@สนามบินนานาชาติดอนเมือง 🛬 เวลา 17.30 น.
"มึงรีบเดินหน่อยดิวะ...สายมากแล้วเนี่ย... : ธันวาพูดด้วยน้ำเสียงรีบร้อน สองเท้าหนากึ่งเดินกึ่งวิ่งผิดกับอีกคนที่เดินช้าๆอย่างสบายใจ
"รีบอะไร..ก็มาถึงแล้วไม่ใช่หรือไง
"เออ..มาถึงแล้ว แต่มึงมาเลสกว่าเวลานัดตั้งสามชั่วโมง ป่านนี่น้องรอแย่แล้ว เขายิ่งไม่รู้จักใคร ถ้าเกิดโดนใครหลอกขึ้นมาจะทำยังไงวะ : ธันวา
"โตจนเข้ามหาลัยแล้ว คงไม่โง่ให้ใครหลอกได้ง่ายๆหรอกมั้ง
"ก็น้องเขาไม่ได้กลับไทยมาตั้งนาน..เขาโตมากับเมืองนอก : ธันวา
"โตจากไหนก็คนเหมือนกันไหมวะ : สิงหายังคงหน้านิ่ง ก้าวเดินช้าๆไม่มีท่าทีเร่งรีบใดๆ
"นี่มึงแกล้งน้องใช่ไหม...ที่มึงบอกมึงท้องเสียมึงโกหกเพื่อถ่วงเวลาใช่ไหมไอ้สิง : ธันวาหยุดเดินพร้อมกับหันหน้ากลับมามองคนขี้โกหกที่ก่อนหน้านี้บอกเขาว่าท้องเสีย เลยทำให้เข้าห้องน้ำนานเป็นชั่วโมง เป็นสาเหตุให้ต้องเดินทางมาสนามบินช้า
"กูเปล๊าว ! : สิงหาทำหน้าตาเฉยก่อนจะยักไหล่กวนๆไปหนึ่งที
"ไอ้สิง...ป่านนี้น้องคงชะเง้อรอจนคอเคล็ดแล้วมั้ง ไอ้เชี่ย...กูจะฟ้องคุณนายสาวิตรีว่ามึงแกล้งให้พาขวัญรอตั้งสามชั่วโมง : ธันวา
"แล้วไง...กูมารับก็บุญแล้วไหม ?
วันนี้เป็นวันที่สิงหาได้รับคำบัญชาจากมารดาให้มารับพาขวัญ หญิงสาวที่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยพบหน้า แต่คนเป็นแม่หมายหมั้นปั้นมือให้เขากับเธอมีความสัมพันธ์กันในฐานะว่าที่คู่หมั้น เครื่องลงจอดเวลาบ่ายสามโมงตรง คนเป็นแม่บอกให้เขาขับรถไปรับน้องตั้งแต่สิบโมงเช้า คนลีลาโอ้เอ้หาข้ออ้างมาปฏิเสธนับสิบข้อ แต่ดูเหมือนคนเป็นแม่จะรู้ทัน ไม่ยอมหลงกลเขาได้ง่ายๆ ลูกชายเจ็บเพราะรักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ในเมื่อเขาเคยผ่านความตายและเกิดใหม่มาได้อีกครั้ง ชีวิตหลังจากวันนั้นเขาก็ควรที่จะได้เริ่มต้นกับคนใหม่ ไม่ต้องมาเศร้าโศกเสียใจกับคนเดิมอีก พลอยใสเป็นแฟนกับสิงหามาตั้งสามปี..แต่แปลกที่คนเป็นแม่ไม่เคยรับรู้ เพราะความละเลย ความไม่เอาใจใส่ ไม่จริงจังของคนเป็นลูกแท้ๆ จะโทษผู้หญิงที่ทิ้งไปเห็นทีจะไม่ได้ ในเมื่อแต่ก่อนนั้นลูกชายตัวดีก็ใช่ย่อย...ทำร้ายจิตใจเขาสารพัด...
สองเพื่อนรักเดินมาจนถึงโซนที่นั่งรับรองผู้โดยสาร ธันวาหยิบมือถือขึ้นมากดเข้าไปดูในแกลลอรีรูปภาพ สายตาคมสอดส่องมองหาคนในรูป ส่วนสิงหาเองยืนเอามือทั้งสองล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างไม่สนใจ อยากหาก็หาไป หาไม่เจอเลยยิ่งดี
"อยู่ไหนวะ...มึงมีเบอร์น้องไหม โทรหาดิ ... : ธันวา
"ไม่มี...
