บทที่.1 ร่ำรวยในกรงทอง
คฤหาสน์หลังใหญ่โตล้อมไปด้วยเหล่าบริวารมากมาย ตระกูลอภิมหาประมุข เป็นหนึ่งในครอบครัวที่มีทรัพย์สมบัติล้นหลาม เรียกว่าใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด
"น้ำหอมกลิ่นนี้คุณท่านซื้อมาจากปารีส ประมูลมาในราคาเกือบล้านคุณหนูชอบไหมคะ" เสียงพี่เลี้ยงที่กำลังแต่งกายให้ลูกสาวคนเล็กของบ้าน "วันนี้คุณหนูพรฟ้าจะใส่ชุดสีอะไรดี"
"อะไรก็ได้ค่ะ"
"จะให้ดีไซเนอร์เข้ามาจัดให้ไหมคะ"
"พี่สมณคะ แค่ชุดอยู่บ้านธรรมดาไม่เห็นต้องพิถีพิถันมากนักเลย"
"ไม่ได้สิคะคุณหญิงท่านสั่งไว้"
พรฟ้า หรือ นางสาว ศรสวรรค์ คือชื่อของฉันเอง ในทุกวันที่ตื่นลืมตาแทบจะไม่ต้องขยับตัวมีทั้งคนแปรงฟัน พาไปอาบน้ำ ป้อนข้าว บลาๆ จนคิดว่าตัวเองเป็นอัมพาตส่วนไหนหรือเปล่า แต่ก็นะ..วิถีคนรวย
หลังจากคุณแม่เสียชีวิตไปหลายปีคุณพ่อก็แต่งงานใหม่โดยแม่เลี้ยงมีลูกสาวติดมาด้วยซึ่งอายุมากกว่า
"ฉันไม่กินข้าวต้มปลาบอกแล้วไง อีไพร่!พูดไม่รู้เรื่องเหรอ"
นั่นไงล่ะเสียงพี่สาวซึ่งเป็นลูกติดจากคุณแม่เลี้ยงมา เธอชื่อ พี่โรส ใบหน้าหน้าสะสวยแต่ดูเป็นคนขี้หงุดหงิดมากเลย
"คุณหนูห้ามพูดจาแบบนั้นเด็ดขาดนะคะ" พี่เลี้ยงกระซิบก่อนที่จะพาพรฟ้าเดินลงไปชั้นล่าง
"วันนี้ไม่ต้องป้อนข้าวในห้องเหรอ..อายุเท่าไหร่นะแปดขวบ เฮ้ย! สิบแปด"
"อย่าแกล้งหยอกน้องสิโรส ฮ่าๆ"
"ขอโทษทีค่ะ คิก คิก"
ท่าทางของแม่เลี้ยงกับพี่สาวคล้ายจะประชด แต่ช่างเถอะเพราะชินแล้ว เนื่องด้วยคุณพ่อเองก็แทบจะไม่มีเวลาจึงไม่อยากทำให้ท่านลำบากใจ
เวลาล่วงเลยไปคล้อยบ่ายแก่ กิจวัตรของฉันก็นั่งอ่านหนังสือวรรณกรรมหรือความรู้ฟิสิกส์ที่แสนน่าเบื่อแต่เพราะเป็นชีวิตที่เลี่ยงไม่ได้
ในครัว
"เป็นตาแซ่บแท้คือสินัวคัก" คนรับใช้เมื่อพักบ่ายก็มักทำส้มตำอาหารหลักของภาคอีสานกินกัน "ใส่มาโลดปลาแดกเป็นต่อนเลยเอื้อย"
"โอ๊ย ถืกใจข่อยหลาย"
"ปลาแดกแซ่บ"
ด้วยความเบื่อหน่ายฉันจึงเดินเล่นไปทั่วจนได้ยินเสียงในห้องครัวเล็ดลอดออกมา
"ว้าย ค..คุณหนูพรฟ้า" ทุกคนต่างตื่นตกใจรีบเก็บข้าวของที่วางลงยัดเก็บตู้ใส่อาหารทันที
"มีอะไรตายในห้องนี้หรือเปล่าคะ.."
"ปะ เปล่าค่ะไม่ทราบว่าคุณหนูมีอะไรให้พวกเรารับใช้ แล้วคุณพี่เลี้ยงไปไหน"
"ไม่รู้สิคะ"
ดูแต่ละคนก้มหน้าก้มตาแทบจะไม่ทีใครกล้าคุยด้วย แต่อย่างว่าคุณแม่เลี้ยงชอบดุด่าพวกเขา
"เมื่อกี้ได้กลิ่นเน่าๆ คืออะไรคะ"
"ปลาแดก เอ้ย! ปลาร้าค่ะ พ่อให้มาจากอีสานดองเองทั้งไห"
"มันตายแล้วกินได้หรือคะ"
"คือ.."
