10. แท้ที่จริง เหยาอันไม่ใช่คนร้ายกาจ

1712 Words
ณ คลองน้ำเงียบกริบราวกับไม่มีคนอยู่ ทั้งที่ก่อนนั้นชายวัยกลางคนทั้งสามกำลังสรวลเสเฮฮากับการตกปลาอยู่แท้ ๆ ทว่าพอพวกเขาได้ยินถ้อยคำพาดพิงจากหญิงสาว ก็เงียบลงในทันที เพราะคำที่นางเอ่ยมา ล้วนแต่กระทบพวกเขาไปด้วย “เหยาอัน วันหน้าหากเจ้ามีอะไรให้ลุงช่วยก็บอกได้นะ” เป็นลุงจางที่เอ่ยขึ้นมาก่อนด้วยความละอายใจ เพราะเมื่อวานเขาก็เอาเปรียบนาง ด้วยการกดราคาปลาไม่ยอมบอกไปตามจริง “มีแน่เจ้าค่ะลุงจาง ข้าคิดจะทำเรือนใหม่ เพราะเกรงว่ามันจะไม่พ้นหน้าฝนในปีนี้ หากลุงจางพอมีคนที่ทำงานได้ ช่วยให้พวกเขามาที่เรือนข้าวันพรุ่งได้หรือไม่” เมื่อได้โอกาส มีหรือหญิงสาวจะชักช้า นางต้องรีบลงมือตอนที่มีคนสำนึกบุญคุณอยู่นี่แหละ “ได้ ๆ ประเดี๋ยวกลับไปลุงจะหาคนให้” ลุงจางรีบรับคำ “เดี๋ยวลุงจะพาลูกชายมาช่วยนะ” ลุงจินกล่าวบ้าง ด้านลุงชุย็รีบอาสามาช่วยอีกแรง เผื่อวันหน้าจะได้รู้วิธีหาเหยื่อ “ขอบคุณท่านลุงทั้งสามเจ้าค่ะ” “เราสิ ต้องขอบคุณเจ้า ดูเถิด เราได้ปลามากมายเชียว” ลุงจินเอ่ยอีกครั้งอย่างซาบซึ้งใจ เพราะช่วงนี้เขาต้องการใช้เงินมาก คนแก่เช่นเขาจะไปหางานอะไรที่ทำแล้วได้เงินรวดเร็วถึงเพียงนี้ “เจ้าคงไม่รู้ว่าปลาห้าตัวในถังนี้ เมื่อขายแล้วจะได้ทั้งค่ายาของภรรยาข้า และยังเหลือส่งให้บุตรชายคนโตข้าที่ไปสอบบัณฑิตในเมืองด้วย ที่สำคัญคือเหลือเก็บไว้ใช้จ่ายได้อีกเป็นเดือนด้วยนะเหยาอัน” ลุงจินยังคงบอกเล่ารายละเอียดให้หญิงสาวฟังอย่างตื้นตันใจ เหยาอันถึงกับนิ่งไป นางก็นึกไม่ถึงว่าแค่ตนเสียสละเหยื่อให้จะกลายเป็นบุญคุณท่วมท้นขนาดนี้ ‘ไม่เสียแรงที่อยากเป็นคนดีมีน้ำใจอย่างคนอื่นเขานะพะแพง’ นึกชื่นชมตนเองในใจ พร้อมกับยิ้มกริ่มอย่างปลื้มปีติ ปกตินางไม่เคยใส่ใจผู้อื่น จึงไม่เคยพบพานความรู้สึกนี้ ‘เห็นทีคราวหน้าเราต้องทำดีบ่อย ๆ แล้ว’ “ท่านลุงอย่าได้เกรงใจ อยู่หมู่บ้านเดียวกัน อันไหนช่วยกันได้ก็ช่วย ขอแค่อย่ารังแกกันก็พอ เพราะเรือนข้ามีแค่เด็กกับสตรี ไม่น่าเอาเปรียบหรอกเจ้าค่ะ” นางเผยยิ้มจริงใจ ก่อนจะหุบลงเมื่อเห็นสีหน้าของลุงจางที่ดูต่างออกไปจากคนอื่น “ข้า… เอ่อ” อีกฝ่ายอ้ำอึ้ง “เรื่องเมื่อวานปล่อยผ่านมันไปเถิด ใช่ว่าข้าจะไม่รู้ว่าลุงจางโกงเสียเมื่อไหร่ ที่ข้ายอมก็เพราะร่างกายอ่อนเพลียมาก จึงไม่อยากเอาปลาไปเล่ขายเอง ที่สำคัญทุกคนก็มีความลำบาก ความจำเป็นมิใช่หรือ ก็ถือว่าช่วย ๆ กันไป อย่าได้คิดมากเลย” นางเอ่ยจบก็ยิ้มให้ ลุงจางจึงรีบเผยยิ้มตาม ทว่ามันก็ได้ไม่นาน เมื่อนางเอ่ยขึ้น “เพียงแต่อย่าให้มีครั้งหน้าอีก เพราะมันจะติดเป็นนิสัย จนนำภัยมาสู่ตัวได้ คนเราคตโกงจนเคยชิน ไม่มีใครจับได้ก็ย่ามใจ ทว่าสวรรค์มีตานะ ครั้งที่ถูกจับได้มันอาจหนักหนาจนถึงแก่ชีวิตก็ได้ เพราะคนที่ใจดีกับเรามันมีไม่มากหรอก ฉะนั้นอย่าโกงเป็นดีที่สุด” “ละ… ลุงจะจำไว้ ภายหน้าจะไม่ทำอีกแล้ว” ลุงจางรับคำอย่างตะกุกตะกัก แต่ก็ใช่ว่าคนฟังจะเชื่อ คนเคยทำอย่างไรก็เลิกไม่ได้ หากมีโอกาสย่อมลงมืออีกแน่ นางแค่หวังว่าเขาจะไม่ทำเรื่องพวกนี้กับนางและเด็ก ๆ ก็เท่านั้นเอง “พี่เหยา” เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดการพูดคุย “หิวแล้วสิท่า” ว่าพร้อมกับยื่นปลาที่แกะแผ่นหนังออกหมดแล้วให้ทั้งคู่คนละตัว “ระวังก้างด้วย” เอ่ยบอกเสียงอ่อน จากนั้นนางก็หันมาแกะอีกตัวให้ท่านหมอที่มาช่วยงานในวันนี้ “กินได้แน่หรือ” ถามอย่างไม่แน่ใจ แต่ก็แอบกลืนน้ำลาย “กินแล้วตาย อีกประเดี๋ยวท่านรอดูเด็กสองคนนี้นะ อีกไม่นานจะชักดิ้นชักงอลงกับพื้น ขาดใจตาย” “ฮ่าฮ่า ไม่ตายหรอกขอรับ พี่เสิ่นลองชิมดูอร่อยมากเลยนะ” “ใช่ ๆ มีแต่จะย่างเพิ่มมากกว่า” ม่านอวี้สำทับคำพี่ชาย ก่อนจะก้มลงแกะปลาที่หอมฉุยกินต่อโดยไม่แยแสอันใดอีก เสิ่นจินหยางมองทั้งคู่ที่มีแต่รอยยิ้มก็ยิ้มตาม จากนั้นเมื่อเขาเห็นเหยาอันเอาปลาไปให้คนทั้งสามก็ยิ้มตามไปอีก เมื่อนางหันกลับมาเขาก็รีบก้มสนใจปลาตรงหน้า ก่อนจะแกะมันชิมดู “รสชาติกลมกล่อมเหมือนเอาเกลือมาพอกเลย” “ดินที่ใช้เป็นดินเค็ม ยามที่น้ำในตัวปลาเดือดจะดูดเอาความเค็มของดินเข้ามาทำให้ปลาเกิดมีรสชาติ แต่ไม่ต้องหวงไม่มีพิษภัยอะไร” นางอธิบายบอกเขา ก่อนจะแกะปลาของตนเองกินบ้าง “เหยาอัน!! ปลานี้อร่อยนัก เดี๋ยวกลับเรือนไปลุงจะทำให้ป้าเจ้ากิน” ลุงจินตะโกนบอกอย่างตื่นเต้น จากนั้นทั้งสามก็เอาปลาที่ตกได้มาพอกดินที่เหลืออยู่ แล้วโยนใส่กองไฟไปทั้งอย่างนั้น “เจ้านี่เก่งจริง ๆ” ลุงจางเอ่ยชม พร้อมกับทำมือคำนับนาง จากนั้นเขาก็เดินไปตกปลาต่อ เพราะกำลังเพลิดเพลินนัก ค่ำนี้กว่าปลาจะไปหมด เขาคงได้เต็มถังพอดี ด้านหญิงสาวก็ได้แต่ยิ้มตามท่าทางมีความสุขของทุกคน รวมถึงท่านหมอที่เอาแต่กินไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาพูดคุย “ไม่กลัวตายหรือเจ้าคะ” นางแสร้งเย้าเขา “ก่อนตายได้กินของอร่อยเช่นนี้ก็ถือว่าคุ้ม” “หึหึ มันก็ไม่ได้อร่อยถึงขั้นนั้นหรอก แค่เราหิวมันเลยอร่อยมากขึ้นกว่าปกติก็เท่านั้น” นางบอกตามทฤษฏีความเป็นจริง คนเราเวลาเหนื่อย กินอะไรก็อร่อยหมดนั่นแหละ “แต่ข้าไม่เคยกินปลาเผาที่อร่อยเท่านี้มาก่อน มันหอม และเนื้อหวานมาก” เงยหน้ามาเอ่ยเพียงเท่านั้นก็ก้มลงไปแกะเนื้อปลาที่ติดกับก้างใส่ปาก คนมองจึงได้แต่ขำเอ็นดูลูกคนมีเงิน ก่อนจะหันมาหาเจ้าแฝดที่บัดนี้พวกเขาก็ทำไม่ต่างกัน “ระวังก้าง” ว่าพร้อมกับใช้มือเขี่ยออกให้ จากนั้นริมลำคลองก็เต็มไปด้วยเสียงเฮฮาของกลุ่มคนที่นั่งตกปลา บ้างก็กินปลา จนกระทั่งบ่ายคล้อยเหยาอันก็พาเด็ก ๆ เก็บข้าวของเพื่อกลับเรือน เพราะยังมีงานให้ต้องทำอีก “ขอบใจนะเหยาอัน” ลุงจินเอ่ยขึ้น “เอากลับไหวหรือไม่ มาลุงหาบไปส่งดีกว่านะ” ลุงจางรีบลุกมาอาสา เพราะก่อนนี้คุยกับสหายแล้วว่าเขาจะออกแรงไปส่งนาง เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจที่หญิงสาวให้เหยื่อและสอนวิธีเผาปลาในวันนี้ และเหยาอันก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะนางก็ไม่น่าจะไหว วันนี้ได้ปลามากกว่าเมื่อวานนัก ยิ่งไปกว่านั้นจะหวังพึ่งคุณชายบ้านรวยก็คงไม่ได้ แค่ให้เขาตัดไผ่ยังมือแดง ทำเอานางไม่กล้าใช้อีก ไม่นานนักทั้งห้าก็กลับมาถึงเรือน “ขอบคุณลุงจางนะเจ้าคะ” “อย่าได้เกรงใจเลย ส่วนเรื่องสร้างเรือน วันพรุ่งลุงจะเป็นธุระจัดการให้นะ” เอ่ยบอกด้วยท่าทางอ่อนน้อม “ขอบคุณอีกครั้งเจ้าค่ะ เอาไว้ข้าจะทำอาหารตอบแทนก็แล้วกันนะเจ้าคะ” สิ้นคำนางก็โค้งให้ผู้อาวุโส และจับหัวเด็กทั้งสองทำด้วย เสียงหัวเราะเอ็นดูจึงตามมา ก่อนที่ร่างท้วมจะจากไป เหยาอันจึงหันมาหาชายหนุ่มที่ยืนมองอยู่ “ขอบคุณท่านหมอที่มาช่วยในวันนี้นะเจ้าคะ ไม่ทราบท่านจะเอาปลาไปให้พี่ชายเลยหรือไม่ ข้าจะได้คัดเลือกใส่ถังให้” “เจ้ายังต้องทำแคร่ ทำเครื่องใช้ในเรือนอีกมิใช่หรือ” คำตอบที่ได้กลับไม่ใช่สิ่งที่นางถาม หญิงสาวจึงขมวดคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ “ใช่ แต่มันไม่เกี่ยวกับท่านหมอนี่เจ้าคะ” เอ่ยพร้อมกับมองหน้าอีกฝ่ายที่มีท่าทางเลิ่กลั่กอยู่มิน้อย “คือ… เอ่อ…ไหน ๆ ก็ช่วยตัดไผ่และทุบไปกว่าครึ่งแล้ว ข้าควรทำให้มันเสร็จ ๆ ดีกว่า” สิ้นคำเขาก็หันไปทุบต้นไผ่ต่อ “แต่ข้าไม่อยากมีปัญหาในภายหลัง โดยเฉพาะกับครอบครัวหรือภรรยาของท่านหมอ ฉะนั้นท่านกลับไปเสียดีกว่า” นางเอ่ยไปตามจริง คนผู้นี้หน้าตาดี ฐานะทางบ้านก็น่าจะร่ำรวย และอายุอานามก็น่ายี่สิบแล้ว เขาย่อมไม่ใช่คนหนุ่มที่ยังไม่ออกเรือน นางควรต้องกันเอาไว้ก่อน… ท่านหมอจึงเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเรือนก่อนจะเอ่ยบอกให้นางเบาใจ “ข้ายังไม่แต่งงาน ส่วนที่บ้านข้า เจ้าก็ไม่ต้องกังวล ปกติข้าก็ออกมาตรวจคนป่วยตามหมู่บ้านเป็นปกติอยู่แล้ว ฉะนั้นเจ้าไม่ต้องห่วงว่าคนที่เรือนข้าจะมาต่อว่า อีกอย่างคนที่รู้จักข้า ต่างก็รู้ว่าข้ากับหย่งเต๋อเป็นสหายกันมาตั้งแต่เด็ก การที่ข้ามาช่วยซ่อมแซมเรือนให้น้อง ๆ ของเขา ย่อมไม่มีใครคิดอกุศลเป็นแน่” เหยาอันขมวดคิ้วด้วยความมึนงง ‘ไม่น่าเชื่อ ปกติคนยุคนี้แต่งงานตั้งแต่อายุสิบหกสิบเจ็ดมิใช่หรือ ทำไมเขาถึงยังโสดอยู่’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD