“อยู่บ้านได้ด้วยเหรอคะคืนนี้?”
หลังจากที่ทวิภพพาลูกไปเที่ยวมาทั้งวัน ถึงตอนนี้จะเป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงนั่งอยู่ติดบ้าน นั่งดูหนังในทีวีเหมือนกับว่าไม่ต้องออกไปไหนอีก
“พอพี่อยู่ติดบ้านก็บ่น อรจะเอายังไงกับพี่อีก”
สายตาที่ละออกจากจอทีวี หันไปจ้องมองหน้าภรรยาอย่างไม่สบอารมณ์เช่นกัน
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนอรคงดีใจมากเลยล่ะ แต่ทุกวันนี้จะมีพี่อยู่บ้านหรือไม่อยู่ก็มีค่าเท่ากัน ไม่ไปอยู่กกอีหนูพวกนั้นล่ะ จะกลับมาหาลูกทำไม เจ้าขาก็แทบจะลืมไปแล้วว่ามีพ่อชื่อทวิภพ”
ร่างสูงของทวิภพถึงกับลุกพรวดขึ้นเต็มความสูง เดินเข้าประชิดตัวภรรยาอย่างไม่พอใจ ก่อนที่ฝ่ามือหนาใหญ่จะบีบแก้มของคนที่กล้าต่อปากต่อคำอย่างหมดความอดทนไม่ต่างกัน
“เพราะอรเป็นแบบนี้ไงพี่ถึงไม่เคยอยากจะอยู่บ้าน อรเคยมองดูตัวเองบ้างไหมว่าทำตัวน่าเบื่อน่ารำคาญ ทำตัวงี่เง่ามากแค่ไหน”
ความเจ็บปวดกว่าคำต่อว่าด่าทอ ก็ตอนที่ฝ่ามือหนาบีบแก้มด้วยแรงความโมโห ก่อนจะสะบัดมือออกอย่างแรงอีกครั้ง จนใบหน้าอรสาหันไปตามแรงที่สะบัดนั้น
“น่าเบื่อน่ารำคาญมากนักก็เลิกกับอรซะสิ หย่าให้อรสักที อรจะได้ไปจากตรงนี้ อรจะได้พาลูกกลับไปอยู่กับพ่อแม่ของอร แล้วก็เชิญพี่เสวยสุขอยู่กับความร่ำรวยเฮงซวยแบบนี้ไปคนเดียวเถอะนะ”
“หย่าเพื่อให้อรได้ไปมีผัวใหม่งั้นสิ หึ! อรฝันไปเถอะนะว่าพี่จะเซ็นหย่าง่าย ๆ เรื่องลูกก็เหมือนกัน เลิกเอาคำพูดไม่ดีไปใส่ในหัวลูกได้แล้ว เป็นแม่ประสาอะไร อรรักลูกจริงหรือเปล่า สอนให้ลูกพูดอะไรออกมา เมียนงเมียน้อยมันใช่สิ่งที่ลูกควรจะรับรู้ไหมหะ!”
“ก็มันเรื่องจริง ลูกรู้แบบนี้ก็ดีแล้ว ก็พ่อมันเลวจริงนี่นา พ่อมันมีเมียน้อยจริง ๆ นี่นา อรจะบอกอะไรให้นะพี่ภพ ถึงพี่ไม่ยอมหย่าอรก็จะพาลูกกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ อรจะไปมีชีวิตที่อรอยากจะเป็นบ้าง ในเมื่ออยู่ตรงนี้แล้วผัวไม่เห็นค่า ผัวไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ อรขอแค่ลูกเท่านั้นพอ”
“อยากไปนักก็ไปสิ ไปให้รอดด้วยนะ แต่ผู้หญิงอย่างอรจะไปทำอะไรได้ ดีแต่แบมือขอเงินผัว”
คำพูดคำจาที่ดูหมิ่นดูแคลน ไม่น่าเชื่อว่าจะออกจากปากผู้ชายที่เคยบอกว่ารักกันมาก นี่เขากำลังดูถูกเธออยู่สินะ คิดว่าถ้าไม่มีเขาคอยเลี้ยงดูเธอจะไม่มีปัญญาหาเลี้ยงตัวเองกับลูกหรือไง อรสาได้แต่จ้องมองหน้าผู้เป็นสามีอย่างผิดหวัง
“แล้วอรจะทำให้พี่ภพเห็น ว่าผู้หญิงอย่างอรทำอะไรได้มากกว่าที่พี่คิด อรไม่เคยคิดว่าการที่เรามีเงินมากมายขนาดนี้แล้วพี่จะเปลี่ยนไปในทางที่เลวได้แบบนี้ อรยอมอยู่แบบจน ๆ เหมือนเมื่อก่อนยังจะดีกว่า ถ้ามันจะทำให้ชีวิตของเรามีความสุขมากกว่าตอนนี้ แต่ในเมื่อวันนี้ทุกอย่างมันไม่สามารถต่อกันติดขึ้นมาได้อีกครั้ง อรยอมถอยออกมาเองค่ะ อรจะไม่เรียกร้องอะไรกับพี่เลย ถ้าพี่ไม่พร้อมจะหย่าให้ตอนนี้ อรก็จะรอจนพี่พร้อมก็แล้วกัน”
อรสารีบหันหลังเดินจากไปทั้งน้ำตา ความรู้สึกต่าง ๆ มากมายถาโถมเข้ามาหา ความอดทนที่มีมันคงถึงจุดสิ้นสุดลงแล้วจริง ๆ
“เออ ไปเลยนะ ไปให้มันรอดอย่าวิ่งแจ้นกลับมาหาพี่ก่อนก็แล้วกัน”
ทวิภพตะโกนไล่หลังอย่างหงุดหงิดหัวเสีย ก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถยนต์ขับออกจากบ้านไปกลางดึก
“เราจะไปไหนกันคะคุณแม่?”
จันทร์เจ้าขาถามขึ้นด้วยอาการที่งวยงง เพราะโดนคนเป็นแม่ปลุกให้ตื่นขึ้นมากลางดึก ท้องฟ้ายังมืดสนิทเพราะยังเป็นเวลากลางคืน ทำให้หนูน้อยนึกหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย
“เราจะกลับบ้านคุณตาคุณยายกันค่ะ เจ้าขานอนต่อบนรถได้เลยนะลูก”
อรสาหันไปมองหน้าลูกสาวที่กำลังงัวเงียเพียงเล็กน้อย เธอเลือกที่จะเดินทางในเวลานี้ ไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้ให้รู้สึกแย่ไปมากกว่านี้อีกแล้ว ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าพ่อของลูกจะรถเก๋งคันเล็กสีขาวขับเคลื่อนออกจากบ้านไปช้า ๆ ถึงจะโมโหสามีมากแค่ไหน แต่ชีวิตของลูกสาวที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างไร้เดียงสาอยู่ข้างกายก็สำคัญยิ่งกว่า
ใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพฯ ถึงจังหวัดอุตรดิตถ์ราวเจ็ดชั่วโมง อรสาก็มาจอดรถอยู่หน้าบ้านสวนที่เธอเคยอาศัยอยู่มาตั้งแต่เป็นเด็ก ตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าตรู่ บ้านช่องดูเงียบเชียบเพราะพ่อกับแม่คงยังไม่ตื่นนอนกัน เธอจึงเดินเข้าไปภายในบ้าน เคาะประตูกระจกปลุกเรียกคนเป็นแม่สองสามที นางปราณีจึงรีบเดินมาเปิดให้อย่างหน้าตาตื่น
“มายังไงกันล่ะนางเอ้ย ทำไมมาถึงเช้าขนาดนี้ล่ะลูก”
“สวัสดีจ้ะแม่ หนูมากับเจ้าขาน่ะ”
“ทะเลาะกับผัวมาหรือไง ถึงได้ขับรถหนีมาถึงบ้าน”
“อรไม่ได้หนีจ้ะแม่ แต่อรกับพี่ภพเลิกกันแล้ว”
นางปราณีถึงกับดวงตาเบิกโพลง ครั้งนี้คงจะหนักหนามากจนถึงขั้นหอบลูกหนีกลับมาบ้าน เพราะไม่บ่อยครั้งที่ลูกสาวจะกลับมาบ้านโดยปราศจากสามีข้างกายอย่างตอนนี้
“ใครมาแม่มึง”
เสียงนายบรรจงถามภรรยาขึ้น ก่อนจะเดินออกมาเห็นลูกสาวที่กำลังยืนน้ำตาคลอเบ้าอยู่ที่หน้าบ้าน
“ลูกกับหลานมาน่ะพ่อมึง ทะเลาะกับผัวเลยหนีมา”
“เรื่องมีบ้านเล็กบ้านน้อยน่ะเหรอ นิสัยผู้ชายมันก็เป็นปกตินะอีนาง”
นายบรรจงบอกกับลูกสาว ทำเอาอรสาไม่ใคร่จะพอใจคนเป็นพ่อนัก
“พ่อเป็นผู้ชายเหมือนกัน พ่อก็เข้าข้างเขาสิ ถ้าพ่อไปมีเมียน้อย แม่จะยอมไหมจ๊ะ?”
อรสาหันหน้าไปถามมารดา ทำไมหลายคนถึงคิดว่าการที่ผู้ชายมีบ้านเล็กบ้านน้อยมันเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจและไม่ควรจะทำเมื่อมีคู่ชีวิต มีครอบครัวเป็นตัวเป็นตนแล้วแบบนี้
“แต่ก่อนพ่อเขาก็เป็น แม่ตามจิกจนเหนื่อยกว่าจะกลับมาเป็นผู้เป็นแบบนี้ได้ ทุกวันนี้น่ะเหรอ ไม่บ้าผู้หญิงแต่บ้าน้ำเมาแทน แม่รอให้ตายจากกันเท่านั้นแหละถึงจะหมดเวรหมดกรรมจากกันสักที”
“เอ้าแม่มึง ทำไมแช่งพ่อแบบนั้นล่ะ อยู่เป็นคู่กัดแบบนี้อีกนาน ๆ นั่นแหละ จะให้รีบตายไปไหน”
สองตายายยังพูดหยอกล้อกันอย่างเป็นเรื่องสนุกเช่นทุกครั้ง แต่คนที่กำลังถูกมรสุมชีวิตรักรุมเร้าอย่างอรสา เธอกลับไม่มีอารมณ์จะหัวเราะให้กับความหยอกเอินของบุพการีได้เลย
“แต่อรไม่ใช่แม่นะ อรเหนื่อยที่จะวิ่งตามแล้วจ้ะแม่ อรอยากอยู่แบบมีความสุขกับลูกสองคน บางทีผัวก็ไม่จำเป็นสำหรับชีวิตอีกแล้ว”
“เอาเถอะ ๆ อีนาง กลับมาอยู่บ้านให้สบายใจก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
นายบรรจงบอกกับลูกสาว ทั้งเข้าใจและไม่อยากเข้าไปแทรกแซงเรื่องของผัวเมียนัก ถึงจะเป็นพ่อแต่ชีวิตครอบครัวของลูกก็อยากให้ตัดสินใจกันเอง
“เจ้าขายังไม่ตื่นอีกหรือนั่น”
นายบรรจงชะโงกหน้ามองกระจกรถที่มีหลานสาวกำลังนอนหลับพริ้มอยู่บนเบาะอย่างนึกเอ็นดู
“จะตัดสินใจอะไรก็คิดถึงลูกนะอรนะ เจ้าขาน่าสงสาร แม่ไม่อยากบอกให้ทน แม่เข้าใจแต่แม่ก็อยากให้อรนึกถึงลูกไว้มาก ๆ”
“อรตัดสินใจแล้วจ้ะแม่ อรคิดตรึกตรองมาดีแล้ว สักวันเจ้าขาจะเข้าใจ เพราะถ้าอรอยู่แบบนั้นลูกก็จะไม่มีความสุข อรกับพี่ภพเราพูดดีด้วยกันไม่ได้อีกแล้วแม่ เรามาถึงทางตันกันแล้วจริง ๆ”
เพราะการเดินออกมาครั้งนี้ อรสาไม่คิดจะกลับไปให้คนอย่างทวิภพดูถูกดูแคลนเธอได้อีกแล้ว พอกันทีกับชีวิตเมียหลวงที่ไม่เคยมีความสุขมาตลอดหนึ่งปีเต็ม
ไปตายที่ไหน ในเมื่อเขาเอ่ยปากไล่กันแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป ทำไมจะต้องมาทนให้เขาดูถูกกันแบบนี้ เธอก็มีหัวใจเหมือนกัน มีพ่อแม่ที่รักแล้วทำไมต้องมาทนอยู่กับผัวเฮงซวยพรรค์นี้ด้วย...