"อ้าว..แล้วมึงมารับเขา แม่มึงไม่ให้เบอร์เขามาเหรอ : ธันวา
"ให้.... แต่กูไม่ได้บันทึกไว้
"What ? : ธันวาทำหน้าตึง พร้อมกับตั้งคำถาม
"ก็ไม่ได้สำคัญอะไร ทำไมกูต้องเมมเบอร์ไว้ด้วย...หนักเครื่องเปล่าๆ
"แค่เบอร์เดียวมันคงไม่หนักเครื่องมึงเกินไปหรอกมั้ง.... : ธันวาพูดขึ้นอย่างประชดประชัน แต่ก่อนไม่เห็นต้องบอก ไอ้เพื่อนรักจอมเฟรนลี่ เมมเร็วซะยิ่งกว่าอะไร เบอร์สาวน้อยสาวใหญ่เต็มเครื่องจนเจ้าตัวเองไม่รู้จำชื่อได้หรือเปล่า แต่ดูตอนนี้เหลือไว้แค่เบอร์พลอยใสและเพื่อนสนิทอย่างมีน เบอร์ผู้หญิงที่ไหน..ไม่มี...ลบทิ้งจนไม่เหลือซาก..
"เลิกพูดได้แล้ว มึงรีบมองหา กูไม่มีเวลาว่างมายืนรอเด็กน้อยไม่ประสีประสาแบบนั้นทั้งวัน
"หึ..ก็มึงไม่ใช่เหรอ..ให้เขารอจนตะวันเกือบตกดิน แล้วบ่นอะไรวะ : ธันวาเลิกสนใจสิงหาก่อนจะหันไปมองหาคนที่อยู่ในภาพต่อ พอมองไปสักพักก็ต้องหยุดสายตาคมเอาไว้ พร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดออกมาโดยอัตโนมัติ เขายืนนิ่งราวกับต้องคำสาปให้กลายเป็นหินแข็ง ใบหน้าคมยังคงรอยยิ้มกว้างแบบนั้นเอาไว้ จนคนเป็นเพื่อนอย่างสิิงหาถึงกับหันไปมองตาม...
"ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า ช้างมันตัวโตไม่เบา จมูกยาวๆเรียกว่างวง มีเขี้ยวใต้งวงเรียกว่างา มีหูมีตาหางยาว..🎶 เย้...(แป๊ะๆๆๆ เสียงปรบมือ)
"เก่งมากเลยค่ะทุกคน...... (คนยิ้มหวานหันไปพูดพร้อมกับปรบมือให้กับกลุ่มเด็กๆที่พึ่งจะร่วมกันทำกิจกรรม)
"ขอเชิญชวนทุกคนร่วมกิจกรรมของน้องๆมูลนิธิ "บ้านสานยิ้ม" กันนะคะ ช่วยอุดหนุนพวงกุญแจแฮนด์เมดของน้องๆด้วยค่ะ พวงละ 35 บาท น้องๆเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นและการสื่อสาร (เป็นใบ้) แต่อยากหารายได้เพื่อสนับสนุนการศึกษาพิเศษ ช่วยอุดหนุนด้วยนะคะ...
รอยยิ้มสดใสพิมพ์ใจที่แจกจ่ายให้คนที่พบเห็น ยิ้มทีกระชากหัวใจจนแทบหลุดออกจากร่าง ธันวามองรอยยิ้มหวานนั้นจนตาค้าง สิงหาเองแทบจะถูกสะกดไปด้วยความน่ารักสดใสของคนที่กระโดดโลดเต้นเพลงช้างอย่างสนุกสนาน เขามองพาขวัญอย่างหลงลืมตัว รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอมันดูเป็นธรรมชาติไปซะหมด ทั้งสองยืนมองอยู่นานก่อนที่คนเป็นน้องจะหันหน้ามาคุยกับเขา
"พี่ๆ สุดหล่อ รับพวงกุญแจแมวเหมียวน้อยสักตัวไหมคะ สนับสนุนทุนการศึกษา ให้น้องๆ บ้านสานยิ้ม น้องเป็นเด็กพิการ สินค้าพวกนี้น้องๆทำเองเลยนะคะ
"ขะ..ครับ..! มีกี่ชิ้น พี่เอาหมดเลย
:เป็นเสียงของธันวาที่ตอบกลับคนเป็นน้อง สิงหาเองที่พึ่งจะรู้ตัว จึงรีบเบนหน้าหนีไปทางอื่น ด้วยท่าทีเลิ่กลั่กจนเก็บไม่อยู่
"เหลือหนึ่งร้อยห้าสิบชิ้นเลยนะคะ พี่จะรับหมดเลยเหรอคะ ...
