่หน้าตาดีเอ่ยกับหญิงสาวตรงหน้า ซึ่งมีท่าทางลุกลี้ลุกลนชอบกล
“หยุด! พวกท่านรอข้าสักประเดี๋ยวนะ ขอข้าไปทำธุระส่วนตัวก่อน ข้าไม่ไหวแล้วจริง ๆ” มือผอมบางยกขึ้นห้ามปราม จากนั้นนางก็หันรีหันขวา เมื่อมองเห็นจุดหมายก็วิ่งหายเข้าไปในป่าทางหลังบ้านด้วยความรีบร้อน ไม่แยแสภาพลักษณ์ของสตรีสักนิด
“ไร้การอบรมจริง ๆ มิน่าเถาหย่งเต๋อถึงไม่ยอมกลับมาตบแต่งนาง” ถงกวานผู้ติดตามนายตำบลเอ่ยหยัน
“พี่ถงกวานรู้หรือว่าพี่ชายข้าอยู่ที่ใด บอกข้ามาทีพวกข้าจะไปหาเขา” จื่อเทารีบถาม เมื่อได้ยินคนเอ่ยถึงนามของพี่ชายตน
ท่านหมอเสิ่นผู้เป็นสหายรักของเถาหย่งเต๋อเห็นท่าไม่ดีจึงเดินเข้ามาคุกเข่าปลอบเด็กน้อย “จื่อเอ๋อร์ ไม่มีใครรู้หรอกว่าพี่เจ้าอยู่ที่ใด ถงกวานก็เอ่ยไปเช่นนั้นเอง เจ้าอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลยนะ” มือเรียวยกขึ้นลูบแก้มเด็กน้อยอย่างเอ็นดู ก่อนจะมองเลยไปยังประตูที่มีเด็กหญิงอีกคนยืนเกาะขอบเสามองพวกเขาด้วยแววตาเศร้าหม่น
เมื่อเขาลุกขึ้นก็หันมาหาผู้ติดตามของนายตำบล ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงเรียบ “ต่อไป อย่าได้พูดเรื่องที่เจ้าไม่รู้อีก”
“ขอรับท่านหมอ” สิ้นคำชายหนุ่มก็ถอยไปยืนห่าง ๆ ส่วนท่านหมอและนายตำบลก็เดินสำรวจโดยรอบ เสิ่นจินหยางเดินตรงไปยังครัวก็สังเกตเห็นข้าวของยังกองอยู่ในถัง
“ดูท่าสตรีนางนี้จะไม่ได้ความจริง ๆ”
“ไม่ได้ความอะไร” เสียงจากด้านหลังบ่งบอกให้รู้เลยว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก “ถ้าท่านหมายถึงของพวกนี้ล่ะก็ ข้าตั้งใจเอาไว้ในถังเอง เพราะข้าวของในเรือนนี้มันเก่าผุพังแล้ว ขืนวางของหนักทับลงไปอีกก็มีแต่จะพังลงมามิใช่หรือ มีตาก็หัดดูบ้างนะ มิใช่มีเอาไว้แค่จับผิดคนอื่น” สิ้นคำนางก็เดินไปนั่งที่แคร่หน้าเรือน
ไม่แยแสสักนิดว่าบุรุษที่เอ่ยเมื่อครู่จะมองตนเช่นไร เหยาอันสนเสียที่ไหนกัน แม้เขาจะหน้าตาดี ทว่ามาถึงก็พูดจาดูถูกผู้อื่นเลยเช่นนี้นางไม่ชอบ คนเราควรต้องคบหาพูดคุยกันก่อนจึงจะถูก
เสิ่นจินหยางไม่ได้เดินตามนางกลับมา เพราะเขายังคงมองสำรวจภายในเรือนต่อ เพื่อดูว่าสิ่งที่นางพูดมานั้นมันจริงหรือไม่ แต่ภาพที่เห็นมันกลับสวนทางกับทุกอย่าง
ข้าวของเครื่องใช้เก่าและมีฝุ่นเขรอะ บางมุมเต็มไปด้วยของแห้งที่กองสุมกันอยู่ ต่อให้เป็นเรือนเก่า อย่างไรคนอยู่ก็ควรต้องดูแลทำความสะอาดมิใช่หรือ ทว่าเท่าที่เห็นคือมันสกปรกมาก ถึงกระนั้นนางยังมีหน้ามาอ้างว่าเครื่องใช้ผุพัง ทำให้จัดวางดีดีไม่ได้
“เหอะ! ขี้เกียจจนเคยตัวยังมีหน้ามาเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาอ้างอีก วัน ๆ ดีแต่กินกับนอน” เสิ่นจินหยางเอ่ยในสิ่งที่ตนเคยได้ยินมา
และมันก็เล่าลือไปทั่วทั้งตำบลแล้วกับความเกียจคร้านของสตรีนางนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังชอบข่มเหงรังแกเจ้าแฝดด้วย
หลังจากสำรวจจนพอใจเขาก็เดินกลับมาสมทบกับญาติผู้พี่ของตน นั่นคือนายตำบลนามว่าหานเฉินอี้ ซึ่งกำลังเจราจากับเจ้าของเรือน และนางก็ดูเหมือนจะตั้งใจฟังมาก
“นายตำบลต้องการให้ข้าหาปลาหลี่ให้แบบเป็น ๆ หรือ”
“ใช่ อีกสองวันเป็นวันเกิดของผู้ว่าการ ข้าอยากนำมันไปมอบให้เขา” ชายหนุ่มวัยสามสิบเอ่ยบอก แววตาเขายังฉายแววอ่อนโยนเหมือนเคย อาจเป็นเพราะหน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมายกระมัง จึงทำให้ชายหนุ่มพูดจาดีกว่าคนอื่นที่ตามมาด้วย
“แล้วท่านจะให้ราคาอย่างไร” นางจ้องหน้าเขาเขม็ง
“เห็นแก่เงิน” เสียงของผู้ติดตามดังขึ้น
“แล้วใครไม่เห็นแก่เงิน ทุกวันนี้พวกท่านเดินไปหยิบของในตลาดมาโดยไม่จ่ายเงินกระนั้นหรือ แล้วเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ใส่อยู่ ท่านร่ายมนต์ขึ้นมาหรือไงกัน” เหยาอันส่งเสียงตวาดทันที
ทั้งสามยืนนิ่งงันกับถ้อยคำที่มันจริงทุกประการ โดยเฉพาะชายหนุ่มที่ถูกตอกหน้าไป เขาถึงกับอ้าปากค้างกล่าวอันใดไม่ออก ไม่มีใครคาดคิดว่าสตรีเกียจคร้านผู้นี้จะปากร้ายนัก
“ใจเย็นก่อน ขอโทษแทนคนของข้าด้วย ต่อไปไม่ได้ถามก็ไม่ต้องพูด” เฉินอี้หันมาตำหนิคนของตน จากนั้นเขาก็หันกลับมาเอ่ยกับนางอีกหน “ข้าจะจ่ายเงินให้ ตามราคาท้องตลาด”
“เช่นนั้นยามเย็นท่านค่อยมาอีกก็แล้วกัน ส่วนจะได้หรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับวาสนานายตำบลแล้วนะเจ้าคะ” คำพูดนางยามเมื่อเอ่ยกับเฉินอี้มักจะต่างไปจากยามคุยกับสองคนด้านหลังมาก
ท่านหมอจึงเผลอคว่ำปากใส่โดยไม่ตั้งใจ และยังเอ่ยลอย ๆ ราวกับกำลังบอกกล่าวนาง “ภรรยาพี่ชายข้ากำลังตั้งครรภ์”
เหยาอันหันกลับมามองเขาทันที นางยกมุมปากใส่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้ามีนิสัยแย่อยู่อย่างหนึ่ง ยามมีใครดีด้วย ข้ามักจะดีคืนเป็นสองเท่า ส่วนใครที่ชอบพูดจาดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นนั้น ข้าก็จะคืนกลับไปด้วยประโยคที่ไม่ต่างกัน ดั่งคำกล่าวของนักปราชญ์ที่ว่า รู้จักให้เกียรติผู้อื่นเมื่อใด ตนก็จะได้รับเกียตริคืนกลับมาเมื่อนั้น ดูท่าคุณชายก็ร่ำเรียนมาไม่น้อย ท่านอาจารย์ไม่เคยสอนหรือว่า อยากให้ผู้อื่นเคารพ เราต้องรู้จักเคารพผู้อื่นก่อน” สิ้นคำนางก็จ้องตาอีกฝ่ายไม่ยอมหลบ จนนายตำบลต้องรีบไกล่เกลี่ย
“เหยาอัน เจ้าอย่าได้ถือสาน้องชายข้าเลยนะ เขาก็ปากไม่ดีเช่นนี้ ทว่าความจริงแล้วเขาเป็นคนดีมากเลยนะ”
“น้องชายท่านอาจจะดีเฉพาะกับคนที่เขาอยากดีด้วยกระมัง แต่ช่างเถิดเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่ใส่ใจ เพราะคนผู้นี้ไม่ได้มาหาข้าวให้เรากิน” เอ่ยอย่างไม่ยี่หระ อีกฝ่ายก็ได้แต่ยืนนิ่ง
ใช่ว่าเขาจะโกรธ แต่กำลังรู้สึกผิดต่างหาก
เพราะคำที่นางกล่าวมาล้วนแต่จริงทุกอย่าง เขาตั้งแง่กับนางตั้งแต่แรก จึงมองทุกการกระทำของหญิงสาวไม่ถูกตา และยังตัดสินนางจากวาจาของชาวบ้านที่ล่ำลือกัน
ทว่าจะให้กล่าวขอโทษน่ะหรือ ไม่มีทางเสียหรอก
#อย่าได้แหยมกับลูกเจ้าพระยาเชียว หยอก ๆ
ลูกสาวก็ปากแซ่บเกิ้น ใครไม่ชอบนางเอกแนวนี้ ผ่านได้นะคะ บทบาทตัวละครในนิยายแต่ละเรื่องมันจะต้องแตกต่างกันไป
นิยายไม่ตรงจริตก็เลื่อนผ่าน หาเรื่องที่ถูกใจอ่านนะคะ
ไรท์แค่อยากเปลี่ยนแนว เปลี่ยนคาแรคเตอร์นางเอกบ้าง มันเลยออกมาทำนองนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นางเอกก็เป็นคนดีนะ
แค่ปากร้ายเท่านั้นเอง 555