7. สตรีร้ายกาจผู้ใจดี

1664 Words
ทั้งคู่ยังคงแสดงท่าทางแข็งกร้าวใส่กัน ผู้ที่โตกว่าจึงต้องรีบเอ่ยตัดบทนี้เสีย ก่อนที่สงครามขนาดย่อมจะเกิดขึ้น “เอาเป็นว่าค่ำนี้ข้าจะมาอีกที หวังว่าข้าจะโชคดีได้ปลาหลี่ไปกำนัลท่านผู้ว่านะ” เฉินอี้รีบกล่าว เพราะขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังหนุ่มสาวได้ทะเลาะกันใหญ่โตเป็นแน่ “ข้าคงต้องขอตัวกลับเสียที” เอ่ยจบเขาก็หันมาคว้าแขนญาติผู้น้องตนเดินออกมา “ช้าก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับนาง” “คุยอันใดอีก ปากเช่นเจ้าอย่าได้อยู่ต่อเลย” ว่าพร้อมกับรั้งคอน้องชายตนให้เดินตาม ทว่าร่างสูงกลับขืนตัวไว้ “มู่เหยาอัน ห้ามเจ้ารังแกน้องสหายข้าเข้าใจหรือไม่” ท่านหมอเอ่ยตะโกนเสียงดัง ราวกับคำพูดตนจะทำให้นางหวาดหวั่น “กลัวนักก็มารับไปเลี้ยงเองสิ คิดว่าข้าอยากดูแลเด็กสองคนนี้งั้นเหรอ วันพรุ่งข้าจะเอาไปปล่อยวัดคอยดูเถอะ” “นี่เจ้า” ชายหนุ่มชี้หน้าทันที “เหยาอันเจ้าอย่าถือสาคนปากเสียเลยนะ” เฉินอี้กล่าวจบก็ลากตัวน้องชายกลับเรือน และเสิ่นจินหยางก็ยังโวยวายอยู่เช่นนั้น ส่วนคนที่ยืนอยู่หน้าเรือนก็ได้แต่หัวเสีย ทิ้งตัวนั่งลงบนแคร่อย่างหงุดหงิด ทว่าไม่ทันไรก็มีมือน้อยมากระตุกชายเสื้อ “พี่เหยา” เด็กน้อยยื่นปากออกมาตั้งท่าจะร้องไห้ เพราะรู้สึกสะเทือนใจกับคำพูดที่ได้ยินเมื่อครู่ ซึ่งมันไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่สาวกล่าวเช่นนี้ ยามนางโมโหก็มักจะไล่พวกเขาเสมอ ทว่าหนนี้มันไม่เหมือนกัน เพราะนางบอกจะเอาตนสองพี่น้องไปปล่อยวัด ใจดวงน้อยจึงเกิดตื่นกลัวขึ้นมา “อะไร!” ถามกลับเสียงห้วน เพราะกำลังหงุดหงิดอยู่ “พี่จะเอาเราไปปล่อยวัดจริงหรือ” ม่านอวี้เอ่ยถามเสียงเครือ ผู้เป็นพี่สาวจึงได้แต่อ้ำอึ้ง เพราะตนตั้งใจจะทำอย่างที่ว่าจริง ๆ “ข้า…” เหยาอันเอ่ยได้คำเดียว เพราะรู้สึกจุกอยู่ที่คอ “ม่านเอ๋อร์ อย่ากวนพี่เหยาสิ พี่เหยาไม่ทำอย่างนั้นหรอก ต่อให้นางตีพวกเรา ดุด่ายังไงก็ไม่มีทางเอาเราไปทิ้งที่อื่นแน่ หากพี่เหยาคิดจะทำคงทำไปนานแล้วล่ะ พี่เขาก็แค่โมโหพี่เสิ่นเท่านั้น” เด็กชายเอ่ยแล้วก็ยิ้มให้นาง “ข้าจะไปหุงข้าวเตรียมไว้นะขอรับ” เอ่ยจบร่างน้อย ๆ ก็วิ่งไปที่ห้องครัว ผู้ที่นั่งอยู่ตรงแคร่ก็ยังนิ่งอยู่ จนกระทั่งเด็กหญิงฟุบหน้าลงบนตักนาง “พี่อย่าเอาเราไปปล่อยวัดนะ ม่านเอ๋อร์กลัวผี” เสียงเด็กน้อยยังคงสั่นเครือ บ่งบอกถึงความกลัวที่มีในใจ เหยาอันก็ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็ใช้มือลูบหัวเด็กน้อยเพื่อปลอบประโลมท่าทางตื่นกลัวนี้ พร้อมกับเอ่ยด้วยเสียงเรียบ “ถ้าเจ้าไม่ดื้อ ข้าจะไม่เอาไปปล่อยวัดก็ได้” เอ่ยจบก็หันหนี ใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กน้อยที่เงยขึ้นมามองนาง “ข้าจะเชื่อฟัง ไม่ดื้อเจ้าค่ะ” สิ้นคำ ร่างน้อยก็ปีนป่ายขึ้นมานั่งบนตักนางพร้อมกับกอดเอาไว้ด้วยความปลื้มปีติ โครม!! แคร่หักลงพื้นทันที… ร่างบอบบางนอนแอ้งแม้งหงายหลัง ดวงตาเบิกมองเมฆาที่ลอยผ่านไปมา บนตัวก็มีร่างของเด็กน้อยนอนทับอยู่ “พี่เหยา น้องเล็ก” จื่อเทาได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง เมื่อได้สติเขาก็รีบมาพยุงน้องสาวให้ลุก จากนั้นก็หันมาหาคนที่นอนแผ่หราอยู่ “ไม่ต้อง” มือบางยกขึ้นมาห้าม ก่อนจะขยับลุกนั่ง “พี่เหยา ม่านเอ๋อร์ขอโทษ” เด็กน้อยเอ่ยเสียงเบา แววตาวูบไหวอย่างคนรู้สึกผิด เพราะตนทำให้พี่สาวต้องเจ็บตัว เหยาอันมองคนที่เอ่ยกับตนเล็กน้อย ก่อนจะขยับถอยมานั่งตรงริม “มานี่” เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ม่านอวี้ก็ขยับเข้ามาหาอย่างว่าง่าย คิดในใจว่าหากพี่สาวทำโทษตนก็ยินดีรับ “เจ็บหรือเปล่า” มือบางจับเด็กน้อยพลิกไปมา “ไม่เจ้าค่ะ” สิ้นคำเด็กน้อยก็ยิ้มแฉ่งใส่อย่างน่าตี “เช่นนั้นก็ไปล้างหน้าล้างตาเถอะ ข้าจะไปทำอาหารให้” ว่าพร้อมกับดันร่างน้อยออกห่างเพื่อที่ตนเองจะได้ลุกขึ้น เด็กน้อยพากันมองตามอย่างมึนงง กระทั่งร่างบอบบางพี่สาวหายเข้าไปในครัว ผ่านไปพักใหญ่นางก็ออกมาพร้อมอาหารกลิ่นหอมฉุย… “ไปเอาถ้วยชามมา จะได้กินข้าว” ออกคำสั่งกับเด็กชายที่ยืนมึนงง จื่อเทาจึงรีบวิ่งกลับไปที่ครัวทำตามที่นางบอก จากนั้นทั้งสามก็นั่งกินอาหารกันอย่างเงียบ ๆ จนแล้วเสร็จก็เป็นหน้าที่ของเด็กชายเก็บล้างจานชามเหมือนเคย “ข้าจะไปตัดไม้ทำแคร่ พวกเจ้าเล่นกันอยู่ที่เรือนนะ” “ข้าจะไปด้วย จะได้ช่วยพี่ขน” เด็กชายรีบเอ่ย “ตามใจ” สิ้นคำนางก็หันไปหยิบมีดพร้าเล่มใหญ่เดินขึ้นเขา ซึ่งมันไม่ได้ไกลนัก โชคดีที่มีป่าไผ่ใกล้เรือน “นั่นพวกเจ้าจะไปที่ใดกัน” คนในหมู่บ้านเอ่ยถามจากไกล ๆ “ไปตัดไผ่มาทำแคร่ขอรับ” เด็กน้อยตะโกนตอบ ก่อนจะหันมาดึงน้องสาวให้เดินตามมา ทว่าเสียงจากด้านหลังก็ดังขึ้นอีก “จื่อเทา ม่านอวี้ลงมานะ” เหยาอันจึงหันกลับมาดู เพราะเสียงนี้มันช่างคุ้นหูนัก เมื่อเห็นว่าเป็นใครนางก็คว่ำปาก ก่อนจะเดินต่อไม่ใส่ใจคนที่กำลังก้าวตามมา ท่าทางเขาดูร้อนใจมาก กึ่งเดินกึ่งวิ่งเชียว “ข้าบอกให้หยุด ไยไม่รู้จักฟัง” “ข้ามีงานต้องทำ ไม่ว่างคุยด้วย” ร่างบางเดินเลี่ยงมุ่งหน้าไปยังต้นไผ่ขนาดพอดีตัด ฝั่งคนตัวโตก็ไม่ยอมรามือ ยังเดินตามติดเช่นเคย แต่ต้องหยุดเมื่อนางหันกลับมา ทว่าไม่ได้จะเอ่ยกับเขา “เจ้าสองคนไปนั่งรอตรงนั้น” มีดพร้าชี้ผ่านใบหน้าคมคายของหมอหนุ่ม