บทที่ 2
ไม่เอาเท่ากับ...
จิณณ์ยังคงนั่งอยู่ตำแหน่งเดิม ไม่ได้ขยับหนี แต่ก็ไม่ได้ขยับเข้าหา คล้ายว่าเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าสาวข้างกายจะทำอย่างไรต่อไป
แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น ซึ่งก็ดี เพราะเขาไม่ชอบทำอะไรประเจิดประเจ้ออย่างที่คู่ตรงหน้ากำลังทำ
“ออกมาเจอเพื่อนบ้างเถอะไอ้ห่า ไอ้พีมันบ่นว่ามันไม่ได้เจอมึงเลย”
“กูไม่ว่างไง”
“แต่กูรู้นะว่ามึงมีเวลาไปคลับ” คลับที่ว่ามีปรานเป็นหุ้นส่วน ไม่แปลกที่พวกมันจะรู้
“ก็แค่ว่างไม่ตรงกัน”
“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น มันอยู่ตรงที่มึงเองก็อยากปลดปล่อย”
จิณณ์นิ่วหน้าเล็กน้อย เขาเป็นผู้ชาย มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไหม “แปลกตรงไหน”
เจ้าของไร่ชาเหล่มองสาวน้อยหน้าหวานซึ่งนั่งข้างเพื่อนด้วยแววตากรุ่มกริ่ม กฤษณ์รู้ว่าจิณณ์ไม่ได้ชอบแนวซื่อ ๆ ใส ๆ อย่างน้องไอลีฟ แต่... “วันนี้ก็ลองเปลี่ยนแนวดูบ้าง”
คนที่โดนเพื่อนยัดเยียดสาวมาให้ถอนหายใจพลางส่ายหน้า ที่ยอมออกมาเจอทั้งที่แทบไม่มีเวลานอน ก็เพราะมันอ้างว่าเหงาและไม่ได้เจอหน้านาน ซึ่งก็นานจริง ถึงแม้กฤษณ์จะบินมาทำธุระที่กรุงเทพฯ ค่อนข้างบ่อย หากก็เป็นเขาเองที่ไม่มีเวลาออกมาเจอ
แต่ดูเหมือนว่าจริง ๆ แล้วเพื่อนก็ไม่ได้อยากเจอเขาขนาดนั้นดังที่ปากว่า เพราะตอนนี้มันให้ความสนใจหญิงสาวข้างกายมากกว่าเขาเสียอีก ทั้งซุกไซ้ ทั้งควัก ทั้งล้วง ถ้าเอากันตรงนี้ได้เลย มันก็คงทำ
เขาไม่ชอบบรรยากาศที่นี่ ก็เพราะแบบนี้ ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยสักนิดเดียว
ตลอดเวลาที่นั่งประกบข้างแขกคนแรกของตน จรัสรักคิดอยากจะดูแล อยากเอาอกเอาใจ ออเซาะแขกอย่างที่พี่บิวตี้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง สมองสั่งให้ทำ ทว่าใจกลับไม่กล้าพอ สุดท้ายเธอจึงทำได้แค่นั่งเฉย ๆ คอยชงเครื่องดื่มให้ทุกครั้งที่เขาดื่มจนหมดแก้ว
จรัสรักจะไม่แปลกใจเลย หากคืนนี้แขกหนุ่มจะไม่พาเธอไปต่อข้างนอก
คงต้องทำใจ บางทีอาชีพนี้อาจจะไม่เหมาะกับเธอ ไม่ใช่อาชีพที่จะทำกันได้ง่าย ๆ จริง ๆ
เมื่อสองเพื่อนสนิทได้เจอหน้าและพูดคุยกันประมาณหนึ่ง กฤษณ์เริ่มทนต่อความต้องการซึ่งเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นทุกนาทีไม่ไหว จึงเรียกพนักงานมาเช็กบิล
จิณณ์ไม่ได้ขัดอะไร เพราะเขาก็อยากออกไปจากสถานที่แห่งนี้เต็มที
หลังจากเคลียร์ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินออกมาหน้าร้าน ขณะเดินกฤษณ์กับบิวตี้ยังคลอเคลียไม่ผละห่าง ส่วนจรัสรักทำเพียงเดินตามหลังออกมาส่งแขกของตน
“ไว้เจอกันใหม่มึง คราวหน้าจะนัดเจอไอ้พวกนั้นด้วย”
“เออ” จิณณ์ตอบรับง่าย ๆ ด้วยรู้ดีว่า ‘คราวหน้า’ ที่มันว่าคงอีกนาน เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทุกคนจะมีเวลาว่างตรงกัน
“กูไปละ มึงก็เต็มที่เลยนะเว้ย พรุ่งนี้จะได้ไปทำงานอย่างสดชื่น” กฤษณ์ว่าพลางเหล่มองไปยังตำแหน่งที่จรัสรักยืนอยู่ด้วยแววตากรุ้มกริ่ม ขณะที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องรู้ราว ด้วยกำลังเครียดเรื่องค่าตัวอันน้อยนิดของคืนนี้ คำนวณในใจคร่าว ๆ ยังไงก็ไม่พอกับค่าใช้จ่ายในส่วนที่จำเป็นมาก ๆ
จิณณ์ไม่ตอบโต้ สีหน้าของเขายังคงเรียบนิ่ง กระทั่งเพื่อนสนิทกับสาวสวยเดินแยกไปยังรถซึ่งจอดอยู่อีกด้านของร้าน ชายหนุ่มจึงหันมามองหญิงสาวที่ยืนเยื้องอยู่ข้างหลัง เป็นจังหวะที่เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขาพอดี
“ขับรถกลับ...”
“รถผมจอดอยู่ด้านนั้น”
จรัสรักกำลังจะส่งแขกโดยบอกให้เขาขับรถกลับดี ๆ ทว่าประโยคที่แทรกขึ้นมาพร้อมกับมือที่ผายไปยังทิศทางหนึ่ง ทำให้เธอต้องชะงักปากลงโดยพลัน หญิงสาวตกตลึง ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนได้ยินนั้นหมายความตามที่คิดหรือไม่ จึงตัดสินใจถามออกไป
“คุณ...หมายความว่าจะให้ระ เอ๊ย ลีฟออกไปด้วยใช่ไหมคะ” เธอเกือบหลุดชื่อตัวเองออกไปอีกแล้ว
“เพื่อนผมจ่ายค่าตัวคุณไปแล้ว”
ร่างบางตาโต แวบแรกคือดีใจที่จะได้เงิน หากเพียงแค่อึดใจต่อมาความรู้สึกประหวั่นก็คืบคลานเข้ามา แม้ว่าผู้ชายตรงหน้าจะหล่อเหลา ดูดี และมีผิวกายที่ดูสะอาดสะอ้าน แต่เพราะเธอไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย จึงอดที่จะรู้สึกกลัวไม่ได้
หญิงสาวพยายามท่องเอาไว้ในใจว่ามันเป็นงาน เธอแค่ทำงานเท่านั้น
ทำงานก็เท่ากับได้เงิน
เมื่อขึ้นมานั่งบนรถและรอให้หญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จ จิณณ์ซึ่งเหลือเวลานอนไม่มากก็เคลื่อนรถออกจากช่องจอดทันที ขับออกถนนใหญ่ได้เพียงครู่เดียว เขาก็หันไปพูดกับคนซึ่งนั่งตัวเกร็งอยู่เบาะข้าง ๆ
“โรงแรมข้างหน้า คุณสะดวกไหม”
จรัสรักมองตรงไปยังป้ายโรงแรมระดับสามดาวซึ่งอยู่ห่างออกไปราวสี่ร้อยเมตร ในใจเธออยากบอกเขาว่าหาโรงแรมที่ถูกกว่านี้ก็ได้ ทว่าเมื่อดูจากเทสต์การแต่งตัว รวมถึงรถราคาแพงที่เขากำลังขับ โรงแรมสามดาวข้างหน้าอาจจะระดับต่ำสุดสำหรับเขาก็เป็นได้
“ค่ะ”
เมื่อได้คำตอบ คนซึ่งนั่งตำแหน่งคนขับก็เปิดไฟเลี้ยวเตรียมเปลี่ยนเลนเพื่อเลี้ยวเข้าสถานที่ดังกล่าวทันที
ราวสิบห้านาทีต่อมาทั้งสองก็มาอยู่ในห้องสวีตลักซ์ซัวรีของโรงแรม จิณณ์บอกให้หญิงสาวเข้าไปอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อยก่อน ส่วนเขาค่อยรออาบต่อทีหลัง
ไม่นานคนที่หายเข้าไปอาบน้ำก็สวมชุดคลุมเดินออกมา จิณณ์ขมวดคิ้วแปลกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าเธอจะอาบน้ำเป็นจริงเป็นจัง ถึงขนาดล้างเครื่องสำอางที่ใบหน้าออกทั้งหมด ไม่เหมือนสาว ๆ ที่เขาเคยเจอ ซึ่งส่วนใหญ่จะล้างแค่ตัว และยังคงสภาพใบหน้าที่ฉาบด้วยเครื่องสำอางเอาไว้
“อาบเสร็จแล้วค่ะ”
“อืม”
จากนั้นเจ้าของเรือนร่างสูงโปร่งก็เดินเข้าไปอาบต่อทันที ยังคงพอมีเวลาให้คนซึ่งไม่เคยมีประสงการณ์เลยได้ทำใจ จรัสรักเดินไปยืนหน้ากระจก หยิบเครื่องเป่าผมออกมาเป่าไรผมที่เปียกชื้นจากการล้างหน้า ก่อนจะหยิบบอดี้โลชันแบบซองของโรงแรมมาแตะ ๆ ทั่วใบหน้า พอแค่ให้ไม่หยาบกร้านจนเกินไป
ร่างบางสะดุ้งด้วยความตกใจเล็กน้อยเมื่อประตูห้องน้ำถูกเปิดออก หญิงสาวเผลอมองผ่านกระจกไปสบกับดวงตาคมกริบของลูกค้าหนุ่ม หัวใจสั่นรุนแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอก ไม่ใช่เพราะใบหน้าหล่อเหลาหรือรูปร่างที่ชวนฝันภายใต้ชุดคลุม หากเป็นเพราะเธอกำลังประหม่า ทำอะไรไม่ถูก และกำลังกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้
แต่กระนั้นเธอก็ทำใจกล้าเอ่ยถามออกไป
“พร้อมหรือยังคะ”