"ครับ รับทั้งหมดครับ..คิดเงินได้เลย : ธันวา
"ทั้งหมด 5,250 บาท ขวัญลดให้ไม่ได้นะคะ เพราะเป็นงานที่น้องๆตั้งใจทำด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาเอง
"ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่ต่อรองราคา และเพื่อนรักของพี่คนนี้..จะขอร่วมสนับสนุนทุนการศึกษากับน้องๆอีก 100,000 บาท
ธันวาพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง แถมยังดึงสิงหาเข้ามาเกี่ยวอีกด้วย คนเป็นเพื่อนถึงกับมองหน้าคิ้วขมวดชนกัน อันที่จริงเขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะร่วมบริจาคให้น้องๆกลุ่มนี้ แต่ไม่คาดคิดว่าไอ้เพื่อนตัวดีมันจะชิงพูดออกมาเสียก่อน...เหมือนกับอ่านใจเขาออก...ไม่ต้องพูด แค่มองตาก็รู้ใจยังไงยังงั้น
"จริงเหรอคะ ขอบคุณพี่ๆมากนะคะ น้องๆรู้คงดีใจมาก
"น้องๆคะ พี่ชายสุดหล่อสองคนนี้ เหมาสินค้าน้องหมดเลยนะ แถมมีทุนการศึกษาให้อีก 100,000 บาท ขอบคุณพี่เขาสิคะ (พาขวัญหันไปพูดกับน้องๆพร้อมกับทำท่าทางภาษามือ น้องๆที่มาทำกิจกรรมมีทั้งคนเป็นใบ้และหูหนวก เธอจึงทำท่าทางภาษามือพร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งต่อให้น้องๆ ด้วยความปลาบปลื้มใจ ส่วนน้องๆเองเมื่อรับรู้และเข้าใจสิ่งที่พี่สาวใจดีบอก ก็ดีอกดีใจกันยกใหญ่ หันมายิ้มให้กันด้วยความสุขพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณพี่ชายสุดหล่อทั้งสองคน)
คนเป็นน้องรีบจัดพวงกุญแจเล็กใส่ถุงพร้อมกับหันไปพูดคุยกับน้องๆด้วยรอยยิ้ม.. ใครผ่านไปผ่านมาล้วนแล้วแต่เข้ามาถาม แต่พวงกุญแจถูกเหมาไปจนหมด ออเดอร์ที่เหลือจึงเป็นการจดรายการเพื่อส่งต่อให้ทางไปรษณีย์แทน ผู้ใจบุญส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นชายหนุ่มที่เอ็นดูในความน่ารักของเธอทั้งนั้น
"ขอบคุณพี่ๆมากนะคะ
"ครับ..ขายหมดแล้ว น้องขวัญจะกลับบ้านเลยไหม..เดี๋ยวพี่ช่วยถือกระเป๋า : ธันวา
"พี่คือ ????
"พี่ชื่อธันวานะครับ ส่วนนี่สิงหา ที่คุณอาสาวิตรีให้มารับเรา : ธันวารีบแนะนำตัวทันที เมื่อเห็นสีหน้าคนเป็นน้องที่เหมือนจะงุนงงในคำถามของเขา เขายิ้มด้วยความยินดี ผิดกับอีกคนที่ยืนหน้านิ่ง หลังพิงผนังกำแพงอยู่ข้างๆ
"อ่อ...ที่แท้ก็คนกันเอง...ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ
พาขวัญยื่นมือออกไปเพื่อที่จะจับมือทักทาย ธันวารีบตอบรับโดยไม่รีรอ ผิดกับอีกคนที่นิ่งไม่ให้ความร่วมมือ จนพาขวัญถึงกลับงุนงงในท่าทีที่คนเป็นพี่ปฏิบัติ...
"อย่าไปสนใจมันเลยครับ...มันก็เป็นแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน : ธันวา
"แล้วรอพวกพี่ตั้งสามชั่วโมง โกรธกันไหมเนี่ย : ธันวา
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ..ขวัญไม่โกรธ เพราะพี่ๆคงติดธุระจริงๆถึงได้มาช้า ดีซะอีกขวัญเลยมีเวลาช่วยน้องๆขายพวกกุญแจ
คนเป็นน้องยิ้มหวานให้ ก่อนที่สิงหาจะมองตามคนที่เขาหมายจะแกล้งให้รอนานถึงสามชั่วโมง นึกว่าจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟซะอีก ที่ไหนได้ยัยเด็กยิ้มหวานคนนี้ ไม่มีท่าทีโกรธเคืองแถมยังใช้เวลาในระหว่างที่รอทำคุณประโยชน์ให้กับผู้อื่นอีก...เขาควรทำยังไงกับคนแบบนี้ดี..