ทำเอาอีกฝ่ายต้องรีบก้าวถอยหลัง เหยาอันจึงยิ้มมุมปากทันที ก่อนจะหันมาสนใจต้นไผ่ตรงหน้า แล้วลงมือตัดมัน ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก! ครืน!!! เสียงต้นไผ่ไหวเอนลงสู่พื้น ทว่าคนที่ตัดมันกลับไม่ได้หยุดแค่นั้น นางยังคงเดินไปตัดอีกลำและอีกลำต่อ โดยมีท่านหมอยืนมองอย่างไม่เชื่อสายตา เพราะท่าทางนางดูคล่องแคล่วมาก หาได้มีแววของคนเกียจคร้านไม่… “พี่สะใภ้เจ้าตัดไผ่ไปทำอะไรหรือ” ท่านหมอขยับมานั่งข้างเด็กน้อย เขาไม่คิดจะช่วยนางเพราะเชื่อว่าหญิงสาวกำลังอวดเก่ง “ทำแคร่ขอรับ เมื่อเช้าแคร่ที่หน้าบ้านหัก” “งั้นหรือ” รับคำ ทว่าสายตายังมองไปที่ร่างผอมบางที่ก้มหน้าก้มตาฟันต้นไผ่อย่างเดียว จนคนมองรู้สึกกระดากอาย จึงต้องลุกเดินไปหาก่อนจะเอ่ยขึ้น “ตัดเช่นนี้เมื่อไหร่จะได้ไผ่เพียงพอ” มือเรียวแย่งมีดไปถือไว้เอง อีกมือก็ดันนางออกห่าง เหยาอันมองเขาเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยขอบคุณหรือตำหนิ แต่หันไปกล่าวกับเด็กชายที่นั่งมองแทน “จื่อเทา ลงไปเอามีดมาอีกอัน อย่าลืมเอาถังมาด้วยนะ” บอกเด็กน้อยที่นั่งมองตาปริบ ๆ “ขอรับ” จื่อเทาจึงรีบลุกวิ่งลงเขาไปทันที ด้านเสิ่นจินหยาง ได้ยินเช่นนั้นเขาก็หยุดมือแล้วหันมองหญิงสาวที่กำลังลากต้นไผ่ไปกองรวมกัน ‘ปกตินางจะต้องนั่งพักมิใช่หรือ’ คิดในใจถึงการกระทำที่ต่างออกไปของสตรีนางนี้ ทว่าเมื่อเห็นนางหันมา เขาก็รีบลงมือตัดต้นไผ่ต่อ “เสร็จจากต้นนั้นก็พอได้แล้ว” เสียงเรียบแว่วมา เมื่อหันไปมองก็เห็นว่านางก้มเงยอยู่กับกองไม้ ทำราวกับเอ่ยขึ้นมาลอย ๆ “ชิ! สั่งอย่างกับข้าเป็นคนงาน” บ่นพึมพำแต่มือก็ทำ เมื่อตัดเสร็จหันมาอีกที ก็เห็นร่างบอบบางได้มีดมาสางกิ่งไผ่แล้ว เขาจึงเดินมาช่วยอีกแรงเพื่อจะได้เสร็จไวไว ผ่านไปพักใหญ่ ไม้ไผ่ก็ถูกฟันแบ่งครึ่งเป็นท่อน ๆ ขนาดความยาวแตกต่างกัน เพราะเหยาอันตั้งใจจะเอาไปทำชั้นวางของด้วย รวมถึงเก้าอี้สำหรับนั่งกินข้าวซึ่งมันผุพังหมดแล้ว “เจ้าสองคนทยอยขนไม้ลงไปนะ ข้าจะไปหาเหยื่อ” สั่งเด็กน้อยแล้วก็เดินเลี่ยงไปทันที เพราะนางเชื่อว่าสองคนนี้สามารถทำได้ แค่ลากไผ่ลงไปทีละท่อน มันไม่ได้หนักหนาอะไร “ช้าก่อน เจ้าจะไปไหนอีก แล้วใช้เด็กทำงานเช่นนี้มันถูกต้องแล้วหรือ” ท่านหมอเอ่ยตำหนิทันที พร้อมกับตั้งท่าจะห้าม “เราทำได้ขอรับ” จื่อเทาเอ่ยแล้วก็กอดเอาต้นไผ่ลากลงไปตามทาง มีน้องสาวทำตามอย่างตั้งใจ แต่ก็ได้คนละท่อนเท่านั้น “คนใจร้าย! เด็กเล็ก ๆ ยังใช้ได้ลงคอ เจ้ามันไร้ความเป็นคนเหยาอัน” เสิ่นจินหยางคำรามลั่นป่าอย่างเหลืออด #ท่านหมอใจเย็น ๆ เด้อ เดี๋ยวจะว่าข้าน้อยไม่เตือนนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD