นับวันนิสัยของทวิภพก็ดีแตกขึ้นเรื่อย ๆ ความเจ้าชู้เริ่มเข้าสู่สันดานที่ยากจะยื้อให้กลับมาได้อีกหน จากที่ทะเลาะเบาะแว้งเล็กน้อยในคราแรก จนตอนนี้กลับกลายเป็นว่าคุยกันไม่เคยจะรู้เรื่อง ด่าทอจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า ถ้าถามว่าทำไมยังต้องทน เพราะลูกคำเดียวที่อรสายังไม่กล้าตัดสินใจอะไรในตอนนี้ ความรักที่นับวันเริ่มจืดจาง มีสามีก็เหมือนไม่มีอยู่แล้ว อรสาเริ่มหันมารักตัวเองมากขึ้น ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ต้องทนกับคำว่าเมียหลวง แล้วผัวไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยไม่เคยได้หยุดพัก เธอรู้สึกเหนื่อยที่ต้องวิ่งตามก่นด่าบรรดาผู้หญิงพวกนั้นที่ไร้ซึ่งยางอาย แต่จะโทษพวกหล่อนเหล่านั้นก็ไม่ได้ เพราะผัวเลว ๆ ของเธอก็เป็นสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด หลายครั้งที่ต้องพาลูกไปตามเรียกร้องให้พวกหล่อนเห็นแก่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่พอมาย้อนนึกคิดเธอก็รู้ว่าไม่ควรจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรก เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เธอเป็นแม่ประเภทไหนกันถึงคอยแต่จะหอบลูกวิ่งตามทวงสามีคืนจากคนอื่น ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเองนัก
“ถ้าเขาไม่รัก เธอก็ควรจะรักตัวเองอรสา”
สายตาคู่สวยจับจ้องมองตัวเองในกระจกเงา นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้แต่งหน้าทาตาทาปาก ทำตัวเองให้สวยอย่างตอนนี้ เธอมัวแต่ดูแลลูก ดูแลสามี จนลืมที่จะดูแลตัวเอง หรือเพราะแบบนี้เขาถึงต้องไปหาคนที่สวยกว่าและดูดีมากกว่า
เกือบสิบปีที่อยู่ร่วมกันมามันไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับทวิภพ ความร่ำรวยในวันนี้ ยังหาความสุขได้ไม่เท่าความทุกข์ยากในวันนั้นเลยด้วยซ้ำ ถ้ารู้ว่ามีเงินแล้วสันดานจะเปลี่ยน เธอยอมอยู่แบบมีเงินเพียงน้อยนิดแต่ชีวิตครอบครัวอบอุ่นยังจะดีกว่านี้อีก
“คุณแม่ขา เราออกไปข้างนอกกันได้หรือยัง เจ้าขาอยากไปเที่ยวแล้ว”
เสียงคะยั้นคะยอเล็ก ๆ ดังขึ้น อรสาจึงหันไปมองหน้าลูกสาว ก่อนจะยิ้มกว้างส่งให้ นี่สินะความสุขและกำลังใจเดียวที่จะทำให้เธอมีชีวิตเพื่ออยู่ต่อ
“คุณพ่อจะกลับมาบ้านไหมคะวันนี้ หรือคุณพ่อไปอยู่กับเมียน้อย”
อรสาถึงกับนั่งยอบตัวลงตรงหน้าลูกสาวอีกครั้ง ฝ่ามือเรียวเกลี่ยปรอยผมและลูบแก้มนุ่มของจันทร์เจ้าขาไปมาเบา ๆ
“เจ้าขาคะ แม่ขอโทษนะลูกที่พาหนูไปเจอกับเหตุการณ์แบบนั้น คุณพ่อเขาจะไปมีใครที่ไหนก็ตามแต่ แต่แม่จะอยู่กับเจ้าขาไม่ไปไหน จะรักเจ้าขาเพียงคนเดียวเท่านั้น”
จันทร์เจ้าขาถึงกับเบะปากร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ทำเอาคนเป็นแม่ถึงกับตกใจเช่นเดียวกัน
“เจ้าขาก็รักคุณแม่ ฮึก ฮืออ ฮืออ”
“ไม่ต้องร้องนะคะเจ้าขา แม่รักหนูมากนะลูก”
อรสาอดที่จะน้ำตาคลอตามลูกสาวไม่ได้ จันทร์เจ้าขาอายุเพียงห้าขวบก็จริง แต่ลูกก็มีความคิดความรู้สึกที่อ่านยากมาก เพราะตั้งแต่พ่อแม่เริ่มมีปัญหากัน ลูกสาวจากที่เป็นคนช่างพูด กลับพูดน้อยและไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน “คุณแม่คะ น้องเจ้าขาดูเปลี่ยนไปมาก นิสัยก็ไม่เหมือนเดิม ไม่ทราบว่าทางบ้านมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าคะ น้องดูเหมือนเด็กเก็บความรู้สึกไว้มากมาย แต่พอครูถามน้องก็บอกว่าไม่มีอะไร” เธอยอมรับว่าหลายเดือนที่ผ่านมาลืมสนใจความรู้สึกของลูก มัวแต่ตามจิกสามีกับผู้หญิงคนอื่น จนลืมนึกถึงจิตใจของจันทร์เจ้าขา นับตั้งแต่วันนี้เธอขอไถ่โทษให้กับวันเวลาที่ผ่านมา จันทร์เจ้าขาจะเป็นคนเดียวที่เธอสนใจและใส่ใจมากกว่าผัวชั่ว ๆ อย่างทวิภพ
สองแม่ลูกเดินลงมายังชั้นล่างของบ้านหลังงาม ที่ไร้เงาสามีพักอาศัยอยู่มานานหลายวันแล้ว จนลืมไปแล้วว่ามีทวิภพอยู่ร่วมบ้านด้วยอีกคน แต่วันนี้กลับแปลกกว่าทุกวัน เขากลับมาบ้านในตอนกลางวันเช่นนี้ทำไมกันนะ
“จะไปไหนครับเจ้าขา”
รอยยิ้มและคำทักทายไพเราะถามลูกสาวขึ้น ลูกสาวที่เขาไม่ค่อยได้เจอหน้ามาหลายอาทิตย์แล้วเช่นกัน
“ไปเที่ยวค่ะ เจ้าขาจะไปดูหนังกับคุณแม่”
ลูกสาวไม่แม้แต่จะยิ้มทักทายคนเป็นพ่อเลยสักนิด เหมือนกับว่ากำลังโกรธเคืองคนเป็นพ่ออยู่ไม่หาย
ทวิภพหันไปมองหน้าภรรยาคู่ชีวิตที่อยู่ร่วมกันมาจะสิบปี วันนี้อรสาดูแปลกตามากกว่าทุกวันที่ผ่านมา ไม่มีคำพูดทักทายให้กัน มีเพียงแค่สายตาที่ส่งผ่านความรู้สึก ถ้าเป็นไปได้เธอคงอยากกระโจนตบหน้าเขาสักฉาดสองฉากให้พอใจ
“แต่งตัวสวยไปยั่วใครเหรออร”
สายตาที่จับจ้องมองภรรยาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ทำให้อรสาต้องเชิดหน้าขึ้น ก่อนจะยิ้มเยาะมุมปากส่งให้แทน
“สวยไปให้ผู้ชายที่อื่นมองมั้งคะ เพราะคนที่บ้านไม่เคยจะมองเห็น”
คำพูดประชดประชันแบบนี้มักเป็นเรื่องธรรมดาของเขาและเธอไปเสียแล้ว
“แล้วพี่ล่ะ กลับมาทำไม จะมาขนเสื้อผ้าไปอยู่กับเมียน้อยหรือไง อรเก็บใส่กระเป๋าไว้ให้แล้วนะ ไม่ต้องเสียเวลาเก็บเลยสักนิด”
“บ้านพี่ ทำไมพี่จะกลับมาไม่ได้ เมียก็อยู่ ลูกก็อยู่ พี่จะกลับมาหาลูกหาเมียจะเป็นไรไป”