เป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจมากที่ได้ฟังพวกเขาพูดถึงอาหารกินประจำท้องถิ่นตัวเอง
หลายวันต่อมา
"ยี๋เหม็นคาวอะไรเนี่ย!" เสียงบ่นเชิงไม่พอใจของโรสเธอเดินผ่านมาหลังครัว "เธออยู่ในนี้ด้วยเหรอพรฟ้า"
"พี่โรสมีอะไรหรือเปล่าคะ"
"ฉันได้กลิ่นเน่าเหม็นมาก คุณแม่เคยสั่งแล้วไม่ใช่เหรอว่าห้ามนำอาหารกลิ่นแรงเข้ามา"
ทุกคนก้มหน้าลงต่ำเพราะโรสถลนตาใส่ด้วยดูดุดันพรฟ้าจึงตอบกลับแทน
"ใช่ค่ะเหม็นมากพรฟ้ากำลังมาตักเตือนพวกคนรับใช้อยู่ รับไม่ได้ที่สุด"
"แต่พูดถึงก็เหมาะกับเธอดีนะในก้นครัวแบบนี้ หึ"
"____"
เป็นไปตามคาดพี่โรสคว่ำปากแล้วจ้ำอ้าวออกไปเพราะถ้าฉันไม่เห็นด้วยจะกลายเป็นทะเลาะกันครั้งใหญ่เหมือนทุกครา
"มีอีกไหมคะเนี่ยหนูขออีกสักนิดหน่อยเถอะมันแซ่บหลาย ฮ่าๆ"
แววตาใสซื่อจริงใจยิ่งทำให้ทุกคนรักใคร่เธอเข้าไปอีก สาวน้อยไม่ถือเนื้อตัวและพยายามเรียนรู้การใช้ชีวิตที่แตกต่างจากกรอบที่ถูกวางเอาไว้
โต๊ะรับประทานอาหารถูกจัดอย่างหรูหราในทุกมื้อ และวันนี้ก็อีกเช่นเคยเมื่อเจ้าของบ้านกลับมา
"พรุ่งนี้มีเรียนเปียโนกับวิทยาศาสตร์นะครูเฮลโลจะมาสอน" คำพูดของผู้เป็นพ่อเอ่ยบอกลูกสาว "พรฟ้าเตรียมตัวหรือยัง"
"เตรียมทำไมคะก็สอนแบบเดิม"
"ลูกเข้าใจใช่ไหมว่าที่พ่อไม่ยอมให้เรียนปะปนกับคนทั่วไปเพราะอะไร"
"ทราบค่ะเพราะคุณพ่อเป็นห่วง"
"เป็นเด็กดีแบบนี้พ่อก็สบายใจ"
"ค่ะ"
รอยยิ้มของพ่อส่งให้มาอย่างหวังดีโดยที่ไม่เคยถามถึงความสมัครใจว่าฉันต้องการไหมสักครั้งเดียว ก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แหละนะ
เวลาผ่านไปจนกระทั่งวันสำคัญ ซึ่งก็คือวันเกิดของฉันมีผู้คนมาร่วมยินดีเพราะอยากได้หน้ากันทั้งนั้น
"ลูกสาวคนเล็กของท่านน่ารักน่าชังดูเรียบร้อย"
"อนาคตต้องเป็นเจ้าคนนายคนยิ่งใหญ่แน่ๆ"
"หรือไม่ก็อาจจะได้เป็นด๊อกเตอร์ที่ฉลาดที่สุดก็เป็นได้นะคะ"
คำพูดเยินยอที่พรฟ้าฟังจนชิน ทุกความคาดหวังนับวันยิ่งกดดัน ทั้งที่วันนี้ครบรอบอายุสิบแปดปีแต่กับเป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะทั่งชีวิตของเธอยังไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองชอบอะไร
ฟุ่บ!
เสียงเตียงกระเด้งรับตัวสาวน้อยหลังจากอาบน้ำโดยมีพี่เลี้ยงคอยขัดถูให้ เธอนอนมองเพดานสีขาวประดับด้วยคริสตัลแวววาวก่อนที่จะคิดถึงท้องฟ้าที่กว้างใหญ่
"อิจฉาเจ้าพวกนกจังที่บินอย่างอิสระดั่งใจแล้วถ้าเราออกจากกรงขังนี้ได้จะไปที่ไหนดีนะ.."