“ลูกเมียเหรอคะ ยังจำได้อีกหรือไงว่ามีลูกมีเมียรออยู่ที่บ้าน พี่เคยสนใจไหมว่าวันสำคัญลูกต้องการให้พี่อยู่ด้วย งานโรงเรียนพี่ก็ไม่เคยจะไปร่วม พี่เคยสนใจความรู้สึกของพวกเราไหม หรือพี่สนใจแต่ความสุขของตัวเอง อรจะไม่ทนแล้วนะ อรหมดความอดทนกับผู้ชายแบบพี่เต็มทีแล้วพี่ภพ”
“ทำไมต้องมาชวนทะเลาะต่อหน้าลูก พี่ไม่อยากทะเลาะกับอรเพราะเรื่องเดิมซ้ำ ๆ มันน่ารำคาญ
ไปลูกเดี๋ยวพ่อพาไปกินไอศกรีม ไปเดินซื้อชุดสวย ๆ ดีกว่านะ”
ทวิภพหันไปมองลูกสาวที่เอาแต่จ้องมองพ่อกับแม่ทะเลาะกัน และไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ จนต้องเข้าไปอุ้มเอาตัวลูกน้อย พาเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถขับออกไป โดยไม่สนใจแม่ของลูกอีก เพราะในความรู้สึกของเขาตอนนี้อรสาเป็นผู้หญิงที่งี่เง่าและน่าเบื่อ ทำไมเธอไม่แสนดีและน่ารักเหมือนแต่ก่อนเลยนะ
“เจ้าขาอยากไปไหนครับวันนี้ เดี๋ยวพ่อจะพาไป”
จันทร์เจ้าขาได้แต่นั่งนิ่งอยู่เบาะข้างคนขับ จ้องมองหน้าบิดาอย่างไร้เดียงสา
“คุณพ่อไม่รักเจ้าขากับคุณแม่แล้วเหรอคะ”
คำถามที่ออกจากปากลูกสาวทำให้ทวิภพสะอึกอยู่ไม่น้อย ฝ่ามือหนาใหญ่บรรจงลูบไล้แก้มนุ่มของลูกสาวไปมาเบา ๆ
“รักสิครับ พ่อรักจันทร์เจ้าขากับคุณแม่”
“แล้วทำไมต้องไปมีเมียน้อยด้วยคะ?”
สายตาที่ไร้เดียงสาจ้องมองสบตากับบิดา เด็กหญิงยังไม่เข้าใจหรอกคำว่าเมียน้อยคืออะไร แต่เพราะคนเป็นแม่ชอบพูดว่าผู้หญิงที่มาแย่งเวลาจากพ่อไปคือเมียน้อย จึงทำให้จันทร์เจ้าขาจดจำเอามาถาม
“เจ้าขาอย่าไปฟังคุณแม่มากนักนะ พ่อไม่ได้มีใคร พ่อไปทำงานหาเงินมาให้เจ้าขาซื้อของเล่นและชุดสวยใหม่ ๆ ไง ใช่ไหมครับ?”
“แล้วทำไมต้องทะเลาะกับคุณแม่บ่อย ๆ ด้วย เจ้าขาไม่ชอบเลย เจ้าขาสงสารคุณแม่”
เพราะบ่อยครั้งที่อรสาชอบนอนร้องไห้กอดลูกน้อย ความทุกข์ใจของแม่ลูกสาวตัวน้อยรับรู้ได้อยู่บ่อยครั้ง แม้จะไม่เข้าใจทั้งหมดแต่ก็รู้ว่าพ่อกับแม่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
“พ่อกับแม่ไม่ได้ทะเลาะกันนะลูก เราแค่พูดคุยเสียงดังกันไปหน่อยเท่านั้นเอง เจ้าขาอย่าเอามาใส่ใจเลยนะ พ่อรักเจ้าขาที่สุด”
“แต่คุณแม่บอกว่าจะพาเจ้าขากลับไปอยู่บ้านคุณตาคุณยาย เพราะคุณแม่อยากไปทำงาน”
“คุณแม่พูดแบบนั้นเหรอ เจ้าขาไม่ต้องไปอยู่กับคุณตาคุณยายหรอกนะ เดี๋ยวพ่อจะคุยกับแม่เขาใหม่ แต่ตอนนี้บอกพ่อมาก่อนสิครับว่าเจ้าขาอยากไปทำอะไรที่ไหน พ่อมีเวลาให้เจ้าขาทั้งวันเลย”
จันทร์เจ้าขาเริ่มมีอารมณ์ที่ผ่อนคลายขึ้น เด็กหญิงส่งยิ้มหวานให้กับคนเป็นพ่ออีกครั้ง รอยยิ้มแบบนี้เขาไม่ได้เห็นมานานแล้วเหมือนกัน ไม่ใช่อะไรเพราะเวลากลับมาบ้านลูกก็หลับ ตอนออกจากบ้านไปลูกก็ยังไม่ทันจะตื่น จึงทำให้คลาดกันอยู่ตลอดเวลา